มู่หนานจือ - บทที่ 433 กินเหล้า
คุณหนูใหญ่จูรีบเอ่ยว่า “หลายวันนี้ที่ดินในตระกูลกำลังเก็บเสบียงอาหาร มีผู้ดูแลที่ดินส่งไก่ฟ้าสีทองมาหลายตัว ข้าเห็นว่าสวยมาก จึงจับสองตัวส่งมาให้เจ้าดูของหายาก!”
หลี่ตงจื้อยังไม่เคยเห็นไก่ฟ้าสีทองจริงๆ พอได้ยินก็สนใจมาก
แต่เด็กสาวที่มาเยี่ยมเกาเมี่ยวหรงกลับยิ้มพลางหยอกคุณหนูใหญ่จูเล่นว่า “ในเมื่อมาแล้ว ทำไมถึงจับแค่สองตัวมอบให้ตงจื้อ ไม่คิดถึงพี่เกาบ้าง!”
เกาเมี่ยวหรงรีบห้ามเด็กสาวคนนั้นพูดต่อ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าโตขนาดนี้แล้ว เลยวัยที่จะเล่นสนุกไปนานแล้ว ของเล็กน้อยแบบนี้ ย่อมต้องมอบให้ตงจื้อ” โดยไม่เอ่ยถึงว่าก่อนหน้านี้คุณหนูจูมอบปิ่นปักผมเคลือบทองฝังไข่มุกเหอผู่ให้นางชิ้นหนึ่งแล้ว
คุณหนูใหญ่จูเห็นเกาเมี่ยวหรงไม่เอ่ยถึง ก็รู้ว่าผ่านด่านของนางแล้ว จึงยิ้มพลางลากทุกคนไปดูไก่ฟ้าสีทอง
คนทั้งกลุ่มไปยังลานเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนของเกาเมี่ยวหรง
ไก่ฟ้าสีทองถูกขังอยู่ที่นั่น
ทุกคนเห็นไก่นั้นก็เพียงแค่ใหญ่กว่าไก่ตัวผู้ธรรมดาไม่มากเท่าไร และขนสวยสดงดงามเป็นพิเศษเท่านั้น มันร้องว่า “กุ๊กกุ๊กกุ๊ก” และบินไม่ขึ้น จึงอดที่จะผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นถามว่า “เนื้อของไก่นี้อร่อยหรือไม่?”
เด็กผู้หญิงอีกคนได้ยินก็เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมเจ้าเห็นอะไรก็นึกถึงเรื่องกินไปหมดล่ะ! เลี้ยงไม่ได้อย่างนั้นหรือ? นี่มันสวยกว่าไก่ตัวผู้ใหญ่มากเลย!”
เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่พูดอะไรอีก หลี่ตงจื้อก็หมดอารมณ์เล็กน้อยเช่นกัน จึงยิ้มพลางขอบคุณคุณหนูใหญ่จู แล้วทุกคนก็กลับไปที่เรือนของเกาเมี่ยวหรงอีกครั้ง
เกาเมี่ยวหรงก็ถามถึงการเรียนของหลี่ตงจื้อ
หลี่ตงจื้อเอ่ยตามใจชอบ
เกาเมี่ยวหรงรู้ว่าช่วงนี้นายหญิงคังสอน ‘คัมภีร์กตัญญู’ ให้นางอยู่ตลอด จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “ตงจื้อ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยอ่าน ‘คัมภีร์กตัญญู’ แล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมนายหญิงคังยังสอนเจ้าอ่าน ‘คัมภีร์กตัญญู’ อีก! เจ้าไม่ได้บอกนายหญิงคังหรือ? ว่ากันว่าความรู้ของนายหญิงคังดีมาก คนอย่างพวกเขา…อยู่ที่นี่ไม่นานหรอก เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้ ตั้งใจอ่านหนังสือกับนางหลายๆ เล่มถึงจะถูก”
หลี่ตงจื้อเคยบอก ทว่านายหญิงคังบอกนางว่า การอ่านหนังสือเป็นเรื่องของความสุข ฟังนิทานเรื่องสั้นของคนอื่น เรียนรู้หลักการวางตัว ไม่จำเป็นต้องรีบ ขอเพียงอ่านเข้าใจ แถมนายหญิงคังสอนหนังสือ ยังอ้างอิงข้อมูลจำนวนมากด้วย จนนำไปสู่นิทานเรื่องสั้นเรื่องอื่นมากมาย นี่ทำให้นางรู้สึกสนุกมาก นายหญิงคังน่าจะดูออกแล้ว ช่วงนี้จึงสอนนางเกี่ยวกับนิทานเรื่องสั้นเหล่านี้ตลอด นางจึงรู้เรื่องราวในบันทึกประวัติศาสตร์ไม่น้อยด้วย บางครั้งนางคิดว่า ทำอย่างนายหญิงคัง ถึงจะอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งจริงๆ
นายหญิงคังยังบอกว่า เด็กผู้หญิง…ทำอะไรก็ห้ามรีบทั้งนั้น พอรีบก็เสียกิริยา ให้นางทำอะไรก็สงบสติอารมณ์ก่อน อ่านหนังสือเช่นนี้ วางตัวก็เช่นนี้เหมือนกัน
นางรู้สึกว่านายหญิงคังพูดมีเหตุผลมาก
หลี่ตงจื้ออยากโต้แย้งเกาเมี่ยวหรง แต่พอเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเกาเมี่ยวหรง จู่ๆ นางก็คิดว่า บางทีต่อให้นางบอกเกาเมี่ยวหรง เกาเมี่ยวหรงก็อาจจะไม่เห็นด้วยเช่นกัน ในความคิดของเกาเมี่ยวหรง อ่านหนังสือก็ควรจะเร็ว และอ่านสิ่งที่ควรอ่านให้หมด
นายหญิงคังอ่านหนังสือ เหมือนกำลังชมดอกไม้พลางดื่มชา ในความสบายๆ แฝงความอิสระ ต้องให้ผู้อ่านหนังสือสบายใจก่อน
เกาเมี่ยวหรงอ่านหนังสือ เหมือนกำลังไปเข้าร่วมการสอบ อ่านแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต้องอ่านสิ่งที่ทุกคนรู้ก่อน
นิ้วมือของหลี่ตงจื้อลูบเส้นสีทองที่วาดอยู่บนถ้วยชาเบาๆ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้แล้ว ข้าจะบอกนายหญิงคัง”
เกาเมี่ยวหรงไม่บ่น และยิ้มพลางพยักหน้า
ทว่าไม่รู้ทำไม จู่ๆ หลี่ตงจื้อก็รู้สึกว่าสถานที่ที่เกาเมี่ยวหรงอยู่เตี้ยและแคบ ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!” นางวางถ้วยชาลง และลุกขึ้นบอกลา “พี่สะใภ้นัดช่างตัดเสื้อของก่วงจี้ไว้ ให้ข้ารีบไป”
เกาเมี่ยวหรงอึ้งไปเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ท่านหญิง จะทำเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้าหรือ?”
หลี่ตงจื้อพยักหน้า ใบหน้าเล็กที่อ่อนวัยแลดูจริงจังและระมัดระวัง แล้วเอ่ยว่า “ยังทำเครื่องประดับใหม่ด้วย บอกว่าถึงเวลานั้นให้ข้าไปดื่มเหล้ามงคลที่ตระกูลหลี่กับคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองของตระกูลคัง”
เกาเมี่ยวหรงหน้าซีดลงเล็กน้อยทันที รอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นฝืนใจเล็กน้อยเช่นกัน และเอ่ยว่า “ฮูหยินไปหรือไม่?”
“ไป” หลี่ตงจื้อเอ่ย “ฮูหยินหลี่เป็นเฉวียนฝูเหรินของพี่สะใภ้ พี่สะใภ้บอกว่า ท่านแม่ไม่ไปก็ไม่สมเหตุสมผล และให้ท่านแม่ไปล่วงหน้าสองสามวัน ถึงที่ตระกูลหลี่จะไม่มีอะไรให้ช่วย ก็สามารถช่วยพูดได้เช่นกัน ท่านพ่อให้ท่านแม่เชื่อฟังพี่สะใภ้ ท่านแม่จะไปพรุ่งนี้ แต่พวกเราต้องรอถึงวันที่รับตัวเจ้าสาวแล้วค่อยไป”
“เช่นนั้นหรือ!” เกาเมี่ยวหรงยิ้ม และส่งหลี่ตงจื้อออกไปข้างนอก
คุณหนูใหญ่จูได้ยินก็กลอกตาตลอด นางดื่มไปครึ่งถ้วยชา และบอกลาตามไปด้วยเช่นกัน
หลี่ตงจื้อไม่ได้หลอกเกาเมี่ยวหรง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮูหยินเหอก็ไปช่วยที่ตระกูลหลี่แล้ว
——————————————————-
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับได้รับจดหมายจากเฉาเซวียน
หลังจากนางอ่านจดหมายก็หัวเราะไม่หยุด แล้วกอดฉิงเค่ออย่างตื่นเต้นพลางหมุนไปรอบหนึ่ง จนหลี่ตงจื้อที่ฝึกคัดตัวอักษรอยู่ในห้องของเจียงเซี่ยนตอนนั้นเห็นแล้วตกตะลึง
ฉิงเค่อรีบยิ้มและถามเจียงเซี่ยนว่า “ท่านหญิง ที่เมืองหลวงมีเรื่องมงคลอะไรหรือเจ้าคะ?”
“มีเรื่องมงคล มีเรื่องมงคล!” เจียงเซี่ยนเอ่ยพลางยิ้มตาหยี แล้วถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “เฉิงเอินกง สมกับที่เป็นคนรู้ใจของข้าจริงๆ ข้าจะทำอะไร ต่อให้เขาอยู่ไกลขนาดนั้น ก็สามารถเดาได้เล็กน้อยอยู่ดี”
ฉิงเค่อได้ยินก็ตกใจมาก จึงรีบเรียก “ท่านหญิง”
เจียงเซี่ยนแลดูดีใจมาก และไม่สนเช่นกันว่าฉิงเค่ออยากพูดอะไรกันแน่ นางโบกมือส่งสัญญาณให้ฉิงเค่อเงียบ แล้วใส่ซองจดหมายเข้าไปในกล่องเฉพาะและให้ฉิงเค่อเก็บไว้ แล้วพิงหมอนอิงของเตียงอุ่นหลังใหญ่พลางหัวเราะไม่หยุดคนเดียว
คนที่อยู่ในห้องต่างก็จับต้นชนปลายไม่ถูก
เจียงเซี่ยนก็ไม่บอกเช่นกันว่าเป็นเรื่องอะไร หน้าตาตื่นเต้นมากตลอด เหมือนหวังว่าวันที่หลี่หนิงแต่งงานจะมาถึงเร็วหน่อย
หลี่ตงจื้อรู้สึกกระวนกระวายใจ จนอดไม่ได้ที่จะเล่าให้คุณหนูใหญ่ตระกูลคังฟัง และถามนางว่า “เจ้าว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้พี่สะใภ้ของข้าดีใจขนาดนี้ได้?”
คุณหนูใหญ่ตระกูลคังคิดแล้วก็เอ่ยว่า “จะเป็นเรื่องท่านหญิงชิงฮุ่ยหรือเปล่า? ข้าได้ยินว่าท่านหญิงชิงฮุ่ยเป็นเพื่อนสนิทของท่านหญิง ทั้งสองคนเติบโตที่วังฉือหนิงด้วยกัน”
หลี่ตงจื้อรู้สึกว่าไม่ใช่
ทั้งสองคนเดาอยู่นานมากก็เดาไม่ถูก
จนถึงวันที่ไปดื่มเหล้ามงคลที่ตระกูลหลี่ เจียงเซี่ยนให้คนห่ออั่งเปาใหญ่หลายอันโดยเฉพาะ
ฉิงเค่อคิดว่าจะไปตกรางวัลให้คนที่ตระกูลหลี่ จึงพูดมากอย่างเห็นได้น้อยครั้ง “ท่านหญิง วันนี้ตระกูลหลี่ทำเรื่องดี พวกเราจะกดตระกูลหลี่ลงไปไม่ได้”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ อั่งเปานี้มากเกินไป
แต่เจียงเซี่ยนกลับไม่ใส่ใจ และโบกมือ แล้วไปตระกูลหลี่กับนายหญิงคัง ลูกสาวทั้งสองของตระกูลคัง และนายหญิงเจิ้ง
ตระกูลหลี่แขวนโคมไฟและผูกผ้าไหมหลากสี แขกเยอะมาก รถแล่นกันขวั่กไขว่ คึกคักกว่างานเทศกาลโคมไฟวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งเสียอีก
เจียงเซี่ยนเลิกม่านและเอ่ยกับหลี่ตงจื้อด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าว่าคนในเมืองไท่หยวนทั้งหมดต่างมาสนับสนุนตระกูลหลี่แล้ว”
หลี่ตงจื้อไม่รู้จะพูดอะไรดี ทว่าฉิงเค่อที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ใต้เท้าหลี่รับราชการที่ไท่หยวนมาเก้าปีแล้ว ตามหลักต้องย้ายสักหน่อยแล้ว เพียงแต่…ได้ยินว่าปีนี้ยังย้ายไม่ได้ คาดว่าต้องอยู่ดำรงตำแหน่งที่นี่ต่ออีก ทุกคนต้องขอความโชคดีอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และให้ไป่เจี๋ยพยุงลงจากรถม้า
ฮูหยินหลู่เข้ามาหาทันที
หลังจากคารวะ ทั้งสองคนก็จูงมือกันเข้าประตูฉุยฮวาอย่างสนิทสนมมาก
ฮูหยินติงกับติงหวั่นคุณหนูรองตระกูลติงมาถึงก่อนแล้ว และกำลังคุยกับคุณหนูสามตระกูลหยวนที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอยู่ พอเห็นเจียงเซี่ยนเข้ามาก็ทักทายนางเอง
คนอื่นเห็นแล้ว ก็เข้ามาทักทายเจียงเซี่ยนด้วย
————————————–