มู่หนานจือ - บทที่ 434 หนังสือราชการ
เหล่าสตรีชนชั้นสูงล้อมเจียงเซี่ยนอย่างแน่นหนาและเข้าไปในห้องอุ่นที่ตระกูลหลี่รับรองแขก
ฮูหยินหลี่ได้ยินข่าวก็รีบมาเช่นกัน
เจียงเซี่ยนแนะนำนายหญิงคังกับนายหญิงเจิ้งให้ทุกคน
นายหญิงคังนั้นย่อมไม่ต้องพูดถึงแล้ว แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นสตรีที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์ ส่วนนายหญิงเจิ้งถึงแม้จะหน้าตาธรรมดา แต่ก็สุภาพเรียบร้อย สง่าผ่าเผย และสำรวมเช่นกัน ค่อ อนข้างมีมาดของนายหญิงที่ดูแลงานบ้าน ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมา
ทุกคนพูดคุยพลางหัวเราะ และหลีกทางให้เจียงเซี่ยนไปนั่งลงข้างฮูหยินติง
คนอื่นพากันนั่งลงรอบพวกนาง
สาวใช้นำชากับของว่างมาให้
ทุกคนจึงเริ่มคุยกัน
ทว่าก็คุยกันเพียงแค่พวกเรื่องจุกจิกในชีวิตประจำวันของครอบครัวกับเหล่าเพื่อนบ้านเท่านั้นเช่นกัน
ตอนแรกหลี่ตงจื้อยังตั้งใจฟัง ปรากฏว่ายิ่งฟังยิ่งไม่สนใจ จึงอดไม่ได้ที่จะสังเกตไปรอบด้าน
พอนางสังเกตถึงพบว่า ฮูหยินจวงที่เมื่อก่อนไม่เคยยอมล้าหลังคนอื่นเวลานี้กลับนั่งอยู่ตรงมุมกำแพง และฝืนยิ้มพลางฟังพวกเจียงเซี่ยนคุยกัน เหมือนนกกระทาที่เปียกฝนและกลัวหัวหด ยังมีความหยิ่งผยองอย่างก่อนหน้านี้ที่ไหนกัน
หลี่ตงจื้อเห็นแล้วคลายความโกรธไปมาก จึงอดไม่ได้ที่จะมองฮูหยินจวงอีกเล็กน้อย
ตั้งแต่คำพูดของเจียงเซี่ยนแพร่งพรายออกไป ก็มีคนมากมายจับตามองตระกูลจวง และตระกูลจวงก็เหมือนอย่างที่เจียงเซี่ยนเอ่ยก่อนหน้านี้จริงๆ ไม่ว่าจะวิ่งพล่านไปทั่วอย่างไร ก็ไม่สามา ารถย้ายไปที่อื่นได้ กระทั่งยอมลดระดับเองก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะเรื่องนี้ ระหว่างสามีภรรยากับพ่อและลูกสาวไม่รู้ว่าทะเลาะกันกี่ครั้งแล้ว เวลานี้ระหว่างสามีภรรยาไม่คุยกันแล้ว ฮูหยินจวงก็ความรู้สึกไวกับสายตาของคนอื่นเป็นพิเศษเช่นกัน
นางมองมาทันที
พอเห็นว่าเป็นหลี่ตงจื้อ นางก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ในรอยยิ้มแสดงความประจบประแจงออกมาเล็กน้อยโดยที่นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
หลี่ตงจื้อรีบเบือนหน้าไปทางอื่น ในใจปะปนไปด้วยหลากหลายความรู้สึกจนบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร
ยังดีที่ไม่นานตระกูลหลี่ก็มีคนมาเชิญพวกนางเข้าประจำที่ จึงไม่มีเวลาให้นางรู้สึกมากนัก
และฮูหยินจวงก็ไม่อยากดึงดูดความสนใจของผู้คน จึงตามหลังทุกคนไปยังโถงบุปผาที่จัดงานเลี้ยง
ฮูหยินเหอรออยู่ที่โถงบุปผานานแล้ว พอเห็นพวกนางก็ยิ้มและเข้ามาหา แล้วโอบไหล่ของหลี่ตงจื้อพลางคุยกับทุกคน จนถึงตอนที่เริ่มวางถ้วยกับตะเกียบ หลี่ตงจื้อกับคุณหนูทั งสองของตระกูลคังก็ถูกรับไปที่ห้องเล็กด้านหลัง งานเลี้ยงที่นั่นเป็นงานเลี้ยงที่จัดเพื่อเหล่าคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนโดยเฉพาะ
ติงหวั่นแนะนำคุณหนูทั้งสองของตระกูลคังให้พวกคุณหนูสามตระกูลซือ
ทุกคนแจ้งกันว่าบิดาเป็นจิ้นซื่อหรือจวี่เหริน สอบขุนนางติดปีไหน แล้วส่วนใหญ่ก็นั่งลงตามตำแหน่งหน้าที่การงาน
พวกสาวใช้ก็เริ่มวางอาหารเย็น
ตระกูลหลี่ไม่มีลูกสาว ติงหวั่นจึงต้อนรับแขกแทนฮูหยินหลี่ นางกำลังจะชวนแขก ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากข้างนอกอย่างกะทันหัน
พวกเด็กสาวต่างอดไม่ได้ที่จะเอียงหูตั้งใจฟัง
ไม่นาน ก็มีสาวใช้ที่ใจร้อนวิ่งเข้ามาแสดงความยินดีกับหลี่ตงจื้อ “ยินดีกับคุณหนูใหญ่ด้วย พี่ชายของท่านได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี หนังสือราชการมาถึงไท่ หยวนหมดแล้ว เวลานี้ทุกคนต่างแสดงความยินดีกับใต้เท้าหลี่และท่านหญิงอยู่ข้างหน้าเจ้าค่ะ”
พี่ใหญ่…จู่ๆ ก็กลายเป็นผู้บัญชาการของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี…
หลี่ตงจื้ออึ้งอยู่ตรงนั้น หากไม่ใช่ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลคังดึงชายเสื้อของนาง นางก็คงจะยังไม่ได้สติกลับมาสักพัก
นางคิดได้ว่าตอนที่มาพี่สะใภ้เคยสั่งให้ฉิงเค่อห่ออั่งเปาที่หนามากเยอะๆ หน่อย ใจนางก็เต้นแรงมากทันที
“ตกรางวัล!” หลี่ตงจื้อยิ้มพลางสั่งเสี่ยวเหอสาวใช้ประจำตัวเลียนแบบเจียงเซี่ยน
เสี่ยวเหอรีบหยิบอั่งเปาที่พกติดตัวมาสองอันและออกไปไล่สาวใช้คนนั้น
ไม่ว่าทุกคนจะรู้สึกอย่างไร พอเห็นสถานการณ์ก็กลับมาเยือกเย็นกันหมด และกรูกันเข้ามาแสดงความยินดีกับหลี่ตงจื้อด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ติงหวั่นเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราไปแสดงความยินดีกับท่านหญิงกัน ไปขออั่งเปาจากท่านหญิงสักหน่อย! ผู้บัญชาการของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี นั่นเป็นตำแหน่งระดับสอง สูงกว่าระดับ ของท่านลุงหลี่เสียอีก เรียกได้ว่าเลื่อนสี่ขั้นรวด ตั้งแต่ราชวงศ์นี้ก่อตั้งแคว้นเป็นต้นมาก็เห็นไม่บ่อยนักเช่นกัน!”
คุณหนูสามตระกูลซือไม่เอ่ยสิ่งใด สีหน้าแลดูแข็งทื่อเล็กน้อย
ส่วนคุณหนูใหญ่ลู่ไม่พูดอะไร นางจูงมือของน้องสาวยืนอยู่หลังติงหวั่น ประกาศจุดยืนของตนเองอย่างเงียบๆ
คุณหนูใหญ่ตระกูลคังเห็นแล้วก็ยิ้มตาหยีพลางเอ่ยต่อว่า “ต้องไปขออั่งเปาท่านหญิงสักหน่อย อย่างท่านแม่ทัพหลี่นี้ เป็นคนแรกของราชวงศ์ปัจจุบันจริงๆ ต้องไปเพิ่มบรรยากาศแห่งความ มสุขของท่านหญิงถึงจะถูก” นางเอ่ยจบ ก็ส่งสายตาว่า ‘ตามมา’ ให้น้องสาว และจูงมือของหลี่ตงจื้อไปที่โถงบุปผาด้านหน้า
โถงบุปผาวุ่นวายมากแล้ว ทุกคนต่างแสดงความยินดีรอบเจียงเซี่ยนกับฮูหยินเหอ
เจียงเซี่ยนยังดี นางรับการแสดงความยินดีจากทุกคนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและนุ่มนวล ท่าทางสงบนิ่งและเหมาะสม แล้วสั่งให้ฉิงเค่อตกรางวัลให้ทุกคน ฮูหยินเหอก็ดีใจจนลืมตัวเล็กน้อย นาง งยิ้มพลางเช็ดน้ำตา และสะอึกสะอื้นพลางเอ่ยว่า “ข้าก็รู้ว่าจะมีวันนี้! ท่านแม่ทัพเก่งมาตั้งแต่เด็ก…”
มุมปากของคุณหนูใหญ่ตระกูลคังกระตุกเล็กน้อย
ตำแหน่งแบบนี้…เก่งก็หามาได้หรือ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้หลี่เชียนยังอายุไม่ถึงยี่สิบ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าข่าวนี้แพร่งพรายออกมาได้อย่างไร? แถมยังไม่เร็วไม่ช้า ปรากฏขึ้นในวันที่ตระกูลหลี่จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกพอดี
นางมองเจียงเซี่ยนอย่างไม่ละสายตา
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางคุยกับคนที่อยู่ข้างกาย ทั้งไม่ได้ประหลาดใจเป็นพิเศษ และไม่ได้หดหู่เป็นพิเศษ เหมือนมีแผนการอยู่ในใจก่อนแล้ว ราวกับข่าวนี้อยู่ในความคาดหมายของนางตั้งนาน นแล้ว จึงไม่น่าประหลาดใจเกินไป
นางนึกถึงการพบกันของครอบครัวนางกับเจียงเซี่ยน
หรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านหญิงเจียหนานอย่างนั้นหรือ?
หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นท่านหญิงเจียหนานก็สามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมของราชสำนักได้ไม่ใช่หรือ?
พวกเขามัดอยู่บนเรือลำเดียวกันกับท่านหญิง จะโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่?
คุณหนูใหญ่ตระกูลคังเหงื่อออกตรงขมับ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยอยากเจอบิดาของตนเองเหมือนเวลานี้มาก่อนเลย
ทว่าพอนางปรายตามองไป กลับเจอกับสายตาของติงหวั่นพอดี
ความกลัดกลุ้ม ความกังวล และความกลัวในดวงตาของติงหวั่นทั้งหมดล้วนซ่อนอยู่ในดวงตาสดใสที่สีดำและสีขาวแยกกันอย่างชัดเจน
เช่นเดียวกัน ความกังวล ความกลัว และความร้อนใจในดวงตาของคุณหนูใหญ่ตระกูลคังทั้งหมดต่างก็อยู่ในสายตาของติงหวั่นเช่นกัน
ทั้งสองคนเหมือนเจอคนรู้ใจแล้ว จึงรู้สึกเห็นใจและสงสารกันและกัน
ติงหวั่นกับคุณหนูใหญ่ตระกูลคังอดไม่ได้ที่จะยิ้ม และต่างคนต่างก็เก็บสายตาของตนเองกลับไป
—————————————————-
เรือนด้านนอกก็ก่อความวุ่นวายรุนแรงมากขึ้นแล้ว
ทุกคนอาศัยโอกาสนี้บังคับให้หลี่ฉางชิงดื่มเหล้า แม้หลี่หลินจะสกัดไปไม่น้อยแล้ว แต่คนที่ชวนดื่มเหล้ามีมากเกินไป เขาจึงเริ่มเซเล็กน้อยเช่นกัน อยากเรียกหลี่จี้มาช่วย ทว่ามองซ ซ้ายมองขวาก็หาตัวไม่เจอ เขาเอ่ยปากจะสั่งให้คนไปเรียกหลี่จี้มา แต่พออ้าปากก็มีคนขวางตรงหน้าเขาและเอ่ยคำสรรเสริญเยินยอ จนทำให้เขาปลีกตัวไม่ได้
—————————————————–
ทว่าในลานเล็กๆ ที่กั้นด้วยกำแพงกลับเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด
มีเพียงติงหลิวกับหลี่ขุยนั่งชงชาอยู่บนม้าหินและเก้าอี้หินใต้ไผ่เซียงเฟยมุมกำแพงลานคนละฝั่งซ้ายขวา
“เรื่องนี้…เจ้าคิดอย่างไร?” ติงหลิวมองหลี่ขุยชงชา และหยิบจอกเหล้าเครื่องเคลือบสีขาวที่วาดลายสีทองขึ้นมาจอกหนึ่งเหมือนรอไม่ค่อยไหวแล้ว แล้วถามหลี่ขุยเสียงเบา
“จะคิดอย่างไรได้อีก?” หลี่ขุยเทน้ำที่ต้มเดือดแล้วลงในกาน้ำชา ปิดฝา แช่สองนาที ก็เริ่มแบ่งชาได้แล้ว “ตระกูลหลี่จงใจน่ะสิ! จงใจประกาศเรื่องนี้ในงานแต่งงานของเน่อหมิ่น ให้ทุกคนรู้ว่าตระกูลหลี่ของเขามีที่พึ่ง แถมตำแหน่งของที่พึ่งยังไม่ต่ำด้วย อยากได้ตำแหน่งไหนก็ได้ตำแหน่งนั้น คนแก่สมควรตายอย่างพวกเรา สละตำแหน่งให้เขาจะดีที่สุด”
เขาแลดูอิจฉา ริษยา และเกลียดชัง