มู่หนานจือ - บทที่ 435 เกรงกลัว
ติงหลิวเป็นถึงตำแหน่งนี้ได้ ถึงอย่างไรก็ผ่านเรื่องราวมามากกว่าหลี่ขุยเล็กน้อย
เขาเรียกเบาๆ ว่า “สหายหลี่” และเอ่ยว่า “ความไม่พอใจแบบนี้เอ่ยต่อหน้าข้าก็แล้วไป เอ่ยต่อหน้าคนอื่นต้องระมัดระวังมาก!”
“ข้ารู้!” หลี่ขุยพูดไปก็ยกถ้วยทันที เขาดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมด ทว่าสีหน้ากลับไม่มีความอบอุ่นแม้แต่นิดเดียว
ติงหลิวจำเป็นต้องปลอบใจเขาว่า “เป็นเพียงตำแหน่งขุนนางฝ่ายบู๊ น่าสนใจตรงไหน เขาอายุยังน้อย จะนั่งตำแหน่งนั้นได้มั่นคงหรือไม่ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
หลี่ขุยถอนหายใจ และเอ่ยว่า “ข้าก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน เพียงแต่ถึงอย่างไรก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่านั้น!” เขาพูดไป จู่ๆ ก็อยากรู้ขึ้นมา จึงเอ่ยว่า “สหายติง ส่งข่าวมาถึงมือ ของหลี่ฉางชิงอย่างด่วนที่สุดโดยตรง เจ้าว่าทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้ ดันเป็นวันก่อนที่เน่อหมิ่นจะแต่งงาน? พี่เหยาบอกว่า…ฝ่าบาทไม่ค่อยชอบตระกูลเจียงไม่ใช่หรือ? แล้วพวกเขาของา านที่ดีขนาดนี้มาให้หลี่เชียนได้อย่างไร? มีข่าวอะไรจากพี่เหยาหรือไม่?”
“เรื่องนี้ข้ายังไม่ทันได้บอกเจ้า” ติงหลิวได้ยินก็เอ่ยอย่างจริงจัง “พี่เหยาได้ข่าวตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว จึงเขียนจดหมายมาหาข้า ให้ข้าลองปรึกษากับเจ้าว่าเรื่องนี้ควรจะทำอ อย่างไร ใครจะรู้ว่าราชสำนักจะส่งข่าวมาอย่างด่วนที่สุด สองข่าวทยอยมาถึงติดต่อกัน ข้าอยากบอกเจ้าก็หาโอกาสไม่ได้เลย ตามที่พี่เหยาบอก เรื่องนี้เดิมทีเขาไม่ได้รู้เร็วขนาดนี้ แต่ตอนนั้นมีคนไปแจ้งข่าวกับเฉิงเอินกง แล้วหลุดปาก เหมือนว่าหลายวันก่อนท่านหญิงเจียหนานจะไปเมืองหลวงอย่างลับๆ ทิ้งตระกูลเจียงและไปขอร้องเฉาไทเฮา เฉาไทเฮาออกหน้าลงมือด้วยตนเอง ของานแบบนี้ให้หลี่เชียน ทำให้การจัดการของสำนักราชเลขาธิการวุ่นวายไปหมด จนถึงตอนนี้ราชเลขาธิการวังกับราชเลขาธิการสยงยังกลุ้มเรื่องนี้อยู่เลย! โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งรองกับ ผู้ช่วยกองบัญชาการกำลังสำรอง ตำแหน่งหนึ่งคุมงานภายใน อีกตำแหน่งคุมงานภายนอก ต่อให้หลี่เชียนเก่งแค่ไหน ก็เป็นเพียงคนหนุ่มที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบเช่นกัน อย่างไรก็เห็นกองบัญ ญชาการกำลังสำรองส่านซีเป็นของเล่นและมอบให้ฝ่าบาทเล่นจริงๆ ไม่ได้กระมัง? สองตำแหน่งนี้ต้องเป็นขุนนางเก่าแก่ที่สุขุมลุ่มลึกอย่างแน่นอน จึงคิดว่าย้ายฉินชิงแม่ทัพเมืองกุ้ยมาเป็ นผู้ช่วยให้หลี่เชียนได้หรือไม่”
“ปรากฏว่าฉินชิงยอมอยู่ที่เมืองกุ้ยดีกว่าย้ายไปส่านซี”
“หลังจากนั้นก็นึกถึงสือเหมินถิ่งผู้บัญชาการก่วงตงกับเฉินเจ๋อผู้บัญชาการหูหนานกับหูเป่ยอีก...ต่างก็ไม่ยอม”
“เวลานี้ราชเลขาธิการวังกับราชเลขาธิการสยงกลุ้มใจมาก”
“พี่เหยาบอกว่า เวลานี้ขอเพียงมีคนอาสา ตำแหน่งรองหรือผู้ช่วยกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีก็เป็นของเขาแล้ว แต่ไม่มีใครยอมสักคน”
เขาพูดไปก็ถอนหายใจอย่างจนใจ และเอ่ยว่า “เรื่องนี้…ฝ่าบาทก็เอาแต่ใจเกินไปหน่อยเช่นกัน!”
หลี่ขุยตกใจ และเอ่ยว่า “เรื่องนี้…ท่านหญิงเจียหนานเป็นคนไปขอร้องเฉาไทเฮาจริงๆ หรือ?”
“นางเป็นคนไปขอร้องจริงๆ!” ติงหลิวฝืนยื้ม “ก่อนหน้านี้นางจัดการตระกูลจวง ข้ายังเห็นนางเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง จึงทะเลาะด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่คิดไม่ถึงว่าข้ากลับดูถูกนางแล้ว คว วามสัมพันธ์ของเฉาไทเฮากับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นอย่างไร? กล่าวได้ว่าเคียดแค้นอย่างถึงที่สุด ไม่ตายไม่เลิก! แต่เจ้าดูสิ นางกลับสามารถโน้มน้าวให้เฉาไทเฮาช่วยนางออกหน้าแสวงหาตำแหน่งส สูงให้หลี่เชียนได้…ใช้อำนาจและอิทธิพลกดขี่ข่มเหงคนไม่กลัว กลัวแต่ว่าแม้กระทั่งคู่ต่อสู้ก็สามารถทำงานให้เจ้าได้…”
หลี่ขุยได้ยินก็หน้าซีด แล้วลุกขึ้นตะโกนเรียกผู้ติดตามประจำตัวเสียงดังในทันใด
เขาแทบจะเพิ่งเอ่ยจบ ผู้ติดตามของเขาก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หลี่ขุยถามเขา “เวลานี้ท่านหญิงเจียหนานอยู่ที่ไหน? ใครอยู่เป็นเพื่อน?”
เหล่าสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงล้วนอยู่ที่เรือนด้านใน ต่อให้ผู้ติดตามคนนั้นฝันก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าหลี่ขุยจะถามเรื่องนี้
เขานิ่งไป และรีบเอ่ยว่า “ใต้เท้า ข้าจะไปถามเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
หลี่ขุยพยักหน้า พอผู้ติดตามคนนั้นออกไป ก็อดไม่ได้ที่จะค่อยๆ เดินกลับไปกลับมาในเรือน “ข้าคิดว่าหาเรื่องผู้หญิงคนนี้ให้น้อยหน่อยจะดีกว่า ความคิดของผู้หญิงเข้าใจยาก ใครจะร รู้ว่าจะล่วงเกินนางเมื่อไร หลี่เชียนไปรับราชการที่ส่านซี ก็น่าจะพานางไปด้วยกระมัง? ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเราก็รับใช้นางอย่างดีเหมือนถวายพระโพธิสัตว์ ส่งนางไปส่านซีก็สงบแล้ว ว”
เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่แข็งแกร่ง กล้าหาญ และมีพลังมากกว่าเจียงเซี่ยนในชีวิตเลย!
หาเรื่องไม่ได้แล้ว เขายังหลบไม่ได้ด้วยหรือ?
ติงหลิวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มิน่าเล่าหลี่ขุยอยู่ในวงการราชการมาหลายปีขนาดนี้ก็เป็นได้เพียงเจ้าเมือง
เขาแอบส่ายหน้า และไม่อยากคุยกับหลี่ขุยอีกแล้ว
ดื่มชาไปไม่กี่คำ ผู้ติดตามก็ย้อนกลับมา และเอ่ยว่า “เรือนด้านในก็ได้ข่าวแล้วเช่นกัน ทุกคนต่างขอรางวัลจากท่านหญิงเจียหนาน! ท่านหญิงเจียหนานใจกว้างมาก มอบแท่งเงินเล็กๆ อัน ละหนึ่งตำลึงตกรางวัลไปทั่ว จนเรือนด้านในเหมือนฉลองปีใหม่ คึกคักมาก ฮูหยินติงกับฮูหยินต่างอยู่เป็นเพื่อนท่านหญิง และดูท่านหญิงตกรางวัลขอรับ!”
ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะแลกเปลี่ยนสายตากัน
ใครจะพกเงินรางวัลมากขนาดนั้นไว้ข้างกาย?
นอกเสียจากว่านางได้ข่าวตั้งแต่เช้าแล้ว!
ทั้งสองคนต่างนั่งไม่ค่อยติดแล้ว สุดท้ายจึงกลับไปที่งานเลี้ยงด้วยกัน และแสดงความยินดีกับเจียงเซี่ยนและหลี่ฉางชิงด้วยตนเอง
เจียงเซี่ยนยังดี สงบนิ่งมาก
ทว่าหลี่ฉางชิงกลับเหมือนส้มหล่น เขาดีใจจนหน้าแดง ไม่เพียงแต่ดื่มเหล้าไปไม่น้อย ยังเอาเรื่องที่หลี่เชียนซนตอนเด็กๆ ออกมาพูดด้วย ทำให้ทุกคนหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ ใช่เพราะหลิ่วหลีรีบมา และไอสองสามครั้งเหมือนกำลังสื่อถึงอะไรบางอย่าง หลี่ฉางชิงก็คงจะยังพูดต่อไป
เจียงเซี่ยนอดที่จะสนใจหลิ่วหลีไม่ได้
เรื่องที่จวนสกุลหลี่แต่งลูกสะใภ้ถูกข่าวที่หลี่เชียนถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีกลบหมดแล้ว
กลับถึงจวนสกุลหลี่ ก็ตกรางวัลอีกพักหนึ่ง
ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจ
หลี่ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะเรียกเจียงเซี่ยนมาคุยอย่างภูมิใจมาก “ครั้งนี้หลี่เชียนได้ย้ายไปส่านซี ล้วนเป็นความดีความชอบของเจ้า…”
เจียงเซี่ยนเดี๋ยวอ้าปากเดี๋ยวหุบปาก กำลังอยากถ่อมตนสักหน่อย หลี่ฉางชิงก็โบกมือให้นางแล้ว ส่งสัญญาณให้นางไม่ต้องพูดอีก และเอ่ยว่า “คนในครอบครัวเดียวกันไม่พูดจาเกรงใจกัน คำ ำขอบคุณข้าก็ไม่พูดแล้วเช่นกัน ข้าส่งคนไปส่งข่าวให้จงเฉวียนอย่างด่วนที่สุดแล้ว ให้เขารีบกลับมา”
“แต่ข้าอ่านหนังสือราชการนั้น ให้พวกเจ้าไปรับตำแหน่งก่อนวันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบเอ็ด”
“ส่านซีอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ออกเดินทางกลางเดือนสิบเอ็ดก็พอที่จะรับตำแหน่งแล้ว”
“ไปเร็วเกินไป คนอื่นยังคิดว่าพวกเรารอไม่ไหวแล้ว”
“สองสามวันนี้…เจ้าก็เก็บของที่บ้านแล้วกัน อะไรที่ควรเอาไป อะไรที่จะทิ้งไว้ ตัดสินใจตั้งแต่เนิ่นๆ สินเดิมของเจ้าเยอะ แล้วก็เป็นของล้ำค่าทั้งนั้น อันที่จะทิ้งไว้ก็ต้องเก็ บให้ดีเช่นกัน หากหายไปไม่ใช่เรื่องเล็ก”
“ส่วนจงเฉวียนนั้น…ข้าคำนวณแล้วเขากลับมาไม่ทันแล้ว”
“ถึงเวลานั้นให้เขาไปเจอเจ้าที่ซีอานเลย”
เจียงเซี่ยนรีบพยักหน้าพลางขานว่า “เจ้าค่ะ”
หลี่ฉางชิงก็ถามถึงเรื่องหนังสือราชการ “…บังเอิญเกินไปแล้วจริงๆ! ก่อนหน้านี้เจ้าก็ไม่ได้ข่าวสักนิดหรือ?”
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เฉิงเอินกงก็ส่งจดหมายมาก่อนแล้วเช่นกัน บอกข้าว่าเขาตกรางวัลกรมขุนนางกับกรมกลาโหมแล้ว ให้พวกเขาส่งหนังสือราชการที่ท่านแม่ทัพรับตำแหน่งมาอย่าง งด่วนที่สุด และให้ข้าเตรียมอั่งเปาสำหรับตกรางวัลไว้หน่อย ถึงเวลานั้นจะได้ไม่ลนลานจนวุ่นวาย ข้าคำนวณวันแล้ว น่าจะมาถึงสองวันนี้ จึงเตรียมไว้ล่วงหน้าเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าจะม มาวันนี้ ทว่ามาวันนี้ก็ยิ่งดี พวกเราจะได้ไม่ต้องไปแจ้งพวกเขาเช่นกัน ต่อไปควรจะอยู่ร่วมกับตระกูลหลี่อย่างไร ผ่านปีนี้ไป พวกเขาก็ควรจะคิดให้ดีเช่นกัน”
หลี่ฉางชิงพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มแหยๆ ว่า “เดิมทีอยากขอเพียงตำแหน่งผู้บัญชาการระดับสาม แต่คิดไม่ถึงว่ากลับได้ตำแหน่งผู้บัญชาการระดับสองมา…เหนือความคาดหมา ายเกินไปแล้วจริงๆ…ไม่รู้ว่ามีคนหยุดอยู่ที่ระดับสามตั้งเท่าไร และไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ตลอดชีวิต...เจ้าเด็กนี่ช่างโชคดีจริงๆ…”