มู่หนานจือ - บทที่ 437 สมาชิกพื้นฐาน
“ทำสิ ทำไมจะไม่ทำ!” เจิ้งเจียนเอ่ยพลางนั่งลงข้างกายคังเสียงอวิ๋น และเอ่ยว่า “ต่อให้พวกเราอยากซ่อมทางน้ำทำเกษตรกรรม ก็ต้องให้ทางการสนับสนุนอยู่ดี ได้รับความโปรดปรานจากท่า านหญิง จะกังวลเรื่องใหญ่ไปทำไมอย่างนั้นหรือ?”
คังเสียงอวิ๋นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ข้าไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้ หากท่านหญิงมาหาข้า ข้าจะแนะนำเจ้า ถึงเวลานั้นเจ้าไปคุยกับท่านหญิง เจ้าก็รู้ว่าข้าพูดไม่เก่ง!”
“พูดไม่เก่งอะไรกัน!” เจิ้งเจียนไม่เชื่อ และตะโกนทันทีว่า “ข้าว่าเจ้าคิดว่าท่านหญิงอายุมากกว่าลูกสาวของเจ้าเพียงไม่กี่ปี เจ้าจึงกลัวเสียหน้า! ต้องรู้ว่า ขอเพียงมีปณิธาน ถึงจะ ะอายุน้อยก็ไม่เป็นไร กานหลัวอายุสิบสองถูกแต่งตั้งให้เป็นอัครมหาเสนาบดี ฮั่วชวี่ปิ้งอายุสิบเจ็ดถูกแต่งตั้งให้เป็นโหว ลั่วปินหวังอายุเจ็ดขวบสามารถเขียนบทกวีได้…” เขากำลัง บ่นไม่หยุด ก็มีเด็กรับใช้รายงานผ่านบานประตูว่า “นายท่าน ท่านหหญิงส่งคนมา บอกว่าอยากพบท่านขอรับ!”
เป็นอย่างไร?
ข้าเดาไม่ผิดใช่หรือไม่!
เจิ้งเจียนเลิกคิ้วให้คังเสียงอวิ๋น
คังเสียงอวิ๋นยกนิ้วโป้งให้เจิ้งเจียน พลางตอบเด็กรับใช้เสียงดังว่า “ข้าจะนำชาไปให้ท่านหญิงที่ห้องหนังสือ”
เด็กรับใช้ขานรับและจากไป
คังเสียงอวิ๋นไปเปิดประตูกับหน้าต่าง และหาชาปี้หลัวชุนที่เมื่อก่อนเพื่อนมอบให้เขา เตรียมชงชา
เจิ้งเจียนลุกขึ้นบอกลา แต่กลับถูกคังเสียงอวิ๋นรั้งไว้ “ในเมื่อตัดสินใจตามท่านหญิงไปซานซี ไม่ช้าก็เร็วเจ้ากับท่านหญิงก็ต้องเจอกัน แทนที่จะค่อยทิ้งความประทับใจตอนนั้น สู้จำหน้า าให้คุ้นเคยกันตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า หากต่อไปพวกเราอยู่ซ่อมทางน้ำที่ส่านซีจริงๆ เรื่องที่ต้องการเงินและคนแบบนี้ เจ้าเชี่ยวชาญกว่าข้า ถึงเวลานั้นต้องให้เจ้าออกหน้าอย่างแน่นอน อย่างที่เจ้าบอก ท่านหญิงไม่ใช่คนธรรมดา หากเข้ากับท่านหญิงได้ดี งานของพวกเราก็จะง่ายหน่อยอย่างแน่นอนเช่นกัน”
เจิ้งเจียนคิดแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
คังเสียงอวิ๋นจึงไปต้มน้ำ
น้ำเพิ่งจะต้มเสร็จ นายหญิงคังก็มาเป็นเพื่อนเจียงเซี่ยนแล้ว
พอเห็นเจิ้งเจียน ทั้งสองคนต่างก็อึ้งไป
เจิ้งเจียนรีบลุกขึ้นยืน และหลุบตาพลางทักทายเจียงเซี่ยนกับนายหญิงคัง
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองเจิ้งเจียนอีกเล็กน้อย
รูปลักษณ์ภายนอกของคนได้รับอิทธิพลจากความรู้สึกภายใน วงการราชการเลือกขุนนางก็พิถีพิถันว่าหน้าตาได้สัดส่วนหรือไม่มานานแล้วเช่นกัน พวกคนที่หน้าตาอัปลักษณ์นั้น ไม่ว่าเขียนฎีกาใ ให้ราชสำนักได้ดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะถูกเลือกอยู่ดี
เจิ้งเจียนผู้นี้ทั้งอ้วนและดำ ไม่มีมาดของขุนนางสักนิด ทว่ากลับสามารถอยู่เป็นขุนนางที่เมืองหลวงได้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าคนๆ นี้มีความสามารถและความรู้ที่แท้จริงหรือไม่ แค่เร รื่องการสื่อสารระหว่างคนนี้ เจ้าอ้วนดำนี่ก็เป็นคนเก่งคนหนึ่ง
หลี่เชียนไปเป็นขุนนางที่ส่านซี แน่นอนว่าคนที่มีความสามารถแบบไหนก็ต้องมีทั้งนั้น
ก่อนหน้านี้นางยังคิดจะให้เจิ้งเจียนอยู่ที่ซานซี
ถึงอย่างไรคังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนต่างก็เป็นคนที่นางหามา การเป็นอาจารย์สอนตามบ้านก็เป็นสิ่งที่นางเสนอเช่นกัน นี่เพิ่งจะไม่กี่วัน อาจารย์ทั้งสองต่างก็ตามไปส่านซีแล้ว เวลานั้นจะอธิบายกับหลี่ฉางชิงค่อนข้างลำบาก
ทว่าเวลานี้นางเปลี่ยนใจแล้ว
หลังจากคังเสียงอวิ๋นแนะนำเจิ้งเจียนกับนาง ทุกคนนั่งลงตามลำดับความสำคัญ ดื่มชาไปไม่กี่คำ เจียงเซี่ยนก็อธิบายจุดประสงค์ที่มาอย่างตรงไปตรงมา “คิดว่าท่านทั้งสองจะต้องรู้แล้วอย ย่างแน่นอน ท่านแม่ทัพเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี ปลายเดือนสิบเอ็ดก็ต้องไปรับตำแหน่ง แต่สมาชิกพื้นฐานของศาลาว่าการนี้ยังไม่ครบถ้วน ข้าจึงอยากเชิญท่าน นคังกับท่านเจิ้งตามไปด้วย”
ทั้งสองคนคิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนจะตรงไปตรงมาแบบนี้ แถมเอ่ยปากก็แข็งกร้าว และไม่ได้เชิญอย่างจริงใจครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างที่พวกเขาคิด พอถูกบังคับให้ยอมจำนนในชั่วขณะ ก็กลับไม่ รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
แม้เจียงเซี่ยนจะรู้ว่าตนเองไม่เหมือนเมื่อก่อน ทว่าความหยิ่งยโสในใจยังอยู่ตรงนั้น จึงไม่คิดว่าตนเองทำแบบนี้ผิดตรงไหน เห็นทั้งสองคนไม่ตอบทันที ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเช่นกัน บัณฑ ฑิตก็เป็นแบบนี้ เรื่องเล็กน้อยล้วนต้องชั่งใจนานมาก นางเอ่ยต่อว่า “ซีอานมีคำกล่าวว่า ‘แม่น้ำแปดสายล้อมรอบเมือง’ มาตั้งแต่สมัยโบราณ ท่านคังเชี่ยวชาญการต่อเรือ ท่านเจิ้งเชี่ยวชาญ ญดาราศาสตร์ ไม่ว่าจะซ่อมทางน้ำหรือเสบียงอาหารที่เก็บไว้ในโกดัง ข้าคิดว่า…ท่านทั้งสองต่างมีสถานที่ที่สามารถแสดงความสามารถและสติปัญญาของตนเองได้ แทนที่จะเป็นอาจารย์อยู่ที่นี สู้ตามท่านแม่ทัพไปส่านซีดีกว่า ส่วนเรื่องในครอบครัว ก็ไม่ต้องให้ท่านทั้งสองเป็นห่วงเช่นกัน นายหญิงคังคิดว่าขอเพียงอยู่ด้วยกันกับคนในครอบครัว ไปไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น ส ส่วนคุณชายของท่านเจิ้งผ่านสองปีนี้ไปก็ต้องลงสนามสอบแล้ว ข้าสามารถหาทะเบียนนักเรียนมาให้คุณชายเจิ้งได้ ก็เข้าร่วมการสอบขุนนางที่ซีอาน ข้อสอบทางเหนือง่ายกว่าข้อสอบทางใต้มาโ โดยตลอด ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองคิดเห็นอย่างไร?”
ทางใต้ลีลาในการใช้ภาษาและตัวอักษรเป็นที่นิยมไปทั่ว ทางเหนือเปล่าเปลี่ยวสุดลูกหูลูกตา เพื่อแสดงความยุติธรรม สมัยฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งแคว้นของราชวงศ์นี้จึงใช้แม่น้ำแยงซีเกียงเป็นร่องน้ ำ แบ่งเป็นข้อสอบทางใต้กับข้อสอบทางเหนือ ตอนรับจิ้นซื่อ ใต้กับเหนือต่างครอบครอบจำนวนคนครึ่งหนึ่ง ทางใต้แข่งขันกันดุเดือดกว่าทางเหนือมาโดยตลอด ขุนนางที่มีภูมิลำเนาอยู่ซูเจ้ อจึงเก่งมากกว่าขุนนางจากทางเหนือเป็นธรรมดา
ภูมิลำเนาเดิมของเจิ้งเจียนอยู่จินหวา
ตามกฎ ลูกชายของเขาควรกลับไปเข้าร่วมการสอบขุนนางที่จินหวา
แต่เจียงเซี่ยนกลับสัญญาว่าจะให้ลูกชายของเขาเข้าร่วมการสอบขุนนางที่ซีอาน
นี่ทำให้เขาหวั่นไหวมากกว่าทอง เงิน ไข่มุก และอัญมณีอะไรทั้งนั้น
เจิ้งเจียนดีใจอย่างถึงที่สุดทันที
ทว่าไม่นานเขาก็สงบลง
ท่านหญิงเจียหนานที่สามารถเสนอเงื่อนไขแบบนี้ได้ยิ่งทำให้เขาเกรงกลัว
เขาไม่กล้าคิดมากด้วยซ้ำ หลังจากเตะคังเสียงอวิ๋นทีหนึ่ง ก็ลุกขึ้นยืนทันที และค้อมตัวคารวะอย่างนอบน้อม พลางเอ่ยว่า “น้อมฟังคำสั่งของท่านหญิงขอรับ”
คังเสียงอวิ๋นทำตามเจิ้งเจียนมาโดยตลอด พอเห็นสถานการณ์ก็รีบเอ่ยว่า “น้อมฟังคำสั่งของท่านหญิงขอรับ”
เจียงเซี่ยนพอใจกับท่าทีของทั้งสองคนมาก จึงยิ้มพลางลุกขึ้นยืน และเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รบกวนท่านทั้งสองแล้ว หากมีคนที่ไม่อยากไปก็ไม่บังคับเช่นกัน คนที่อยากไปแค่ต้องนำเสื้อ อผ้าสำหรับเปลี่ยนและซักไป อย่างอื่นมีที่บ้านรับผิดชอบอยู่แล้ว พวกเราออกเดินทางวันที่สิบสองเดือนสิบเอ็ด”
ไม่ได้บอกว่าไปซีอานเลยหรือพักที่อื่น
คิดว่าเรื่องนี้ยังต้องปิดเป็นความลับอย่างแน่นอน
เจิ้งเจียนครุ่นคิดในใจ พลางส่งเจียงเซี่ยนออกไปข้างนอกพร้อมกับคังเสียงอวิ๋นและนายหญิงคัง
เจียงเซี่ยนทำเรื่องนี้เสร็จแล้วก็ไปหาหลี่ฉางชิง
“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นผู้หญิง มีเรื่องมากมายที่ไม่ค่อยสะดวก” นางเอ่ยอย่างนอบน้อมและระมัดระวัง “ครั้งนี้ก็ออกเดินทางอย่างลับๆ อีก ท่านพ่อให้น้องรองคุ้มกันข้าไปซีอานได้หรือไม่ ครั้งที่แล้วเขาไปเมืองหลวงกับข้า ทำงานไว้ใจได้มาก ทุกคนต่างชอบเขามาก”
หลี่ฉางชิงประหลาดใจเล็กน้อย แต่นี่เป็นเรื่องเล็ก เขาไม่มีทางที่จะลูบคมลูกสะใภ้อยู่แล้ว
ไม่นานหลี่จี้ก็รู้ว่าตนเองจะคุ้มกันเจียงเซี่ยนเข้าส่านซี
และตระกูลคังกับตระกูลเจิ้งก็ตัดสินใจไปกับเจียงเซี่ยนแล้ว
ในสำนักการศึกษามีคนตามไป แล้วก็มีคนไม่อยากไปจากบ้าน จึงตัดสินใจอยู่ต่อเช่นกัน
หลายวันนี้ทุกคนต่างไม่มีกะจิตกะใจเรียนแล้ว
เขากลิ้งอยู่บนเตียงอย่างดีใจ และวิ่งไปหาเจียงเซี่ยน
“พี่สะใภ้ทำไมไม่บอกให้ข้าไปด้วย?” เขาขอร้องเจียงเซี่ยน “ข้าก็อยากไปเหมือนกัน คนมากมายในสำนักการศึกษาต่างก็อยากไป”
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องแบบนี้ข้าตัดสินใจได้หรือ? หากเจ้าตั้งใจจริงๆ ก็ไปขอพี่ใหญ่ของเจ้า!” แล้วนางก็ถามถึงเรื่องสำนักการศึกษา “ทุกคนไม่ได้พูดเรื่องอื่นหรือ?”
“ไม่ขอรับ!” หลี่จี้คิดว่าตนเองควรตั้งใจเรียนรู้กับเจียงเซี่ยน ไม่ว่าทำอะไรก็อย่ารีบ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปทีละก้าว ก็เหมือนตอนนี้ พี่สะใภ้ใหญ่พาเขาไปซีอานก่อน ไว้เจอพี่ใหญ่ แล้ว ก็โน้มน้าวให้พี่ใหญ่รั้งเขาไว้วิ่งเต้นทำงานเล็กๆ น้อยๆ บิดาของเขาจะต้องไม่พูดอะไรอย่างแน่นอน เขาคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านหลายวันนี้กับเจียงเซี่ยน “ทุกคนล้วนอยากต ตามพี่ใหญ่ไปดูส่านซีสักหน่อย ทว่าบางคนที่บ้านไม่เห็นด้วย จึงจำเป็นต้องล้มเลิก อย่างจงเทียนอวี่ หม่าหย่งเซิ่ง หลี่เหลย…พวกเขาต่างก็คิดจะไป”
“หลี่เหลย?!”
ลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นน้องชายและญาติห่างๆ ของหลี่เชียน
“ใช่แล้ว!” หลี่จี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เหลยบอกว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่มมิสู้เดินทางหมื่นลี้ ดังนั้นเขาจึงจะไปด้วย และท่านลุงก็อนุญาตแล้วเช่นกัน”