มู่หนานจือ - บทที่ 438 ข่าวลือ
ชาติก่อน ไม่รู้ว่าหลี่เหลยอยู่ในมุมไหน
แต่ชาตินี้ได้ตามหลี่เชียนไปส่านซี ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
ก็เหมือนหลี่จี้ ชาติก่อนเป็นน้องชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวของหลี่เชียน ชาตินี้ใครจะรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นแบบไหน?
เจียงเซี่ยนยิ้ม
หลี่จี้เอ่ยต่อว่า “ท่านพ่อบอกกับคนนอกว่าท่านพี่ต้องไปส่านซีแล้ว จึงต้องรวบรวมงานในมือสักหน่อย หลายวันนี้เลยยุ่งอยู่กับการส่งมอบและรับช่วงต่อตลอด คงจะไม่ว่างบอกลากับท ทุกคนแล้วไม่ใช่หรือ? พอทุกคนได้ยินเรื่องนี้ก็รู้ว่าเป็นเรื่องโกหก และพากันเดาว่าพี่ใหญ่ไปหาตำแหน่งขุนนางที่เมืองหลวง จึงยังไม่กลับมา ท่านพ่อได้ยินแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อหน้าใ ใต้เท้าติงกับใต้เท้าหลี่ ทำให้คนเห็นแล้วเหมือนยอมรับโดยปริยาย ทว่าใต้เท้าติงกับใต้เท้าหลี่ฉลาดมาก พวกเขาถามถึงพี่สะใภ้ แม้ท่านพ่อจะอ้ำๆ อึ้งๆ และตอบอย่างขอไปที แต่ข้าเห็น นท่าทางของใต้เท้าติงกับใต้เท้าหลี่แล้ว พวกเขาไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง พี่สะใภ้ ท่านว่าใต้เท้าติงกับใต้เท้าหลี่จะแอบไปสืบร่องรอยของพี่ใหญ่หรือไม่?”
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็ถามหลี่จี้ว่า “รู้รายละเอียดการเดินทางของพี่ใหญ่ของเจ้าหรือไม่? เขาออกจากเสฉวนหรือยัง?”
หลี่เชียนเหมือนกำลังเล่นซ่อนแอบกับนาง เขามักจะไม่บอกนางว่าเขาเดินทางถึงไหนแล้ว
“รู้แค่คร่าวๆ ขอรับ!” หลี่จี้เอ่ยว่า “พี่ใหญ่เหมือนจะแยกกับพวกท่านเซี่ยแล้ว พาเว่ยสู่ไปอยู่หน้าท่านเซี่ย อวิ๋นหลินบอกว่า พี่ใหญ่อาจจะกลับมาก่อนขอรับ”
นี่ก็ถูกแล้ว!
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว”
หลี่จี้ไม่เข้าใจ
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “มณฑลเสฉวนเดินทางไม่สะดวก จึงกลายเป็นเมืองหนึ่งเอง ราชสำนักเลี้ยงปล่อยและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นที่นั่นมาโดยตลอด หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังอยู่ที่มณฑลเสฉวน มีเรื่องอ อะไรพวกเราก็เหลือบ่ากว่าแรงและช่วยไม่ได้ ขอเพียงออกจากมณฑลเสฉวนก็จัดการง่ายแล้ว ใต้เท้าติงกับใต้เท้าหลี่รู้ร่องรอยของเขาก็ไม่เป็นไรเช่นกัน พวกเขายังไปฟ้องราชสำนักได้อย่าง งนั้นหรือ?”
ต่อให้อยากฟ้อง มีการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้แล้ว เกรงว่าพวกเขาก็ต้องไตร่ตรองว่าเรื่องนี้จะฟ้องสำเร็จหรือไม่เช่นกัน!
เจียงเซี่ยนถามถึงเรื่องข้างนอกอีก “ได้ยินข่าวลืออะไรหรือไม่?”
หลี่จี้ลังเลอยู่ชั่วครู่ และเอ่ยว่า “ข้างนอกไม่มีอะไรขอรับ ทุกคนเพียงแค่บอกประมาณว่าตระกูลหลี่ของพวกเราพึ่งพาอาศัยผู้มีอำนาจและอิทธิพลเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่ง อยากประสบความส สำเร็จและปีนขึ้นตำแหน่งสูงในทันใด ตระกูลหลี่ของพวกเราก็ไม่ได้ถูกคนอื่นนินทาแบบนี้เป็นครั้งแรกแล้วเช่นกัน ขอเพียงพวกเราเองไม่ใส่ใจ คนอื่นพูดไปพูดมา นานๆ ไป ไม่สนุกแล้ว ก็ไม ม่พูดแล้วเช่นกัน เพียงแต่ในบ้านกลับมีบางคำพูดที่ทำให้ข้ากังวลเล็กน้อย” เขาชะงักไป “หลายวันก่อนพี่หลี่หลินตามท่านพ่อไปฝึกในฤดูหนาวแทนพี่ใหญ่ไม่ใช่หรือ? บวกกับพี่ใหญ่ไม่ปร รากฏตัวเลย ทุกคนต่างกำลังเดาว่าพี่ใหญ่ทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า จึงถูกท่านพ่อขังให้ทบทวนความคิดและการกระทำของตนเองในบ้าน แต่ท่านพ่อไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นรู้ได้อีก เรื่อง นี้จึงยิ่งลือก็ยิ่งไปกันใหญ่ ยังมีคนมาถามข้าด้วย กระทั่งถามว่าพี่ใหญ่ทำอะไรผิดกันแน่? เป็นไปได้หรือไม่ว่าไปเมืองหลวงกับพี่สะใภ้? หากพี่ใหญ่ไปเมืองหลวงแล้ว ข้าคิดจะทำอย่าง งไร? เวลานี้พี่ใหญ่เลื่อนตำแหน่ง ทุกคนต่างก็เดาว่าพี่ใหญ่ไปหาตำแหน่งขุนนางที่เมืองหลวงและยังไม่ทันได้กลับมา พากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าพี่ใหญ่จะเริ่มต้นใหม่หรือเปล่า ท่านพ่อไม่พู ดอะไร พี่หลี่หลินอาจจะไม่ได้รับอนุญาตจากท่านพ่อ จึงไม่อาจพูดอะไรได้ ในบ้านก็มีการคาดเดามากขึ้นแล้ว”
“ข้าคิดว่าเรื่องอื่นไม่สนใจก็ได้ แต่เรื่องนี้กลับไม่สนใจไม่ได้”
“ทั้งครอบครัวร่วมแรงร่วมใจกันถึงจะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย ตระกูลหลี่ก็มีทรัพย์สินในครอบครัวที่เก็บสะสมมานานเพียงแค่นี้ หากยังแตกแยกเป็นสองส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ท่านพ่ อยังเป็นแม่ทัพซานซี ก็ไม่ดีต่อทั้งชื่อเสียงและอนาคตของพี่ใหญ่”
ความนัยที่แฝงในนั้นของหลี่จี้ หมายความว่าหลี่ฉางชิงยังมีชีวิตอยู่ หากไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าหลี่เชียนจะสร้างตัวด้วยมือเปล่า จะได้ชื่อว่าอกตัญญ ญู และไม่ดีต่อชื่อเสียงขุนนางของหลี่เชียน
เจียงเซี่ยนแปลกใจเล็กน้อย
เรื่องนี้นางเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
นางไม่พอใจหลี่หลินแล้ว
เรื่องที่แม้แต่หลี่จี้ยังได้ยิน นางเชื่อว่าหลี่หลินก็ต้องได้ยินแล้วอย่างแน่นอน
หากมีใจ ต่อให้หลี่ฉางชิงเงียบไม่พูดไม่จา เขาก็ควรคิดหาทางแก้ต่างให้หลี่เชียนถึงจะถูก
อย่างน้อย…หลี่หลินก็ไม่กระตือรือร้นเรื่องนี้
เจียงเซี่ยนไม่ชอบ
“ข้ารู้แล้ว” นางขมวดคิ้ว “ข้าจะปรึกษาเรื่องนี้กับท่านพ่อ”
หลี่จี้โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” เขาเอ่ย “ครั้งก่อนที่ใต้เท้าติงกับใต้เท้าหลี่มาแสดงความยินดีกับท่านพ่อที่บ้าน เอ่ยถึงรองของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี บอกว่ายังไม่มีคน ใต้เท้าติงอย ยากแนะนำอดีตลูกน้องของเขา ตอนนี้ดำรงตำแหน่งรองผู้ตรวจการอวิ๋นหนาน ข้าคิดว่า…หากพี่ใหญ่สามารถแนะนำคนได้ ทำไมต้องแนะนำคนที่เกี่ยวข้องกับใต้เท้าติง พวกเราใช้คนของตนเองก ก็ได้! แบบนี้ต่อไปคนอื่นติดตามพวกเรา ก็รู้สึกมีอนาคต สั่งคนอื่นขึ้นมา คนอื่นก็ยอมเคารพเลื่อมใสเช่นกัน จะดีแค่ไหนกัน…”
เจียงเซี่ยนได้ยินก็หัวเราะออกมา และเอ่ยว่า “สมองเจ้าไวใช้ได้ทีเดียว ไม่เรียนก็เข้าใจ” และหยอกเขาเล่นว่า “ หรือว่าเจ้ามีคนที่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ? ข้าจะลองใช้เส้นสายให้เจ้า า ดูว่าได้หรือไม่?”
หลี่จี้ได้ยินก็หน้าแดงก่ำ และเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ ท่านหัวเราะเยาะข้าได้อย่างไร? ข้าเพียงแค่คิดแบบนี้ ใช่หรือไม่ ยังคงเชื่อฟังท่านกับพี่ใหญ่ทุกอย่าง…”
“แต่ข้าคิดว่าเจ้าคิดได้ดีมาก” เจียงเซี่ยนทำหน้าขรึม และเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ต่อไปเจ้าก็ต้องครุ่นคิดปัญหาแบบนี้เช่นกัน”
นี่คือได้รับคำชมใช่หรือไม่?
หลี่จี้ยิ้มอย่างงุนงงเล็กน้อย
เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างกึ่งเตือนปนหยอกล้อว่า “เจ้ายังต้องจำสิ่งที่เจ้าพูดเอง ทั้งครอบครัวร่วมแรงร่วมใจกันถึงจะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เจ้ากับพี่ใหญ่ของเจ้า มีสายเลือดเดียวกัน ท้ ายที่สุดพวกเจ้ายังคงเป็นพี่น้องกัน”
หลี่จี้รีบยืดตัวตรงยืนให้ดี แล้วขานรับอย่างจริงจังว่า “ขอรับ”
เจียงเซี่ยนถึงยกชา
หลิวตงเยว่ส่งหลี่จี้ออกไปข้างนอก
เจียงเซี่ยนไปที่เรือนของหลี่ฉางชิง และบอกความกังวลของหลี่จี้กับหลี่ฉางชิง
แน่นอนว่า นางไม่ได้บอกว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นความเกรงกลัวของหลี่จี้
นางมักจะรู้สึกหลี่ฉางชิงไม่เห็นลูกชายอย่างหลี่จี้อยู่ในสายตา
อาจจะเพราะรู้สึกว่าเขาชาติกำเนิดต่ำต้อยเกินไปกระมัง?
หลังจากหลี่ฉางชิงฟังจบ สีหน้าก็เคร่งขรึมอย่างที่คิดจริงๆ เจียงเซี่ยนเพิ่งจะกลับไป เขาก็เรียกหลี่หลินมาทันที ให้หลี่หลินถ่ายทอดคำพูดออกไปในนามของหลี่หลินเองว่า สาเหตุท ที่หลี่หลินได้รับช่วงต่องานของหลี่เชียนตอนฝึกในฤดูหนาว เป็นเพราะว่าเวลานั้นตระกูลหลี่กำลังวางแผนเรื่องเลื่อนตำแหน่งของหลี่เชียนอยู่ เพราะเรื่องราวยังไม่มีวี่แววแม้แต่ นิดเดียว จึงไม่อาจบอกคนนอกได้ ถึงไม่ได้ประกาศ และสาเหตุที่หลี่ฉางชิงให้หลี่หลินควบคุมการฝึกในฤดูหนาว ก็เพราะคำนึงว่าหากหลี่เชียนเลื่อนตำแหน่ง ข้างกายหลี่ฉางชิงก็ไม่ม มีคนที่สามารถช่วยได้ จึงคิดจะเลื่อนตำแหน่งให้หลี่หลิน
ถึงข่าวลือในบ้านจะค่อยๆ สงบลงแล้ว แต่ทุกคนก็เหมือนมีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่น ยังคงไม่ค่อยเชื่อคำอธิบายของหลี่หลิน ทว่าเห็นหลี่หลินยังคงยุ่งมากเหมือนเมื่อก่อน ก็ไม่ กล้าถ่ายทอดคำพูดมั่วซั่วตามใจชอบเช่นกัน เรื่องนี้จึงค่อยๆ หายไป
แต่หัวใจของหลี่หลินกลับกลายเป็นร้อนรนขึ้นตามการเลื่อนตำแหน่งของหลี่เชียน
อย่างที่หลี่ฉางชิงเอ่ย หลี่เชียนไปส่านซี มีพื้นที่แสดงความสามารถที่ใหญ่ขึ้น แถมยังมีจวนเจิ้นกั๋วกงรับรองให้เขา ซานซีนี้…หลี่ฉางชิงกลัวว่าหลี่จี้จะเกิดความคิดอื่น จึงกัน นหลี่จี้มาโดยตลอด ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ใช้หลี่จี้ และหลี่จวีอายุยังน้อย หลี่ตงจื้อก็เป็นผู้หญิง ลูกเขยยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน นอกจากเขาแล้ว ยังมีใครสามารถช่วยหลี่ฉางชิ งได้อีก?
ขอเพียงให้เวลาเขาห้าปี ไม่ อาจจะเพียงแค่สามปี เขาจะต้องช่วงชิงตำแหน่งในตระกูลหลี่ได้อย่างแน่นอน
ถึงเวลานั้น…เกาเมี่ยวหรงยังจะปฏิเสธเขาหรือไม่?