มู่หนานจือ - บทที่ 439 เดา
คิดถึงตรงนี้ หลี่หลินก็อยากเจอเกาเมี่ยวหรงมากในทันใด
เขานึกถึงวันนั้นที่เขายืนอยู่หลังต้นการบูรที่เขียวชอุ่มและเจริญงอกงามของกองบัญชาการฝูเจี้ยน แล้วได้ยินเกาเมี่ยวหรงที่ยังเยาว์วัยเอ่ยพลางถอนหายใจอยู่ตรงนั้นว่า ‘เขาก็ไม่ง่ ายเช่นกัน’ ในใจเขาปะปนไปด้วยหลากหลายความรู้สึกจนบอกไม่ถูก
หลี่หลินเดินไปยังเรือนที่เกาเมี่ยวหรงอาศัยอยู่อย่างรวดเร็ว
เหมือนเช่นเคย เกาฝูอวี้กับเกาเมี่ยวหวาต่างไม่อยู่ เกาเมี่ยวหรงกำลังพาสาวใช้สองสามคนทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ในเรือน พอเห็นหลี่หลินมา นางก็ออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าเต็มไปด้วย รอยยิ้ม และเอ่ยว่า “ท่านมาหาท่านอาหรือมาหาท่านพี่? ท่านอาเพิ่งจะไปที่เรือนของท่านลุงหลี่ พี่หลี่เชียนจะเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีแล้ว ท่าน ลุงหลี่กลัวว่าพี่หลี่เชียนอายุยังน้อย จะคุมไม่ไหว จึงปรึกษากับท่านอาว่าจะพากำลังคนจำนวนหนึ่งไปให้พี่หลี่เชียน ส่วนพี่ไปบ้านเจ้าเมืองหลี่ วันนี้หลี่เจี่ยหยวนจัดง งานเลี้ยงต้อนรับแขกที่บ้าน บอกว่าเบญจมาศสีดำที่บ้านบานแล้ว ต้องคึกคักหน่อย”
นางเอ่ยพลางเชิญหลี่หลินนั่งลงที่ห้องโถง
สาวใช้ยกชากับของว่างเข้ามา
หลี่หลินเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลายวันนี้ทุกคนต่างยุ่งจนหายใจไม่ทัน วันนี้นานๆ ทีจะกลับมาเร็ว บังเอิญเดินถึงเรือนของเจ้าพอดี จึงเข้ามาเยี่ยมสักหน่อย” เขาเอ่ยและถามอย่างไม่สบ บายใจว่า “ข้าไม่ได้รบกวนเจ้าใช่หรือไม่?”
“ไม่ ไม่!” เกาเมี่ยวหรงรีบเอ่ย “ข้าก็ไม่มีธุระอะไรเช่นกัน กำลังสอนพวกสาวใช้ถักเชือกจีนอยู่!”
หลี่หลินนึกได้ว่าเมื่อก่อนเกาเมี่ยวหรงเคยทำรองเท้าให้หลี่เชียน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้ายังทำรองเท้าให้คนอื่นหรือไม่?”
เกาเมี่ยวหรงหน้านิ่งไปเล็กน้อย
เมื่อก่อนนางเคยทำรองเท้าให้หลี่เชียน พวกคนเก่าแก่ของจวนสกุลหลี่ต่างรู้
แต่นางคิดว่าตนเองไม่ได้เสียมารยาท
นางได้รับมอบหมายจากฮูหยินเหอให้ทำรองเท้า
แล้วก็ส่งไปในนามของฮูหยินเหอ
ทว่าคนที่ตั้งใจจริงๆ ไม่มีทางที่จะไม่รู้
นางก็ไม่ปฏิเสธเช่นกันว่าตอนนั้นนางคิดมิดีมิร้ายเล็กน้อยจริงๆ
แต่เวลานี้หลี่เชียนแต่งงานแล้ว แถมคนที่แต่งยังเป็นท่านหญิงเจียหนานที่สามารถทำให้ตระกูลหลี่ได้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่มากได้ด้วย เรื่องนี้ถูกคนเอ่ยถึงขึ้นมาอีกก็ไม่เหมาะส สมแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่นางยังไม่ได้คุยเรื่องแต่งงาน
หลี่หลินไม่รู้กาลเทศะแบบนี้ ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจมาก
ทว่านางกลับไม่อาจล่วงเกินหลี่หลินได้
ไม่ว่าอย่างไร หลี่หลินก็เป็นหลานชายของหลี่ฉางชิง และลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของหลี่เชียน ต้องสนิทกันกว่าหลานสาวของผู้ช่วยที่ปกติไม่ค่อยติดต่อกับพวกเขาด้วยซ้ำ ำอย่างนางมาก
เกาเมี่ยวหรงกัดฟัน ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ทำรองเท้าหรือ! ข้าทำรองเท้าของท่านอากับท่านพี่เองกับมือมาโดยตลอด ของพวกนี้ไม่เหมือนกับเสื้อผ้า ที่บางคร รั้งมีที่ที่ไม่พอดีตัว ก็สามารถมองข้ามไปได้ หากรองเท้ากับถุงเท้าขาดไปแม้แต่นิดเดียว ก็จะรู้สึกว่าอย่างไรก็ไม่สบาย ดังนั้นของพวกนี้ของคนในครอบครัว อย่างเสื้อผ้า…ข้าสามารถ ถมอบให้คนในกลุ่มทำงานเย็บปักถักร้อยไปทำได้ แต่รองเท้ากับถุงเท้ากลับต้องลงมือทำด้วยตนเอง ทำไมจู่ๆ ท่านพี่หลี่หลินถึงถามถึงเรื่องนี้? หรือว่าเห็นว่าช่วงนี้ข้าไม่ค่อยทำงานเย็บป ปักถักร้อยอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่หรอก” หลี่หลินเอ่ย ทว่าสายตากลับจ้องเกาเมี่ยวหรงอย่างไม่วางตา เหมือนกลัวจะตกหล่นอะไรไป และค่อยๆ เอ่ยว่า “แค่นึกถึงเมื่อก่อนสมัยที่อยู่ฝูเจี้ยน ตอนที่เจ้า ข้า แล้วก็จ จงเฉวียนต่างอายุยังน้อย ทุกคนมักจะตากลมอยู่ใต้ต้นการบูรด้วยกัน…”
เกาเมี่ยวหรงทำหน้าขรึมอย่างหาได้ยาก และเงียบไปนานมาก
ตอนนั้นนางเพิ่งมาถึงตระกูลหลี่ หลี่เชียนเหมือนลูกเสือ ร่าเริ่ง สดใส และมีชีวิตชีวา ทำให้คนเห็นเขาแล้วก็นึกถึงแสงแดดและลมในฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น จึงมักจะปลอบใจคนได้
แต่หลี่หลินกลับเหมือนเงาของหลี่เชียน เขามักจะติดตามอยู่ข้างหลังหลี่เชียนเสมอ หากไม่ถือของให้หลี่เชียนก็เฝ้าหลี่เชียนอยู่ข้างๆ จนหลังจากนั้นครึ่งปี นางถึงจะสังเกตเ เห็นหลี่หลิน
เวลานั้นพวกเขาต่างหมุนรอบหลี่เชียน
นางถึงกับคิดว่า หากสามารถหมุนรอบหลี่เชียนได้ตลอดไป นางก็จะไม่มีวันรู้รสชาติของความหนาวหรือเปล่า?
นางขยันเรียนนั่นเรียนนี่ ดูแลหลี่ตงจื้อ รับใช้ฮูหยินเหอ
ทว่าหลี่เชียนกลับยิ่งเดินก็ยิ่งห่าง
จนกระทั่งวันหนึ่งหลี่เชียนไปเมืองหลวง และแต่งงานกับเจียงเซี่ยนท่านหญิงที่แค่เคยได้ยินจากปากของคนอื่น…ชีวิตของนางป่นปี้หมดแล้ว
นางเหมือนจู่ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันอันน่าตกตะลึงขึ้น จนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร?
แล้วก็ไม่รู้เช่นกันว่าอนาคตของตนเองอยู่ที่ไหน?
เวลานี้หลี่เชียนจะตามเจียงเซี่ยนไปส่านซีแล้ว ทว่านางกลับถูกรั้งไว้ที่ซานซี อยู่ที่ซานซีกับฮูหยินเหอและหลี่ฉางชิง
เกาเมี่ยงหรงยิ้มออกมาอีกครั้ง และเอ่ยเบาๆ ว่า “นั่นน่ะสิ! ดังนั้นข้าจึงเห็นที่นี่เป็นเหมือนบ้านของตนเองมาโดยตลอด”
นางจะเฝ้าอยู่ที่นี่ สักวันหนึ่งคนที่บินอยู่ข้างนอกจะเหนื่อยล้า และกลับมาบ้าน
หลี่หลินไม่เอ่ยสิ่งใด
เห็นเป็นบ้านของตนเอง?
เห็นเป็นบ้านชั่วชีวิตของตนเอง?
หรือเห็นเป็นบ้านที่ให้ความรู้สึกยอมรับแก่ตนเอง?
หลี่หลินอยากถามนางมาก แต่ก็แอบรู้สึกว่า ถามเรื่องพวกนี้ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีนัก
เขาลุกขึ้นยืน และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เย็นแล้ว ข้าขอตัวก่อน หากเมี่ยวหวากลับมา เจ้าบอกเขาว่าข้ามาหา ให้เขาไปดื่มเหล้ากับข้าตอนที่ว่าง” และเอ่ยอีกว่า “ได้ยินว่าท่านอาจา ารย์คุยเรื่องแต่งงานให้เมี่ยวหวาแล้ว หากมีอะไรที่ข้าช่วยได้ เจ้าบอกข้าได้เลย ในเมื่อเจ้าเห็นบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเจ้า เช่นนั้นข้าก็เป็นพี่ชายของเจ้าเช่นกัน คนในครอบครั วเดียวกัน อย่าเกรงใจเด็ดขาด”
ทว่าเกาเมี่ยวหรงได้ยินแล้วกลับขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “ท่านพี่หลี่หลิน ก็คิดว่าการแต่งงานนี้ดีมากเหมือนกันหรือ?”
เกาฝูอวี้อยากสู่ขอน้องสาวแท้ๆ ของจงเทียนอี้ให้เกาเมี่ยวหวา
คิดว่าจงฟู่เป็นพี่น้องร่วมสาบานของหลี่ฉางชิง สองสามปีนี้ที่อยู่ซานซีพัฒนาได้ไม่เลว จงเทียนอี้กับจงเทียนอวี่ต่างก็ค่อนข้างมีความสามารถ และคุณหนูจงก็นิสัยแบบฉบับคุณหนูตระกูล ลสูงศักดิ์ ไม่เพียงแต่สุภาพอ่อนโยนและว่านอนสอนง่าย ทว่ายังหน้าตางดงามมากด้วย แต่งมาแล้ว ไม่มีทางที่จะอาศัยพี่น้องสองคนของครอบครัวตนเองและกล้าไม่เคารพเกาเมี่ยวหวากับเกาเมี่ย ยวหรงอย่างแน่นอน
แต่เกาเมี่ยวหรงกลับรู้สึกว่าท่านอาของนางสะเพร่าเกินไปในเรื่องแต่งงานของพี่ชาย
ต่อให้ไม่แต่งงานกับลูกสาวของจิ้นซื่อหรือจวี่เหริน อย่างไรก็ต้องแต่งงานกับลูกสาวของซิ่วไฉกระมัง?
คุณหนูใหญ่ตระกูลจงนั้นนอกจากมีทรัพย์สินในตระกูลมากมาย และต่อไปมีสินเดิมมากหน่อยแล้ว ยังมีอะไรดี?
เกรงว่าถึงเวลานั้นพี่ใหญ่ของนางออกไปเข้าสังคม คนอื่นต่างจะหัวเราะเยาะว่าพี่ใหญ่ของนางแต่งงานกับลูกสาวของคหบดีในชนบทที่มาจากตระกูลที่ยากจนและฐานะต่ำต้อย ทำให้คนอื่นหัวเรา าะเยาะเปล่าๆ
นางไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ท่านอาทำ
หลี่หลินรู้สึกว่าตนเองน่าจะเดาความคิดของเกาฝูอวี้ได้
เมื่อก่อนเกาฝูอวี้คุยโวโอ้อวดว่าเป็นบัณฑิต คนของตระกูลหลี่ต่างก็คิดว่าเขาเป็นบัณฑิตเช่นกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ชอบเชิญเขามาช่วยออกความคิดตลอด ซึ่งเขาก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เช่นกัน จึงได้รับความโปรดปรานจากคนของตระกูลหลี่มาก ทว่าตั้งแต่คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนมา การให้ความสำคัญของใต้เท้าติงกับใต้เท้าหลี่ และการแย่งกันเชิญของเหล่าบัณฑิตใน เมืองไท่หยวน ทำให้เกาฝูอวี้รู้สึกได้อย่างลึกซึ้งแล้วว่าทำไมจิ้นซื่อล้วนเหมือนอนุภรรยา…บัณฑิตอย่างเขา ในสายตาของใต้เท้าติงกับใต้เท้าหลี่ ก็เพียงแค่รู้หนังสือไม่กี่ตัว เท่านั้น และเรียกว่าบัณฑิตไม่ได้ด้วยซ้ำ
บัณฑิตคือคนอย่างคังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียน
แม้คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนจะอาศัยตระกูลหลี่กินข้าวเหมือนกัน แต่ติงหลิวกับหลี่ขุยกลับยังคงสนิทสนมกับคังเสียงอวิ๋นและเจิ้งเจียนเช่นเดิม
หลังจากเขาได้สติกลับมา ก็ต้องคิดเพื่อพี่น้องสกุลเกาแล้วเช่นกัน
เกาเมี่ยวหวาจนถึงตอนนี้ก็ดูข้อดีที่พิเศษไม่ออก ส่วนเกาเมี่ยวหรงก็เป็นเด็กสาวที่มีสินเดิมไม่เท่าไร พวกเขาจะหาตระกูลแบบไหนได้อีก?
เกาฝูอวี้น่าจะคิดไปคิดมา ถึงถูกใจคุณหนูใหญ่ตระกูลจงที่มีทรัพย์สินในตระกูลค่อนข้างมากและนิสัยอ่อนแอ
ด้วยความสัมพันธ์ของตระกูลจงกับตระกูลหลี่ เกาเมี่ยวหวาแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลจง อย่างน้อยชีวิตนี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
อันตรายมีตระกูลหลี่ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมีตระกูลจง…ตั้งแต่นี้ไปเกาเมี่ยวหวากับเกาเมี่ยวหรงก็สามารถวางตัวได้อย่างเปิดเผย และหลุดพ้นจากสถานะอันกระอักกระอ่วนที่ไม่ใช่ทั้ง งนายและบ่าวของตระกูลหลี่แล้ว