มู่หนานจือ - บทที่ 440 ของพื้นเมือง
เสียดายที่เกาเมี่ยวหวากับเกาเมี่ยวหรงไม่เข้าใจ และคิดว่าการแต่งงานที่เกาฝูอวี้ถูกใจนี้แปลกมากจริงๆ
หลี่หลินเพียงแค่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับตื่นเต้น
หากเกาฝูอวี้ถูกใจตระกูลจง ก็น่าจะถูกใจเขา
ทรัพยากรที่ดีในตระกูลให้หลี่เชียนไปหมดแล้ว หากสามารถช่วงชิงเกาฝูอวี้มาอยู่ฝ่ายเขาได้ เขาจะกังวลเรื่องใหญ่ไปทำไมอย่างนั้นหรือ?
หลี่หลินยิ้มพลางออกจากที่พักของเกาฝูอวี้
—————————————————–
ทางเจียงเซี่ยนทิ้งสินเดิมที่มีค่าและพกพาลำบากเอาไว้ที่ซานซีจำนวนหนึ่ง โดยหลี่ฉางชิงส่งคนที่รับผิดชอบงานนี้โดยเฉพาะส่งไปบ้านเก่าที่เฝินหยางอย่างลับๆ แล้ว ส่วนพวกตั๋วเงิน ทอง เงิน ไข่มุก และอัญมณีใส่หีบสองสามใบ และพกติดตัวไป พอเห็นว่าปฏิทินหวงลี่พลิกไปถึงช่วงเดือนสิบเอ็ดแล้ว ทางหลี่เชียนยังไม่มีข่าว เจียงเซี่ยนรู้ว่ารอหลี่เชียนไม่ไห หวแล้ว หลังจากปรึกษากับหลี่ฉางชิง จึงออกเดินทางไปส่านซีตามวันที่ตกลงกันก่อนหน้านี้
ตอนที่รถม้าที่ยาวมาก องครักษ์จำนวนมาก เครื่องแบบขุนนางสีสวยสดปะปนอยู่ในนั้น และขบวนที่ยาวเหยียดค่อยๆ ผ่านประตูเมืองไท่หยวน ทำให้ชาวบ้านมามุงดูไม่น้อย
เจียงเซี่ยนนั่งอยู่ในรถม้าอย่างเรียบร้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงตอนที่นางออกจากพระราชวังต้องห้ามไปพักร้อนที่ภูเขาวั่นโซ่วในฐานะฮองเฮาเป็นครั้งแรก
คล้ายกับตอนนี้ทีเดียว
ตอนนั้นนางไม่เคยคิดฝันว่า ตนเองกับจ้าวอี้จะไปถึงขั้นที่ต่อสู้กันด้วยชีวิต
ชาตินี้อนาคตของนางกับหลี่เชียนจะเป็นอย่างไรอีก?
เจียงเซี่ยนเลิกม่านรถออก และมองกำแพงเมืองของเมืองไท่หยวนค่อยๆ เล็กลง จนมองไม่เห็นในสายตาของตนเอง
พวกนางต้องเดินทางสิบสองวัน จึงไม่รีบร้อน
เจียงเซี่ยนใช้ขบวนของท่านหญิงครึ่งหนึ่ง…รูปแบบในการเดินขบวนใช้ของหลี่เชียน แต่รูปแบบของรถกับม้ากลับใช้ของตนเอง ดังนั้นรถม้าของนางจึงกว้างใหญ่มาก เวลาว่างไม่มีอะไรทำ บาง งทีก็คุยเล่น บางทีก็เล่นไพ่ฆ่าเวลากับสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของนายหญิงคังกับนายหญิงเจิ้ง นายหญิงเจิ้งนั้นยังพูดง่าย นางเป็นเพียงลูกสาวของซิ่วไฉที่สอบตก ทว่านาย ยหญิงคังกลับเป็นลูกสาวของตระกูลฮวา บุญคุณและความแค้นของเหล่าตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจสามารถเล่าได้ถึงหกสิบปีก่อน ซึ่งได้ยินมาจากปากนายหญิงเฒ่าสกุลฮวา เจียงเซี่ยนคิดมาโด ดยตลอดว่าสิ่งที่พูดออกมาจากปากคนเหล่านี้ต่างหากที่เป็นความจริงครึ่งหนึ่ง ส่วนพวกสิ่งที่เขียนลงในหนังสือทั้งหมดเป็นคำพูดโกหกทั้งนั้น ดังนั้นนางจึงสนใจมาก ทุกช่วงเวลานี้นาย ยหญิงเจิ้งจะยิ้มพลางทำงานเย็บปักถักร้อยกับพวกฉิงเค่อ นางเป็นผู้หญิงที่นิสัยอ่อนโยนแต่กลับมีความคิดเป็นของตนเองมาก เจียงเซี่ยนจึงชอบมากเช่นกัน และเพราะหลี่เชียนไม่อยู่ในก การเดินทาง ตอนพวกนางพักที่จุดแวะพักระหว่างทางของอำเภอหรือเมือง จึงไม่รับงานเลี้ยงจากขุนนางแต่ละที่ ส่วนของพื้นเมืองที่มอบให้นั้นหลังจากรับไว้ก็ลงบันทึกไว้ในสมุดรายชื่อ เก็บไว้ใช้เป็นของขวัญตอบแทนในภายภาคหน้า
เดินทางแบบนี้เจ็ดแปดวัน ในที่สุดก็เข้าสู่ส่านซี และพักที่จุดแวะพักระหว่างทางของอำเภอฮว่าอิน
นายอำเภอของอำเภอฮว่าอินชื่อเฉินเฟย มาจากตระกูลจิ้นซื่อ เจียงเซี่ยนไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน ตอนที่เขาส่งคนมามอบของพื้นเมือง เจียงเซี่ยนขอให้ท่านเจิ้งไปพบ ใครจะรู้ว่าท ท่านเจิ้งกลับมากลับทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย และเอ่ยว่า “นายอำเภอเฉินมีธุระจึงไปบ้านเกิดแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าท่านหญิงจะมาถึงฮว่าอินเร็วขนาดนี้ จึงกลับมาไม่ทันในชั่วขณะ เลยส่งผู้ช่ วยของเขามาคารวะท่านหญิงขอรับ”
ในเมื่อผู้ช่วยยังมาได้ แล้วทำไมเฉินเฟยถึงไม่มา?
ความคิดฉายวาบผ่านไปในสมองของเจียงเซี่ยน นางเห็นท่าทางของเจิ้งเจียนก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นายอำเภอเฉินมอบของพื้นเมืองอะไรให้พวกเราบ้างหรือ อ?”
นี่เป็นธรรมเนียมที่ไม่ดีในวงการราชการ
มีขุนนางที่ไปรับตำแหน่งผ่านเขตที่ปกครอง ขุนนางท้องถิ่นจะพากันเตรียมของขวัญจำนวนมากมอบให้ขุนนางที่ผ่าน หากเป็นขุนนางทั่วไปยังพูดง่าย ถ้าเป็นขุนนางใหญ่ที่ปกครองมณฑลต่างๆ ร ระดับสามขึ้นไปและปกครองสถานที่หนึ่ง การมอบเงินนับร้อยนับพันตำลึงให้ก็ไม่ใช่เรื่องหายากเช่นกัน
ถึงหลี่เชียนจะเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ แต่ก็เทียบไม่ได้กับที่เขาแต่งงานกับท่านหญิงที่เติบโตที่วังฉือหนิง และยังข้ามสี่ขั้นรวด โดยฮ่องเต้เป็นคนแนะนำให้เป็นผู้บัญชาการของกองบั ญชาการกำลังสำรองส่านซีโดยตรง แถมก่อนหน้านี้ยังล้มใต้เท้าจวงผู้ช่วยผู้ว่าราชการมณฑลซานซีกับเวินเผิงรองเสนาบดีกรมอาญา ใครยังกล้าดูถูกหลี่เชียน
ระหว่างทางนี้เจียงเซี่ยนได้รับ ‘ของพื้นเมือง’ ไม่น้อย
สิ่งที่มีค่าที่สุดในนั้นคือ ‘ของพื้นเมือง’ ของไป๋จี๋นายอำเภออวิ้นเฉิง
เงินสองพันตำลึง
เจียงเซี่ยนจึงให้คนไปสืบเรื่องของไป๋จี๋ผู้นี้สักหน่อย
เดิมทีคนๆ นี้เป็นลูกชายของพ่อค้าชาใหญ่ของฝูเจี้ยน คนหลายรุ่นมีบัณฑิตอย่างเขาแค่คนเดียว ปกติไม่รับเงิน และเงินที่ใช้ก็เป็นเงินที่ในครอบครัวมอบให้เช่นกัน
นางได้ยินถึงรู้สึกดีขึ้น จึงมอบหรูอี้หยกคู่หนึ่งที่นำออกมาจากในวังให้เป็นรางวัลแก่ไป๋จี๋
ไป๋จี๋ดีใจจนออกนอกหน้า และส่งกลับไปถวายหอบรรพบุรุษสกุลไป๋ที่ฝูเจี้ยนบ้านเกิด
เวลานี้เฉินเฟยถึงกับไม่ยอมมาพบนาง นี่ยังเป็นคนแรกที่นางเจอ
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองเจิ้งเจียนด้วยรอยยิ้ม
เหงื่อของเจิ้งเจียนผุดออกมาทางหน้าผากทันที
เขาไม่เคยติดต่อกับเจียงเซี่ยนมาก่อน สิ่งที่ได้ยินก็เป็นเพียงพวกข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงเช่นกัน ครั้งนี้ไปรับราชการที่ซีอานเป็นเพื่อน เขาสังเกตอย่างละเอียด เรื่องอื่นยังไม่ พบ แต่กลับพบว่าเจียงเซี่ยนมองเงินทองอย่างเฉยชามาก และค่อนข้าง ‘สะเพร่า’ งานมากมายล้วนมอบให้คนอื่นจัดการ ส่วนตนเองไม่ค่อยกังวลนัก
นี่ทำให้เจิ้งเจียนอดที่จะสงสัยข้อสรุปที่แน่นอนว่า ‘ท่านหญิงเจียหนานไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา’ ขึ้นมาไม่ได้
ทว่าแค่เจียงเซี่ยนยิ้มให้เขาแบบนี้ จู่ๆ เขาก็พบว่า เรื่องบางเรื่องนั้นเขาคิดมากไปเอง
เขาควรจะเชื่อลางสังหรณ์แรกของตนเองถึงจะถูก
ท่านหญิงเจียหนานเป็นผู้หญิงที่มีความคิดลุ่มลึก
เรื่องบางเรื่อง นางไม่พูด นางไม่ยุ่ง ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ แต่นางคิดว่าไม่จำเป็นต้องยุ่ง
เหงื่อบนหน้าผากเขามากขึ้นแล้ว
เจิ้งเจียนคิดแล้วก็กัดฟันเอ่ยว่า “นายอำเภอเฉินผู้นี้มาจากตระกูลยากจน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีข้อบกพร่องของบัณฑิตบ้าง โอหัง ถือดี และเข้าสังคมไม่เก่ง แต่กลับเป็นคนดีคนหนึ่ง หล ลายปีนี้ปกครองอำเภอฮว่าอิน ก็ไม่เคยมีเรื่องผู้ลี้ภัยหนีหัวซุกหัวซุน…”
เจียงเซี่ยนเห็นเจิ้งเจียนเหมือนช่วยพูดให้เฉินเฟย ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และเอ่ยว่า “ข้าเพียงแค่ถามว่าเขามอบอะไรให้ข้าบ้าง เจ้ากลับช่วยพูดให้เขาเป็นกระบุง หรือว่าพวกเจ้ าเป็นคนที่สอบขุนนางผ่านรุ่นเดียวกันอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ขอรับ” เจิ้งเจียนเอ่ยอย่างลำบากใจ “เขาน่าจะอ่อนกว่าข้าสองสามรุ่น…ข้าเพียงแค่กลัวว่าท่านหญิงจะไม่พอใจ…”
นัยน์ตากลมโตที่โตมากของเจียงเซี่ยนยิ้มจนโค้งมากขึ้นแล้ว สายตาที่มองเขาก็อบอุ่นมากขึ้นเช่นกัน ทว่ากลับให้ความรู้สึกที่มีสติปัญญาล้ำลึกและสามารถรับมือได้ทุกเรื่องและมีแ แผนการอยู่ในใจก่อนแล้วแก่คน ทำให้เจิ้งเจียนขาดความมั่นใจมาก
เขาพูดต่อไปอีกก็ไม่สนุกแล้ว
เจิ้งเจียนหลับตา และเอ่ยว่า “นายอำเภอเฉินส่งพุทราแดงกับลูกเดือยมาจำนวนหนึ่ง บอกว่าทั้งหมดเป็นของที่เพิ่งเก็บเกี่ยวปีนี้ บำรุงหยินหยางดีที่สุดแล้ว เชิญท่านหญิงลองชิมขอรับ”
นี่ก็ถูกแล้ว
เฉินเฟยผู้นี้เกลียดการประจบนาง
แถมยังอาจจะเกลียดเรื่องแบบนี้มากด้วย
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า และเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็มอบสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือเป็นของขวัญตอบแทนชุดหนึ่งแล้วกัน”
ช่วงนี้เจิ้งเจียนเหมือนกลายเป็นผู้ช่วยของนาง มีเรื่องอะไร นางก็มอบให้เขาไปทำหมด ซึ่งเจิ้งเจียนก็สามารถทำให้นางรู้สึกเหมาะสมและรอบคอบได้ทุกครั้งเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าคนที่มีความสามารถที่ยังไม่ถูกค้นพบซ่อนอยู่ท่ามกลางประชาชน ไม่ใช่ไม่มียอดฝีมือ เพียงแต่สภาพสังคมในยุคสมัยปัจจุบันเลวร้ายเกินไป คนพวกนี้จึงซ่อนอยู่ท่ามกลางประชาชน นหมด
เจียงเซี่ยนไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ในความคิดของนาง ท่าทางแบบนี้ไม่คุ้มที่จะช่วยให้เติบโต และคนที่ไม่มอบของขวัญให้นางก็ไม่ได้เก่งตรงไหนเช่นกัน สิ่งที่นางกังวลในเวลานี้คือผู้ ที่ถูกเลือกให้เป็นรองกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี
เพราะรองส่วนใหญ่คุมงานภายใน หากคนที่คู่ควรไม่เหมาะที่จะใช้ ย่อมจะเพิ่มปัญหาให้มากมาย
ตามที่เฉาเซวียนบอก กรมขุนนางกับกรมกลาโหมตัดสินใจให้ไช่ซวงผู้บัญชาการประตูตะวันออกกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครดำรงตำแหน่งรองกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีแล้ว