มู่หนานจือ - บทที่ 442 พบกันอีกครั้ง
สาวใช้โล่งอก และถอยไปข้างๆ
หลี่เชียนก็เริ่มช่วยบีบผมให้เจียงเซี่ยนอย่างจริงจัง
ทว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน ต่อให้เฉียบแหลมแค่ไหนก็เทียบพวกฉิงเค่อไม่ได้อยู่ดี ผมถูกเกี่ยวอยู่ หนังศีรษะจึงมีความรู้สึกเจ็บแสบตลอด แต่ความสนิทสนมมากแบบนี้ห หายากเกินไป เจียงเซี่ยนอดทนอยู่ตลอดเวลา โดยไม่เอ่ยสิ่งใด
ฉิงเค่อเห็นผมสีดำยาวมากติดอยู่บนผ้าเช็ดหน้าผ้าฝ้ายสีขาว ก็ปวดใจจนมุมปากสั่นเล็กน้อยไปหมด
ทว่าหลี่เชียนกลับไม่สังเกตเห็นแม้แต่นิดเดียว…เขาคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติมาก ตอนที่เด็กรับใช้บีบผมให้เขา ก็มักจะมีผมร่วงเหมือนกัน
เขาคุยกับเจียงเซี่ยน “เจ้ารับประทานอาหารเย็นไปหรือยัง? เดี๋ยวกินเป็นเพื่อนข้าหน่อย! ไม่กินกับข้าวของอาหารเย็น ดื่มน้ำแกงสักหน่อย ก็ถือว่าอยู่เป็นเพื่อนข้า”
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “อืม” เบาๆ สีผิวแดงเปล่งปลั่ง นัยน์ตาสดใส ดูออกว่าอารมณ์ดีมาก
ทว่าการขยับมือของหลี่เชียนกลับเบาและนุ่มนวลมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นาน ชีกูก็พาพวกสาวใช้เข้ามาตั้งอาหาร
ฉิงเค่อรีบเดินเข้าไปเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าให้สาวใช้ล้างมือให้ใต้เท้าดีกว่า? ข้าบีบผมให้ท่านหญิงเองเจ้าค่ะ”
หลี่เชียนลังเลอยู่ชั่วครู่
ผมของเจียงเซี่ยนดำขลับ แต่ที่นิ้วกลับนุ่มลื่นเหมือนผ้าไหม ทำให้เขาชอบจนไม่อยากปล่อยมือ
ทว่าเจียงเซี่ยนจะต้องขึ้นเตียงนอนต้นยามห้ายทุกคืน เวลานี้เย็นแล้ว และอยู่ระหว่างทาง กลางวันเจียงเซี่ยนนั่งรถมาทั้งวันแล้ว คิดว่าจะต้องเหนื่อยมากแล้วอย่างแน่นอน จึงยิ่งคว วรพักผ่อนเร็วหน่อยถึงจะถูก และรอเขาบีบผมให้นางจนแห้งแล้วค่อยรับประทานอาหารเย็น ก็คงจะเลยยามห้ายแล้ว…
เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ฉิงเค่ออย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย และล้างมือ แล้วนั่งกินข้าวบนโต๊ะอุ่นคนละฝั่งซ้ายขวากับเจียงเซี่ยน
จุดแวะพักระหว่างทางของอำเภอฮว่าอินถือว่าเป็นจุดแวะพักระหว่างทางที่ค่อนข้างใหญ่ในแถบนี้แล้ว แถมวัตถุดิบยังหลากหลายมาก บวกกับตระกูลหลี่ยอมออกเงิน ถึงจะฉุกละหุก ก็ยังมีเ เคาหยก ปลาไนน้ำแดง ไก่ดอกชบา ลูกชิ้นสี่สุข…สุดท้ายยังมีน้ำแกงไก่ดำหนึ่งชามใหญ่ จึงจัดอาหารได้เต็มโต๊ะ
หลี่เชียนตักน้ำแกงไก่ให้เจียงเซี่ยนถ้วยหนึ่งเองกับมือ พลางคิดว่าปกติเจียงเซี่ยนกินแต่ผักกาดขาวลวก จืดมาก จึงใช้ช้อนแกงอยากตักน้ำมันที่ลอยอยู่ในน้ำแกงออก ใครจะรู้ ว่าตักออกแล้วก็มีอีก น้ำแกงไก่ที่เดิมทีก็มีแค่สองในสามถูกเขาตักออกจนใกล้จะเห็นก้นแล้วน้ำมันที่ลอยอยู่ในน้ำแกงก็ยังคงอยู่ข้างบนเช่นเดิม
เขาอดไม่ได้ที่จะท้อแท้
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้ว นางรับถ้วยในมือเขาไปยื่นให้ไป่เจี๋ย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบมือที่วางอยู่บนโต๊ะอุ่นของหลี่เชียน
เวลาที่มีคนนอก นี่เป็นการเปิดเผยความรู้สึกที่หายากของเจียงเซี่ยนแล้ว
หลี่เชียนอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด จึงไม่มีเวลาสนใจน้ำแกงไก่ถ้วยนั้นแล้ว เขาจับมือของเจียงเซี่ยนอย่างมั่นใจเล็กน้อย อย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
เจียงเซี่ยนหูแดงหมดแล้ว ในใจก็คิดถึงหลี่เชียนมากเหมือนกัน จึงปล่อยให้เขาจับแบบนั้น และใช้มือข้างเดียวกินช้อนแกง แต่เดิมทีนางก็ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารไม่ค่อยเป็นอยู่แล ล้ว ทีนี้จึงยิ่งไม่คล่องแคล่ว
ทว่าเจียงเซี่ยนที่เป็นแบบนี้ ในสายตาของหลี่เชียนก็น่ารักอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้
เขาหาเนื้อไร้มันชิ้นเล็กในขาหมูตงพัวที่เปื้อนเครื่องพะโล้ของขาหมูตงพัวยื่นไปใกล้ปากเจียงเซี่ยน แล้วเอ่ยว่า “เครื่องพะโล้ของขาหมูนี้ทำได้ดี เจ้าลองชิมดู”
ปกติเจียงเซี่ยนแตะต้องอาหารประเภทเนื้อสัตว์และผักที่มีกลิ่นแรงน้อย ตอนอาหารเย็นกินไก่ดอกชบาไปสองชิ้นแล้ว นางจึงลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังกินอยู่ดี
คนเมืองหลวงชอบกินอาหารซานตง คนครัวคนนี้อาจจะทำอาหารให้คนที่อาศัยอยู่ที่จุดแวะพักระหว่างทาง จนยุ่งกับการเข้าสังคมมามากแล้ว รสชาติอาหารจึงค่อนข้างอร่อย นานๆ ทีกินแบบนี้ สักคำ รสชาติดีมาก
เจียงเซี่ยนพยักหน้าพลางยิ้มตาหยี
ทว่าหลี่เชียนกลับไม่กล้าให้นางกินอีกแล้ว จึงมือหนึ่งจับเจียงเซี่ยนไว้ และอีกมือพุ้ยข้าว กินติดกันสองถ้วยถึงจะช้าลง
เจียงเซี่ยนเห็นเขากินอย่างมีความสุข ก็สั่งให้ฉิงเค่อตกรางวัลให้คนครัว
ฉิงเค่อยิ้มพลางถอยออกไป
หลี่เชียนกินอีกสองถ้วยถึงจะวางตะเกียบลง
เนื้อกับผักทั้งโต๊ะต่างถูกเขากำจัดไปเกินครึ่ง
คนที่กินได้ล้วนร่างกายแข็งแรง!
นี่เป็นสิ่งที่หมอหลวงเถียนเอ่ย
เจียงเซี่ยนก็ยิ่งดีใจแล้ว แต่นางไม่กล้าให้หลี่เชียนดื่มชา จึงลากเขาไปเดินเล่นย่อยอาหารในห้อง
หลี่เชียนเหนื่อยเล็กน้อย ทว่าเห็นเจียงเซี่ยนคึกคัก และรู้ว่านางกำลังเป็นห่วงตนเอง จึงปล่อยให้เจียงเซี่ยนลากตนเองเดินไปเดินมาในห้อง
จนกระทั่งสาวใช้เก็บของและถอยออกไป เจียงเซี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงเส้นทางเสฉวนของเขา
“ดีที่เจ้าขอเทียบขอพบจากจั่วอี่หมิง” หลี่เชียนเอ่ยพลางถอนหายใจเล็กน้อย “ครั้งนี้พวกเราไม่เพียงแต่ซื้อเหล็กดิบมากมายจากเหมืองหลวง ทว่ายังซื้อเหล็กดิบจำนวนมากกลับมาจากพ พวกเหมืองส่วนตัวด้วย แถมยังคุยกับพวกเถ้าแก่ของเหมืองส่วนตัวแล้ว ต่อไปหากต้องการของพวกนี้อีก ส่งเว่ยสู่ไปก็พอแล้ว ข้ากลัวถูกคนเห็น จึงแยกกองกำลังทหารเป็นสองทางกับพวกเซี ยหยวนซี ข้าคุ้มกันของด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่กลับมาช้าขนาดนี้เช่นกัน”
เขาพูดไป สายตาที่มองเจียงเซี่ยนก็เจือความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“แน่นอนว่าเรื่องงานสำคัญ!” เจียงเซี่ยนเองเป็นคนที่เคยเป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทน จึงรู้ว่าเรื่องบางเรื่องพอลงมือทำก็ทำตามใจตนเองไม่ได้…โอกาสผ่านไปง่ายมาก ไม่ฉวยโอกาสคว ว้าไว้ให้แน่น พอหันกลับมาอีกที ก็ตกอยู่ข้างหลังคนอื่นไกลมากแล้ว ก็เหมือนแล่นเรือทวนน้ำ คนที่แข่งขันมีมากเกินไป ไม่เดินหน้าก็จะถอยหลัง
นางเอ่ยว่า “ดังนั้น…เจ้ากลับไปไท่หยวนแล้วหรือ?”
หลี่เชียนเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้กลับไท่หยวน แต่กลับเฝินหยาง พอช่างที่จินเซียวหาให้ข้ามา จัดการเรียบร้อยแล้ว ถึงจะมาเจอเจ้า”
เจียงเซี่ยนรีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นจินเซียวรู้ว่าเหล็กดิบของเจ้าล้วนกักตุนไว้ที่เฝินหยางหรือไม่?”
“ข้าแบ่งเหล็กดิบพวกนั้นเป็นหลายส่วน” หลี่เชียนเอ่ยอย่างอ้อมค้อม “ส่วนใหญ่อยู่ที่เฝินหยาง ส่วนหนึ่งให้คนขนไปไท่หยวน ส่วนหนึ่งส่งให้จินเซียว ยังมีส่วนหนึ่งกักตุนไว้ที่ต ต้าถง กะว่าจะเขียนจดหมายให้ท่านลุง ดูว่าเขาต้องการหรือไม่”
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม
รู้สึกว่าจัดการแบบนี้ดีมาก
สำหรับจินเซียว…ตอบแทนบุญคุณ สำหรับท่านลุงใหญ่ของนาง…ตระกูลหลี่ปล่อยความปรารถนาดีของพันธมิตรออกมา
นางกำลังครุ่นคิดว่าต้องชมหลี่เชียนสักหน่อยหรือไม่
ใครจะรู้ว่านางยังไม่ได้พูดออกไป หลี่เชียนก็ทำหน้าขรึมแล้ว และเอ่ยว่า “เป่าหนิง เจ้ายังกล้ายิ้มอีก! เรื่องที่เจ้าแอบกลับเมืองหลวงลับหลังข้า ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้ าเลย!”
สีหน้าของเขาดูแย่มาก สายตาน่าเกรงขาม เหมือนมีเงาของอ๋องหลินถงในชาติก่อน
แต่ชาติก่อนนางไม่เคยกลัวเขาด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับชาตินี้?
เจียงเซี่ยนเงยหน้ายิ้ม ดูเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก “ท่านพ่ออนุญาตแล้ว เจ้ามีสิทธิอะไรไม่อนุญาต?”
“เขาเทียบกับข้าได้หรือ?” หลี่เชียนโกรธและกลุ้มใจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากข้าได้ยินแล้วเป็นห่วงแค่ไหน” นึกถึงความรู้สึกในตอนนั้น หลี่เชียนก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรถึ งจะทำให้เจียงเซี่ยนหลาบจำจริงๆ “เจ้าก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้…”
ไทฮองไทเฮามีพันเหตุผลที่จะรั้งเป่าหนิงของเขาไว้ในวัง
เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร?
แต่คำพูดนี้ หลี่เชียนพูดไม่ออก
อย่างไรเขาก็ไม่อาจพูดได้ว่าเขาอยากให้เจียงเซี่ยนอยู่ข้างกายเขาตลอดไป จวนเจิ้นกั๋วกง ไป๋ซู่ ต่างก็อยู่ไกลมาก อย่าคิดถึงอีกเลยจะดีที่สุด…ผู้ชายอย่างเขา คนของครอบครัวภ ภรรยาก็ต้องแข่ง ก็ไร้ศีลธรรมเกินไปแล้วเช่นกัน
ทว่าเขาก็คิดแบบนี้
ปากเขาไม่พูด แต่ในใจกลับไม่อยากปิดบังความคิดของตนเอง
หลี่เชียนจึงกอดเจียงเซี่ยนไว้ในอ้อมแขนเหมือนเด็กและตีก้นนางสองที แล้วแสร้งทำเป็นโกรธพลางเอ่ยอย่างจนใจว่า “หากเจ้ากล้าทำแบบนี้อีก ครั้งหน้าจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายอย่า างตีก้นแล้ว!”
เจียงเซี่ยนตกใจกับสิ่งที่เขาทำมากอย่างสิ้นเชิง กว่านางจะได้สติกลับมาก็นานมาก นางหน้าแดงและดิ้นจะลุกจากอ้อมแขนของเขา “หลี่เชียน! เจ้ากล้าตีข้า! ข้าจะบอก...บอก...”