มู่หนานจือ - บทที่ 444 ท่าน
ตอนที่หลี่เชียนเข้ามา เจียงเซี่ยนกำลังแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
อาจจะยังงัวเงียเล็กน้อย นางจึงลืมตาครึ่งหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง ใบหน้าที่ขาวเกลี้ยงเกลาปรากฏสีแดงเหมือนดอกท้อ ริมฝีปากสีแดงสดสะดุดตาเบ้เล็กน้อย เหมือนเด็กที่ขอลูกอม กิน
หัวใจของเขาอ่อนยวบทันที จนอดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาทางหางตาไม่ได้
คนรับใช้ในห้องโน้มตัวลงครึ่งหนึ่ง แล้วย่อตัวคารวะพร้อมกัน พลางเรียกอย่างนอบน้อมว่า “ใต้เท้า”
หลี่เชียนพยักหน้า
เจียงเซี่ยนตื่นขึ้นมาทันที และหันตัวไป
หลี่เชียนสวมชุดทะมัดทะแมงสีดำ ตัวสูงขายาว ไหล่กว้างเอวแคบ อาจจะเพราะเพิ่งฝึกมวยมา และพักผ่อนอย่างเต็มที่หนึ่งคืน จึงหน้าตามีชีวิตชีวา ท่าทางกระฉับกระเฉง เหมือนพระอาทิตย์ย ยามเช้า เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทำให้คนเห็นแล้วร่าเริงขึ้นมา
สายตาของเจียงเซี่ยนถูกดึงดูดไปทันที
นางถามเขา “รับประทานอาหารเช้าหรือยัง?”
หลี่เชียนฉีกยิ้ม และเอ่ยว่า “บอกว่ารอเจ้ารับประทานอาหารเช้าด้วยกันไม่ใช่หรือ?”
เจียงเซี่ยนหน้าแดง
พวกฉิงเค่ออดไม่ได้ที่จะเม้มปากยิ้มแล้ว แต่ก็กลัวจะทำให้เจียงเซี่ยนโกรธ จึงรีบก้มหน้าลง
ทว่าหลี่เชียนกลับชอบสายตาที่เจียงเซี่ยนมองตนเองมาก สับสน งุนงง และเหม่อลอยเล็กน้อย…สีหน้าเหมือนเด็กและน่ารักมาก
เขาเดินไปหาอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ และลูบศีรษะของนาง
เจียงเซี่ยนหน้าแดงมากขึ้น และเอ่ยอย่างร้อนตัวว่า “เจ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ! อย่าทำให้ผมของข้ายุ่งเชียว!”
เสียงนั้น นุ่มนวลละมุนละไม เหมือนแสร้งทำเป็นโกรธ อย่าว่าแต่หลี่เชียนเลย แม้แต่เจียงเซี่ยนเอง ได้ยินแล้วก็ตกใจมากเช่นกัน
นี่กำลังอ้อนหรือ?
หลี่เชียนหัวเราะเสียงดัง และก้มหน้าลงมาหอมหน้าผากของเจียงเซี่ยน แล้วเอ่ยอย่างยั่วเย้าว่า “น้อมฟังคำสั่งของฮูหยินขอรับ”
เจียงเซี่ยนหน้าร้อนมาก และรีบเหลือบมองไปรอบด้าน พอเห็นว่าพวกฉิงเค่อต่างก้มหน้าอยู่ บนหน้าถึงจะรู้สึกเย็นสบายหน่อย และเตะหลี่เชียนเบาๆ ทีหนึ่ง
หลี่เชียนหัวเราะเสียงดังและไปห้องน้ำ
เจียงเซี่ยนอดที่จะนั่งตัวตรงไม่ได้
แต่พวกฉิงเค่อกลับยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเสาไม้เช่นเดิม
นางจำเป็นต้องไอครั้งหนึ่ง
พวกฉิงเค่อถือกระจกที่มีด้ามจับ ถือกล่องเครื่องสำอาง และเริ่มทำงาน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทว่ามุมปากของเจียงเซี่ยนกลับยกขึ้นอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ จนตอนที่นั่งรับประทานอาหารเช้ากับหลี่เชียนบนโต๊ะอุ่นก็ไม่สามารถสงบลงได้
หลี่เชียนก็ถามนางว่า “เจ้าจะไปพบท่านคังและท่านเจิ้งกับข้าหรือไม่?”
เจียงเซี่ยนประหลาดใจมาก
เรื่องนี้เป็นงานของเรือนด้านนอกแล้ว
นางเอ่ยอย่างลังเลว่า “ข้าไปจะเหมาะสมหรือ?”
เจียงเซี่ยนรู้ข้อเสียของตนเอง ชาติก่อนอวดดีจนชินแล้ว จึงแก้ไขยากมากในชั่วขณะ เวลาที่หลี่เชียนอยู่ นางจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่อยากทำให้หลี่เชียนถูกคนดูหมิ่นเพราะพวก ข้อเสียเล็กน้อยของตนเอง
“ทำไมจะไปไม่ได้!” หลี่เชียนเอ่ย “ตระกูลของพวกเราไม่มีกฎนี้” แล้วก็กลัวว่าเจียงเซี่ยนจะไม่สบายใจ จึงเอ่ยว่า “หากเจ้าไม่อยากไป เช่นนั้นก็ต้องมาคิดกันอีกที” แต่คนอย่างคังเสี ยงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนเป็นขุนนางในอนาคตของเขา เขาหวังเป็นอย่างมากว่าคนข้างกายเขาจะเคารพเจียงเซี่ยนเหมือนที่เคารพเขา จึงอดไม่ได้ที่จะแนะนำนาง “ข้าได้ยินว่าตอนที่สยงจวิ้นหร รงอายุน้อยมักจะพาฮูหยินของเขาไปร่วมชมรมกวี ฮูหยินของเขาก็แต่งตัวเป็นผู้ติดตามข้างกายเขา ทว่าคนอื่นแค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชาย แต่ละคนก็พากันจงใจไม่สนใ ใจและทำเป็นไม่รู้ คนดังแห่งเจียงหนานและอาจารย์ของฝ่าบาทในเวลานี้ยังเป็นเช่นนี้ แล้วทำไมพวกเราจะทำไม่ได้? หากเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ ก็ใส่ชุดผู้ชายแล้วกัน ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครจะ ะโง่ไปเปิดโปงเจ้าอยู่ดี”
มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน?
ผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายนั้นคือภรรยาของอู๋ฝู่เฉิงบัณฑิตฮั่นหลินชัดๆ แล้วก็เป็นแม่ยายในอนาคตของเจียงลวี่ลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของนางด้วย ทำไมลือไปลือมากลับ กลายเป็นสยงจวิ้นหรง?
ข่าวลือร้ายกาจจริงๆ!
เจียงเซี่ยนเห็นหลี่เชียนเอ่ยอย่างจริงจังมาก ก็ไม่อาจบอกว่าเขาผิดต่อหน้าสาวใช้กับหญิงรับใช้ได้เช่นกัน จึงทำได้เพียงยิ้มเล็กน้อย
หลี่เชียนก็ลากเจียงเซี่ยนไปเยี่ยมคังเสียงอวิ๋นด้วยกัน
ด้วยผลประโยชน์จากการจัดการงานบ้านที่มีทิศทางแน่นนอนของเจียงเซี่ยน คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนจึงไม่รู้ว่าหลี่เชียนกลับมาแล้ว ทั้งสองคนกำลังรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน พอได ด้ยินการแจ้ง ทั้งสองคนยังลนลานอยู่ครู่หนึ่งถึงจะจัดเสื้อผ้าและออกไปพบแขก
หลี่เชียนอ่อนเยาว์ หล่อเหลา หน้าตาอิ่มเอิบ และท่าทางไม่ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้แต่งงานกับท่านหญิงเจียหนานแล้วเช่นกัน ทว่ากลับมีความถ่อมตน มีมารยาท เป็นม มิตร และร่าเริงจนทำให้พวกเขาคิดไม่ถึง คังเสียงอวิ๋นจึงวางใจแล้ว
เขารู้สึกว่าหลี่เชียนเข้ากับคนง่ายกว่าจ้าวเซี่ยว
แต่เจิ้งเจียนกลับรู้สึกเครียดมากขึ้น
คนอย่างจ้าวเซี่ยวนั้น แค่เห็นก็รู้ว่ามาจากตระกูลขุนนาง นิสัยเย่อหยิ่งจองหอง เป็นคนที่ค่อนข้างรักตนเอง ทว่าหลี่เชียนผู้นี้ อายุยังน้อย กลับทำให้คนดูไม่ออกแล้ว
จะบอกว่าเขาร่าเริงและเป็นมิตร คนแบบนี้จะได้แต่งงานกับสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในราชวงศ์ปัจจุบันหรือ?
จะบอกว่าเขาความคิดลุ่มลึก แต่เขากลับยิ้มอย่างสดใส ท่าทางถ่อมตนและสุภาพ มองเห็นเงามืดสักนิดที่ไหนกัน
เจิ้งเจียนหรี่ตาเล็กน้อย
หลี่เชียน...น่าจะเป็นคนทะเยอทะยานกระมัง?
ในบทละครมักจะแสดงว่า วีรบุรุษถึงจะได้ใต้หล้า
ทว่าความจริงแล้ว ผู้ที่ได้ใต้หล้าล้วนเป็นคนทะเยอทะยาน
เขามองเจียงเซี่ยนที่ยืนเคียงข้างหลี่เชียนครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นก็นึกถึงคำว่าสองกระบี่สอดประสาน
บางทีเขาควรจะหนักแน่นขึ้นอีกนิด!
จู่ๆ เจิ้งเจียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าที่เดิมทีอบอุ่นก็ระมัดระวังและจริงจังมากขึ้นเล็กน้อย แล้วตอบรับเรื่องที่หลี่เชียนขอให้เขาช่วยจัดการเอกสารในช่วงนี้ทันที แ และเอ่ยว่า “ข้าเชี่ยวชาญเรื่องปฏิทิน แล้วก็รู้พอๆ กับพวกคนในสำนักหอดูดาวหลวง อย่างไรพวกเราก็พิมพ์ปฏิทินเองไม่ได้กระมัง? ข้ายังกังวลว่าตามไปส่านซีแล้วจะไม่มีงาน เวลานี้ดี แล้ว จะได้ช่วยใต้เท้าจัดการพวกข้อราชการ พอดีข้าเป็นขุนนางเล็กๆ ที่เมืองหลวงมาสิบกว่าปี ไม่ค่อยสนิทสนมกับพวกราชเลขาธิการและรองเสนาบดี แต่กลับไปมาหาสู่กับที่ปรึกษาหกกรมและผู ช่วยสามสำนักอยู่บ่อยๆ งานอย่างพวกเขียนสาส์นให้ใต้เท้ายังคิดว่าพอทำได้”
แน่นอนว่าหลี่เชียนดีใจมาก
ตระกูลหลี่มาจากตระกูลทหาร เชิญอดีตอาลักษณ์มาเป็นอาจารย์สักคนก็ไม่ง่ายด้วยซ้ำ ก่อนมาเขาจึงคิดคำพูดไว้มากมาย เตรียมโน้มน้าวให้คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนอยู่ช่วยเขา ตอนนี้ เขายังพูดไม่หมด เจิ้งเจียนก็ตอบรับคำขอของเขาอย่างจริงใจแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “ดูท่าทางวันนี้พวกเราน่าจะตั้งโต๊ะดื่มสักสองสามจอก”
เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยตามคำพูดของหลี่เชียนทันที “เช่นนั้นวันนี้ก็พักที่นี่วันหนึ่งแล้วกัน ถึงอย่างไรซีอานก็อยู่ห่างจากที่นี่เพียงแค่สองสามร้อยลี้ ไปทันวันรับตำแหน่งอยู แล้ว”
เดิมทีพวกเขาก็คิดจะพักที่กานเฉวียนสองวัน และรอหลี่เชียนไปซีอานด้วยกัน
หลี่เชียนพยักหน้า
เจียงเซี่ยนจึงสั่งลงไปทันที
ทุกคนก็ตกลงกันว่าวันนี้พักที่ฮว่าอินหนึ่งวัน
เจียงเซี่ยนยังเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ฮว่าอินก็ถือว่าเป็นอำเภอใหญ่เช่นกัน หากนายหญิงทั้งสองรู้สึกเบื่อ ลองไปเดินเล่นบนถนนก็ได้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ต้องรีบออกเดินทางอีกแล้ว”
คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนยิ้มพลางขานรับ หลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนลุกขึ้นบอกลา
ทั้งสองคนส่งสามีภรรยาสกุลหลี่ออกไปข้างนอก
ทว่าพอหลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนเดินไปไกล คังเสียงอวิ๋นก็ลากเจิ้งเจียนเข้าห้องพักแขกอย่างร้อนใจ และเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าบอกว่าพวกเราจะดูอยู่ข้างๆ ก่อนไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆ ก็ตอบรับเป็นผู้ช่วยให้หลี่เชียนแล้ว? ถึงอย่างไรพวกเราก็มาจากตระกูลจิ้นซื่อ จะถูกคนหัวเราะเยาะได้!”
เจิ้งเจียนก็กดคอลงเช่นกัน และเอ่ยว่า “แต่ข้าคิดว่านี่เป็นโอกาส หลี่เชียนจะสำเร็จหรือไม่ พวกเรารู้เร็วหน่อย จะได้ตัดสินใจ”
คังเสียงอวิ๋นนับถือเจิ้งเจียนมาโดยตลอด แม้จะรู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วย ก็ยังพยักหน้า