มู่หนานจือ - บทที่ 445 ไปถึง
เจิ้งเจียนเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้จะเป็นผู้ช่วยให้หลี่เชียน ข้าช่วยเขาชั่วคราวในฐานะขุนนาง ถึงเวลานี้ราชสำนักจะไม่มีกฎอะไรแล้ว แต่หากพวกเราไปเป็นผู้ช่วยให้หลี่เชียน จะต้องถู กคนกล่าวโทษอย่างแน่นอน ดังนั้นออกความคิดให้เขาจะดีที่สุด” เขาเอ่ยถึงตรงนี้ ก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยอีกว่า “และข้าคิดว่า ความคิดของท่านหญิงไม่เลวทีเดียว พวกเราสามารถเปิ ดสำนักที่ส่านซีได้ พวกเราสอนหนังสือผู้คน รอจนโอกาสสุกงอม แล้วเจ้าค่อยไปซ่อมและขุดลอกทางน้ำ ข้าค่อยไปเป็นผู้ช่วยให้หลี่เชียนก็ไม่สายเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเรามีความคิดอะไ ไรดีๆ ก็สามารถเสนอความคิดเห็นให้หลี่เชียนได้”
คังเสียงอวิ๋นไม่เอ่ยสิ่งใด
พวกเขาต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ คนที่สามารถใช้จิ้นซื่อได้ มีแต่ฮ่องเต้
ตอนที่เจิ้งเจียนเป็นผู้ช่วยให้หลี่เชียนอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ต้องเป็นช่วงที่หลี่เชียนทรยศอย่างแน่นอน
“เจ้าคิดจะติดตามหลี่เชียนตลอดไปจริงๆ หรือ?” คังเสียงอวิ๋นอดที่จะถามไม่ได้
เวลานี้เจิ้งเจียนยังไม่ได้ตัดสินใจ
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน!” เขาเอ่ย “ตอนนี้คุยเรื่องพวกนี้ยังเร็วเกินไป แต่พวกเราก็ไม่สามารถทำอย่างขอไปทีได้เช่นกัน ข้ารู้สึกว่าหลี่เชียนไม่ใช่คนที่พวกเราสามารถทำอย่างข ขอไปทีได้”
คังเสียงอวิ๋นพยักหน้า
ทั้งสองคนจึงจบเรื่องนี้
ตอนเที่ยง คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนรับประทานอาหารกลางวันกับหลี่เชียนและหลี่จี้
ทุกคนพูดคุยพลางหัวเราะ บรรยากาศเป็นมิตรและอบอุ่น ทุกคนต่างพอใจกันมาก
รับประทานอาหารกลางวันแล้ว คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนต่างกลับห้องของตนเอง แต่หลี่เชียนกลับเรียกหลี่จี้ไปที่ห้องของตนเอง แล้วทำหน้าขรึมพลางถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน น่? เจ้าไม่อยู่ไท่หยวน ตามพี่สะใภ้ของเจ้ามาส่านซีทำไม?”
หลี่จี้กลัวหลี่เชียนเล็กน้อยมาตั้งแต่เด็ก จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลานี้ที่หลี่เชียนทำหน้าขรึม
เขาเดี๋ยวอ้าปากเดี๋ยวหุบปาก นานมากกว่าจะเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าท่านพี่จะมาเร็วขนาดนี้ พี่สะใภ้กลับเมืองหลวง ข้าเป็นคนคุ้มกัน พี่สะใภ้จึงให้ข้ามาส่งนางต่อ ท่านพ่อก็ อนุญาตแล้วเช่นกัน…”
หลี่เชียนยังเป็นลูกชายคนโตและหลานชายคนโตที่ชอบธรรมของสายลูกชายคนรองของตระกูลหลี่ และเป็นทายาทที่ทุกคนยอมรับของหลี่ฉางชิง ยิ่งกว่านั้นตระกูลหลี่ยังมีคนที่เขาทิ้งเอ อาไว้ ช่วงนี้ตระกูลหลี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง เขารู้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาไม่อยู่ หลี่หลินควบคุมและเร่งรัดการฝึกทหารในฤดูหนาวของตระกูลหลี่แทนเขาแล้วทำอะไรไปบ้าง
เขาถามหลี่จี้อย่างจริงจังและระมัดระวัง “เจ้าคิดจะอยู่ที่ส่านซีกับข้าหรือ?”
หลี่จี้รีบพยักหน้า และเอ่ยว่า “ท่านพี่ พี่สะใภ้อนุญาตแล้ว นางบอกว่าขอเพียงท่านอนุญาต ข้าก็สามารถอยู่ที่ซีอานได้”
เขาพูดจาสะเปะสะปะ ทว่าหลี่เชียนเข้าใจแล้ว
หลี่เชียนพอจะรู้ปมในใจของหลี่หลิน เวลานี้ยืนยันแล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เขาเองก็เป็นคนทะเยอทะยานมากเช่นกัน จึงเข้าใจสิ่งที่หลี่หลินทำเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาคิดไม ม่ถึงว่าหลี่จี้จะยืนอยู่ฝ่ายเขา
เป็นเพราะแม่แท้ๆ ของหลี่จี้เป็นสาวใช้ประจำตัวของแม่แท้ๆ ของเขาหรือ?
หรือเป็นเพราะหลี่หลินเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของพวกเขา หลี่จี้ไม่มีทางยอมให้เขาสืบทอดกิจการของตระกูล?
หลี่เชียนไม่ได้คิดมากนัก
เขาคิดว่าในเมื่อเจียงเซี่ยนอนุญาต และถึงอย่างไรหลี่จี้ก็เป็นน้องชายของเขา มาขอข้าวกินกับเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ และไม่ใช่ว่าไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน
“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่เถอะ! ข้าจะบอกท่านพ่อเอง” หลี่เชียนเอ่ยอย่างเฉยชา “เดี๋ยวอย่าลืมไปบอกพี่สะใภ้ของเจ้าสักหน่อย”
เหมือนที่หลี่จี้สามารถอยู่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเจียงเซี่ยนช่วยพูดให้เขาต่อหน้าหลี่เชียน
หลี่จี้รู้สึกขอบคุณเจียงเซี่ยนมาก เขาขานว่า “ขอรับ” ติดกันหลายครั้ง พอออกมาจากห้องของหลี่เชียนก็ไปหาเจียงเซี่ยน และบอกการตัดสินใจของหลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนอย่างดีใจ จ แล้วขอบคุณเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนยังคิดว่าหลี่จี้จะไม่กล้าคุยเรื่องพวกนี้กับหลี่เชียน จึงรับด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และสั่งให้ฉิงเค่อเอาตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้หลี่จี้
หลี่จี้ไม่เอา
เจียงเซี่ยนยืนกรานให้เขารับไว้ และเอ่ยว่า “ลูกผู้ชายไม่มีเงินไม่ได้ ต่อไปเจ้าติดตามพี่ใหญ่ของเจ้าเดินอยู่ข้างนอก ใครจะรู้ว่าจะเจออะไร อย่างไรก็ให้พี่ใหญ่ของเจ้าจ่ายเงินเอ องไม่ได้กระมัง? เจ้าถือเงินพวกนี้ไว้ ค่อยๆ ใช้”
หลี่จี้ไม่บ่ายเบี่ยงอีก เขารับเงินไว้ และขอบคุณอย่างจริงจัง
หลี่เชียนก็เขียนจดหมายกลับไปเช่นกัน โดยบอกหลี่ฉางชิงว่าอยากรั้งหลี่จี้ไว้สั่งสอนข้างกาย
หลี่ฉางชิงนั้นขอเพียงพวกลูกๆ วางตัวอยู่ในกรอบ เขาก็ยังเป็นบิดาที่ใจกว้างมากทีเดียว
ไม่นานก็ตอบจดหมายมาว่า ให้หลี่เชียนดูแลหลี่จี้
ตั้งแต่นั้นมา หลี่จี้ก็ติดตามหลี่เชียนตลอด
วันรุ่งขึ้น พวกเขาออกเดินทางไปอำเภอหวา
นายอำเภอของอำเภอหวาเป็นคนที่สอบขุนนางผ่านรุ่นเดียวกับคังเสียงอวิ๋น ทว่าตอนนั้นทั้งสองคนต่างสอบไม่ติดบัณฑิตฝึกหัดของสำนักฮั่นหลิน เจอกันอีกครั้ง คนหนึ่งเป็นขุนนางเล็ก ๆ ที่ลาออก อีกคนเป็นขุนนางเล็กๆ ระดับเจ็ด จึงมีเรื่องคุยกันมากมาย หลังจากเจอหลี่จี้ เขาก็นัดกับเจิ้งเจียน ทั้งสามคนดื่มจนเมาหัวราน้ำข้างนอกถึงจะกลับมา
หลี่เชียนอยากได้มาก
เขาให้เจียงเซี่ยนสวมเสื้อผ้าของเด็กรับใช้ และลากเจียงเซี่ยนไปเดินเล่น
อำเภอหวาเล็กมาก พอถึงตอนกลางคืน ร้านก็ปิดหมด ลมหนาวพัดจนป้ายร้านค้าบนถนนส่งเสียงดังตลอด
หลี่เชียนห่อเจียงเซี่ยนอย่างแน่นหนา ปากก็บ่นตลอด “ทำไมไม่มีแม้แต่แผงลอยเล็กๆ ของตลาดกลางคืน?”
เพิ่งจะเอ่ยจบ ก็เจอตำรวจที่ลาดตระเวนในเมืองของอำเภอหวา หากไม่ใช่เพราะหลิวตงเยว่ที่ติดตามพวกเขาอยู่ห่างๆ ถือเทียบขอพบที่เมื่อครู่นายอำเภอของอำเภอหวาทิ้งเอาไว้ หลี่เช ชียนกับเจียงเซี่ยนก็เกือบจะถูกจับเข้าศาลาว่าการเมืองแล้ว
หลี่เชียนหน้าดำเหมือนหม้อ!
ประสบการณ์แบบนี้สนุกมากจริงๆ!
เจียงเซี่ยนหัวเราะไม่หยุด
หลี่เชียนหอมแก้มเจียงเซี่ยนอย่างแรงสองที และเอ่ยว่า “หากเจ้าหัวเราะอีก ระวังข้าจะหอมเจ้าตลอด”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เจียงเซี่ยนหัวเราะหนักกว่าเดิม แล้วคว้าเสื้อคลุมและวิ่งไปที่จุดแวะพักระหว่างทาง
หลี่เชียนตกใจมาก และรีบเอ่ยว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ ระวังลมหนาวพัดเข้าไปในปาก และเป็นหวัด”
เจียงเซี่ยนไม่ฟังอย่างสิ้นเชิง
หลี่เชียนแค่ตามไป
เจียงเซี่ยนหัวเราะอย่างมีความสุข ทั้งสองคนไล่ตามกันไม่กี่ก้าวก็กอดกันและหัวเราะออกมาบนถนนที่ไร้ผู้คน
หลิวตงเยว่ที่ถูกลมหนาวพัดจนน้ำมูกไหลตลอดส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเรื่องนี้น่าขำตรงไหน
เขาพึมพำอย่างไม่เข้าใจ และรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เจียงเซี่ยนยิ่งอยู่ก็ยิ่งเด็ก ใต้เท้าไม่เพียงแต่ไม่คุม ยังปล่อยให้ท่านหญิงก่อความวุ่นวายด้วย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าหลังจากนี้คนที่รับใช้ข้างกายอย่างพวกเขาคงต้องหนักใจขึ้นแล้ว
ผ่านอำเภอหวาไป ก็ถึงเว่ยหนานแล้ว
เว่ยหนานเป็นอำเภอใหญ่ นายอำเภอของเว่ยหนานทำอะไรใจกว้าง นอกจากของพื้นเมืองของเว่ยหนานแล้ว ยังมอบลูกแกะสูงหนึ่งนิ้วทำจากทองคำบริสุทธิ์ให้สามตัวด้วย บอกว่าแฝงความหมายมงคล ขอให้หลี่เชียนอนาคตสดใส
เจิ้งเจียนแอบสืบ ถึงจะรู้ว่านายอำเภอผู้นี้เป็นคนที่สอบขุนนางผ่านรุ่นเดียวกับใต้เท้าจวง
มิน่าเล่าถึงให้ของขวัญที่ล้ำค่าขนาดนี้
เจียงเซี่ยนให้ฉิงเค่อจดบันทึกลงในสมุดรายชื่อ และเอ่ยว่า “ต่อไปเอาออกมามอบให้คนอื่นตอนเข้าสังคม”
ฉิงเค่อยิ้มพลางขานรับ ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและเอ่ยว่า “มิน่าเล่าคนอื่นต่างบอกว่าขุนนางที่ยกตนว่าซื่อสัตย์สุจริต ความจริงแล้วก็กำลังกำเริบเสิบสานและขูดรีดทรัพย์สินที่ แลกมาด้วยเลือดและหยาดเหงื่อของประชาชนอยู่เช่นกัน เดิมทีข้ายังคิดว่าพูดเกินจริง จะเห็นได้ว่ามีเรื่องนี้จริงๆ”
เจียงเซี่ยนไม่เอ่ยสิ่งใด
ผ่านเว่ยหนานไปก็เป็นหลินถงแล้ว
ชาติก่อน เจียงเซี่ยนเคยแต่งตั้งหลี่เชียนเป็นอ๋องหลินถง
ตอนนั้นกรมพิธีการเสนอบรรดาศักดิ์มามากมาย แต่นางรู้สึกว่าคำว่า ‘หลินถง’ ค่อนข้างไพเราะ บวกกับหลินถงมีประวัติศาสตร์ยาวนาน นางจึงตั้งบรรดาศักดิ์นี้ ความจริงแล้วนางไม่เพียงแต่ไม่ เคยมา ทว่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ไกลจากซานซีแค่ไหนกันแน่ ดังนั้นตอนที่หลี่เชียนบอกนางว่า สระหวาชิงกับภูเขาหลีก็อยู่ที่นี่ นางจึงประหลาดใจมาก
หลี่เชียนก็เอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราก็พักที่นี่สักสองสามวัน ไปปีนภูเขาหลีและแช่สระหวาชิงสักหน่อย?”