มู่หนานจือ - บทที่ 448 จัดการ
เซี่ยหยวนซีส่งหลิวตงเยว่ออกไปข้างนอก และหันตัวไปที่ห้องหนังสือของหลี่เชียน
บ้านหลังนี้เป็นของต่งจ้งจิ่นอดีตเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งซีอาน พอได้ยินว่าหลี่เชียนจะซื้อบ้านให้ครอบครัวอยู่ เขาก็หามาถึงที่เอง และตกลงซื้อขายกันเรียบร้อยโดยต่ำกว่าราคาตล ลาดเล็กน้อย แต่กลับทิ้งเครื่องเรือนไว้ในบ้านจำนวนหนึ่ง ในนั้นก็มีต้นปะการังสีแดงสูงสามนิ้วคู่หนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะยาวในห้องโถงใหญ่ ภาพดอกไม้กับนกของฉิวอิงสี่ภาพที่แขว วนอยู่ในห้องหนังสือและไหหรู่เหยาคู่หนึ่งในห้องหลักของลานบน ส่วนพวกเครื่องเรือนทาสีดำที่ใหม่มากทั้งหมดในบ้านกับฉากกั้นตั้งพื้นที่ฝังอัญมณีนานาชนิดสิบสองบาน ก็ไม่เอ่ ยถึงทีละชิ้นแล้ว
ถึงหลี่เชียนจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ทว่าเขาก็ยังต้องบอกเรื่องพวกนี้กับหลี่เชียนอยู่ดี
แต่เวลาที่หลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนอยู่ด้วยกัน เขาจะไม่ไปพบหลี่เชียน
เขากลัวว่าจะรบกวนพวกเขาสองคน
ทว่าวันนี้หลี่เชียนเพิ่งมาถึง ทางศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลน่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับหลี่เชียน หลี่เชียนจะต้องดื่มเหล้าอย่างแน่นอน และหลังจากกลับมา หลี่เชียนจะต้องไปสร่า างเมาที่ห้องหนังสือสักหน่อยแล้วค่อยกลับเรือนด้านในแน่ๆ เขาก็ปรึกษาเรื่องในจวนกับหลี่เชียนได้พอดี
อย่างเช่น หลี่เชียนไปเมืองกาน พาใครไปบ้าง?
งานที่ซีอานจะให้ใครช่วยออกหน้าจัดการ?
จนถึงตอนนี้ในบ้านก็ยังไม่ได้แต่งตั้งพ่อบ้าน หลี่เชียนคิดจะให้อวิ๋นหลินอยู่ที่บ้านหรือเปล่า?
เขาช่วยหลี่เชียนจัดห้องหนังสือ พลางคิดถึงงานจุกจิกที่วุ่นวายพวกนี้
รอถึงยามโหย่วตอนบ่าย หลี่เชียนก็กลับมา
เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ หลี่เชียนกลับห้องหนังสือก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผม ล้างหน้า และบ้วนปาก จัดการสะอาดเรียบร้อยแล้ว ถึงจะนั่งลงดื่มชาสักถ้วย แก้คอแห้งหลังจากดื่มเหล้า
เซี่ยหยวนซีถามถึงเรื่องที่ไปศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลวันนี้ “พวกใต้เท้าซย่าดีหรือไม่?”
“จะมีอะไรไม่ดี?” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าแต่งงานกับเจียหนาน หลังพิงจวนเจิ้นกั๋วกงกับไทฮองไทเฮาอยู่ ซย่าเจ๋อสุภาพกับข้ามาก แต่หวังเฉิง เป็นอย่างที่ลือกันจริงๆ เป ป็นไปได้มากว่าเป็นคนโง่ โอกาสแบบนี้กลับเสนอให้ไปเที่ยวหอนางโลมที่ถนนเฝิ่น ข้าเห็นหน้าของซย่าเจ๋อเขียวหมดแล้ว”
เซี่ยหยวนซีหัวเราะออกมาเสียงดัง
ทั้งสองคนเอ่ยถึงเรื่องในจวน
หลี่เชียนเอ่ยว่า “ให้อวิ๋นหลินอยู่ที่บ้านไปก่อนชั่วคราว และคิดหาทางฝึกฝนองครักษ์ในบ้าน ส่วนพ่อบ้าน…ข้าว่าหลิวตงเยว่เหมาะสมมาก แต่เขาอายุน้อยเกินไป เกรงว่าบางโอกา าสจะคุมไม่ไหว ทว่าดีที่เขาตามอวิ๋นหลินไปฝึกฝนที่ฝูเจี้ยนแล้ว เวลานี้จึงทำงานรอบคอบและมีความคิดเป็นของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ดังนั้นข้าจึงคิดว่าจะให้อวิ๋นหลินคุมงานข้าง งนอก หลิวตงเยว่คุมงานของเรือนด้านใน งานในวงการราชการมอบให้ท่านเจิ้ง ส่วนท่านคังก็จดจ่ออยู่กับการตั้งสำนักการศึกษา หากสามารถทำให้กลายเป็นสำนักการศึกษาเอกชนที่มีชื่อเสียงข ของซีอานได้จะดีที่สุด คนที่มีความสามารถหายาก หากรับพวกคนที่ฐานะครอบครัวยากจนแต่ทำงานให้พวกเราได้ก็ยิ่งดีเลย”
“เจ้ากับเว่ยสู่ตามข้าไปเมืองกาน”
เขาเอ่ยถึงตรงนี้ ก็ลังเลอยู่ชั่วครู่ และเอ่ยว่า “จงเทียนอี้แนะนำจงเทียนอวี่น้องชายของเขาให้ข้า เจ้าคิดว่าเด็กคนนี้เป็นอย่างไร? ช่วงนี้ข้าอยู่ข้างนอกตลอด จึงไม่ค่อยรู้เรื องในบ้าน”
เซี่ยหยวนซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็ติดต่อกับเทียนอวี่ไม่มากนัก แต่เทียนอี้ดูหน้าทะเล้น กลับรู้ดีอยู่แก่ใจ ในเมื่อเขาแนะนำเทียนอวี่ คิดดูแล้วก็ไม่เลวเช่นกัน ทว่าคุณชาย รอง…ท่านคิดจะให้เขาอยู่ที่ซีอานหรือ?”
“ให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเจียหนาน” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าว่าเขาได้รับความโปรดปรานจากเจียหนานมากทีเดียว ก็ให้เขาอยู่ที่ซีอานชั่วคราว ประการแรกจะได้เรียนรู้พวกธรรมเน นียมกับท่านคัง ประการที่สอง ในเมืองซีอานมีลูกหลานตระกูลที่มั่งคั่งมากมาย เขารู้จักคนไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน”
เซี่ยหยวนซีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ไม่รู้ว่าหลี่จี้รู้การจัดการที่พี่ชายของเขามีต่อเขาแล้วจะโกรธจนสะบัดแขนเสื้อหรือไม่
แต่เขากลับเห็นด้วยกับการจัดการของหลี่เชียนมาก
ต่อไปหลี่เชียนจะอยู่ที่เมืองกานนาน มีน้องชายอย่างหลี่จี้เข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจในซีอานให้เขา จะทำให้หลี่เชียนแทรกซึมเข้าไปในวงการราชการซีอานไ ได้ดีขึ้น
ทั้งสองคนตกลงพวกเรื่องจุกจิกแล้ว หลี่เชียนก็กลับเรือนด้านใน
เขาไม่ให้สาวใช้แจ้ง และเดินเข้าไปอย่างแผ่วเบา
เจียงเซี่ยนสวมเสื้อคลุมยาวลายเปี้ยนตี้จินสีชมพู กอดเตาอุ่นมือลงยา กำลังยืนอยู่ที่ห้องพักผ่อนที่เชื่อมกับห้องนอนและสั่งให้พวกอิ้นไฉ่จัดชั้นวางของบนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้ หน้าต่างตรงนั้น “ทำไมต้องใช้สวนลูกท้อ? นี่ใกล้จะปีใหม่แล้วไม่ใช่หรือ? น่าจะใช้ดอกชาหรือส้มจี๊ดดีกว่า?”
นางหน้าแดงเปล่งปลั่ง สีหน้าเจือรอยยิ้ม ไม่รู้ทำไม สีชมพูที่สดใสสวยงามแบบนั้นสวมอยู่บนตัวคนอื่นรู้สึกเพียงว่าธรรมดา ทว่าเจียงเซี่ยนสวมแล้วกลับขับให้ผิวของนางสว่างไสวมาก กเหมือนหยก และดูเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
หลี่เชียนเห็นก็รู้สึกดีใจทันที
นี่คือชีวิตที่เขาอยากให้เจียงเซี่ยน
ไร้ความกังวล มีความสุข ต่อให้กลุ้มใจ ก็กลุ้มใจแค่ว่าจะวางของอะไรบนชั้นวางของ
แต่อิ้นไฉ่นั้น เห็นได้ชัดว่าไม่นุ่มนวลเหมือนฉิงเค่อกับไป่เจี๋ย
นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเห็นในเรือนกระจกยังปลูกต้นส้มจี๊ดกับต้นดอกชาไว้ด้วย อีกไม่กี่วันดอกเหมยก็บานแล้ว จึงเอาลูกท้อออกมา คิดว่าเดี๋ยวให้คนของเรือนกระจกนำส้มจี๊ด ดกับดอกชามาวางสองสามกระถาง อีกไม่กี่วันค่อยเพิ่มดอกเหมยอีกสองสามกระถาง”
เจียงเซี่ยนก็เพียงแค่พูดไปเช่นกัน ไม่ได้จะย้ายอะไรจริงๆ พอได้ยินก็อดที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “เรือนกระจกในสวนดอกไม้ยังใช้ได้หรือ? ใครดูแลที่นั่นล่ะ?”
อิ้นไฉ่ยิ้มพลางเอ่ยว่า “เป็นคนที่เจ้าของบ้านเดิมทิ้งเอาไว้เจ้าค่ะ บอกว่าทางเขาก็ไม่มีเรือนกระจกแล้ว คนสำหรับดอกไม้กับต้นไม้ก็ไม่จำเป็นแล้วเช่นกัน ไม่เพียงแต่ทิ้งคนเอาไว้ สัญญาขายตัวก็ทิ้งเอาไว้ด้วย อยู่ในมือชีกู คนพวกนั้นกลัวว่าท่านหญิงจะไม่ต้องการพวกเขาแล้ว พวกเราเพิ่งมาถึง ก็รีบมาถามว่าใครคุมงาน...ข้าไปดูมาแล้ว ดอกไม้กับต้นไม้พวกนั้น ปลูกได้ไม่เลวทีเดียว หากท่านหญิงมีเวลาว่าง ก็ไปดูได้เจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนสนใจมาก จึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นไว้พวกเราทำงานเสร็จแล้วพามาให้ข้าดูหน่อยเถอะ!”
อิ้นไฉ่ประหลาดใจมาก แล้วรีบยิ้มพลางย่อตัวคารวะ และเอ่ยว่า “นี่เป็นความโชคดีของพวกเขา”
คำพูดนี้ก็ไม่ได้แสร้งทำตัวเหนือกว่าคนทั่วไปเช่นกัน
เรื่องในบ้านเจียงเซี่ยนไม่ค่อยยุ่ง คนรับใช้บางคนนางไม่รู้จักด้วยซ้ำ ทั้งหมดเป็นแบบในวัง หากคนที่ดูแลดอกไม้กับต้นไม้พวกนั้นเข้าตาเจียงเซี่ยน และสามารถอยู่ได้ ต่อไปคนหลา ายรุ่นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่แล้ว
เจียงเซี่ยนยังอยากถามเรื่องดอกเหมย…เวลานี้ไม่ใช่ฤดูกาลที่บาน ทว่าพอเงยหน้าขึ้น หางตากลับเหลือบไปเห็นหลี่เชียนที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างเงียบๆ
นางจึงอดไม่ได้ที่ทำหน้ามุ่ย และเอ่ยอย่างแสร้งทำเป็นโกรธว่า “เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไร? ก็ไม่ส่งเสียงเช่นกัน ทำให้ข้าตกใจมาก!”
หลี่เชียนยิ้มและเดินไปหาทันที
นึกถึงสายตาที่เหลือบมองเขาอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของนางเมื่อครู่ ไม่รู้ทำไม ในใจก็ร้อนผะผ่าว จนอดไม่ได้ที่จะกอดเจียงเซี่ยน และกระซิบข้างหูนางว่า “นี่ข้าก็เห็น นว่าฮูหยินกำลังยุ่ง เลยไม่กล้ารบกวนไม่ใช่หรือ?”
ไอร้อนปะทะหูนาง ทำให้หูของนางแดงก่ำในชั่วพริบตา ขากับเท้าก็อ่อนแรงเล็กน้อย
“มาหัวเราะเยาะข้าอีกแล้ว!” เจียงเซี่ยนอยากผลักหลี่เชียนออก ทว่าหลี่เชียนกลับมั่นคงดุจภูเขาไท่ ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียวอย่างสิ้นเชิง กลับกลายเป็นเหมือนกำลังหยอกล้อกับหลี่เ เชียน เพิ่มความคลุมเครือเล็กน้อย
พวกอิ้นไฉ่รีบก้มหน้าลงและถอยออกไป
เจียงเซี่ยนหน้าแดงไปหมดแล้ว
หลี่เชียนจึงถือโอกาสอุ้มเจียงเซี่ยนเข้าห้องนอนเสียเลย
ตอนเข้าไปก็ยังไม่ลืมสั่งอิ้นไฉ่ “อีกครึ่งชั่วยามกินอาหารเย็น”
พวกอิ้นไฉ่ขานรับผ่านม่าน
เจียงเซี่ยนอายจนเงยหน้าไม่ขึ้น จึงทำปากแข็งเอ่ยว่า “ทำไมต้องอีกครึ่งชั่วยามกินอาหารเย็น? กินอาหารเย็นตอนนี้ไม่ได้หรือ?”