มู่หนานจือ - บทที่ 453 เด็ดขาด
ใต้เท้าลู่เป็นจวี่เหริน จิ้นซื่อยังเหมือนอนุภรรยา นับประสาอะไรกับจวี่เหริน
ดังนั้นเขาจึงเป็นได้เพียงอาจารย์ ดังนั้นใต้เท้าจวงจึงกล้ารังแกใต้เท้าลู่ และกล้ารังแกตระกูลลู่
แล้วเกาเมี่ยวหรงเอาความกล้ามาจากไหน?
อาศัยเพียงแค่ความสัมพันธ์ของนางกับตระกูลหลี่เท่านั้น!
ทว่าตระกูลหลี่ไม่ล้างแม้แต่โคลนบนขาให้สะอาด ในสายตาของพวกตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจอย่างแท้จริง ก็เป็นตระกูลที่แม้กระทั่งกินข้าวกับใส่เสื้อผ้าก็ทำไม่เป็น ดีที่เขามีว วาสนากับเจียงเซี่ยน และเจียงเซี่ยนยอมแต่งงานกับเขา ถึงชุบทองชั้นหนึ่งลงบนฐานะของตระกูลหลี่ แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการชุบทองชั้นหนึ่ง จะสามารถอาศัยโอกาสนี้ทำให้มันเปลี่ยน นเป็นทองคำบริสุทธิ์ได้หรือไม่ ยังต้องใช้ความพยายามของคนตระกูลหลี่หลายรุ่น หลี่จี้กับหลี่จวีน้องชายแท้ๆ ของเขาต่างก็ยังต้องวางตัวว่านอนสอนง่ายและซ่อนสันดานที่กำเริบเสิบสา าน ทว่าเกาเมี่ยวหรงเหมือนรังเกียจที่ตระกูลหลี่ของเขายังยากจนไม่พอ กลับก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นมา!
เช่นนี้จะให้คนของตระกูลหลี่ต่อไปเดินออกไปจะยืดอกและเงยหน้าได้อย่างไร!
หลี่เชียนโกรธจนหน้าเขียว
เขาเป็นคนที่หลี่ฉางชิงเลี้ยงมาด้วยกำลังของคนคนเดียว จึงคิดเหมือนกับหลี่ฉางชิงว่าบนโลกใบนี้ควรจะให้ผู้ชายหาเงินอยู่ข้างนอก ผู้หญิงดูแลงานบ้าน ดังนั้นเขาจึงไม่เคยก้าวก่าย เรื่องของเรือนด้านใน ยิ่งกว่านั้นฮูหยินเหอเป็นแม่เลี้ยงของเขา หลี่ฉางชิงก็กำลังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มแน่น อย่างไรเขาก็ไม่มีสิทธิยุ่งเรื่องในบ้าน
และผลจากการที่เขาไม่ยุ่งก็เป็นแบบนี้!
หลี่เชียนอดไม่ได้ที่จะจับมือของเจียงเซี่ยน
เขายังโกรธขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจียงเซี่ยนที่รักหน้าตามาโดยตลอด
หลี่เชียนมองเจียงเซี่ยนอย่างรู้สึกเสียใจ อยากปลอบใจเจียงเซี่ยนผ่านวิธีแบบนี้
สีหน้าของเจียงเซี่ยนอ่อนโยนมากขึ้นแล้ว
นางเอ่ยว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเสียหน่อย เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไม? หรือว่าอยากขอโทษข้าแทนเกาเมี่ยวหรงอย่างนั้นหรือ?”
คำพูดนี้เอ่ยอย่างริษยาเล็กน้อย พอพูดออกไป แม้แต่เจียงเซี่ยนเองยังตกใจมาก
ทว่าหลี่เชียนกลับอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เขาลุกขึ้นมานั่งข้างกายเจียงเซี่ยน และโอบเอวของนาง พลางตวาดด่าเสียงเบาว่า “พูดจาเหลวไหลอะไร? นางเป็นอะไรกับข้า? แล้วเจ้าเป็นอะไรกับข้า?”
หลี่เชียนรู้สึกว่าเอ่ยถึงเกาเมี่ยวหรงพร้อมกับเจียงเซี่ยน ยังให้เกียรติเกาเมี่ยวหรงเกินไปด้วยซ้ำ
แต่เจียงเซี่ยนกลับมีความน้อยใจของตนเอง
นางเอ่ยว่า “หลังจากเรื่องนี้แพร่งพรายออกมา เดิมทีท่านพ่ออยากเชิญพี่น้องสกุลเกาย้ายออกไป ฮูหยินเหอยังขอความเมตตาให้นาง ส่วนเกาฝูอวี้ก็ขอโทษท่านพ่อด้วยตนเอง และบอกว่าจะ ะควบคุมเกาเมี่ยวหรงให้ดี เรื่องนี้ก็เลยจบแบบนี้ ข้ายังคิดว่าเจ้าจะปกป้องเกาเมี่ยวหรงด้วย!”
หลี่เชียนไม่แปลกใจ
ทั้งตระกูลต่างรู้ว่าฮูหยินเหอโปรดปรานเกาเมี่ยวหรง มีช่วงหนึ่งฮูหยินเหอยังคิดเพ้อเจ้ออยากให้เกาเมี่ยวหรงแต่งงานกับเขาด้วย ปรากฏว่าพอพูดออกไปก็ถูกหลี่ฉางชิงสั่งสอนอย่าง งรุนแรง ตั้งแต่นั้นก็ไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย
คิดถึงตรงนี้ สายตาของหลี่เชียนก็เย็นชา
คนรักที่เขาประคบประหงม ตนเองยังไม่อยากให้นางขมวดคิ้วสักครั้ง แล้วคนอื่นมีสิทธิอะไรมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้านาง!
“เรื่องนี้ข้าจะคุยกับท่านพ่อเอง” หลี่เชียนจูบขมับของเจียงเซี่ยนอย่างปวดใจ และเอ่ยว่า “ในเมื่อเกาฝูอวี้ไม่อยากย้าย พวกเราก็ไม่บังคับเช่นกัน แต่เกาเมี่ยวหรงต้องแต่งงาน ไปอยู่ที่ไกลเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นก็ให้เกาเมี่ยวหวาก่อตั้งตระกูลเอง”
สรุปว่า ตระกูลเกาต้องแยกกับตระกูลหลี่ จะให้ตระกูลเกาส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอันดีงามของตระกูลหลี่ไม่ได้เด็ดขาด
“แล้วก็เฉาเซวียน เจ้าขอบคุณเขาแทนข้าด้วย” หลี่เชียนเอ่ยต่อว่า “เรื่องในตระกูลของพวกเรา เขาช่วยไม่น้อย ข้าจดจำไว้ในใจหมด ต่อไปหากเขามีที่ที่ใช้ข้าได้ ให้เขาเอ่ยปากได้ เลย”
ทว่าบุญคุณนี้กลับไม่อาจให้เจียงเซี่ยนแบกได้
นี่เป็นเรื่องของเขา
“ส่วนฮูหยินเหอ ข้าก็จะคุยกับท่านพ่อเช่นกัน” หลี่เชียนพึมพำว่า “หากคุยกันเข้าใจก็ดีที่สุด ถึงอย่างไรนางก็เป็นนายหญิงของตระกูลหลี่ และแม่แท้ๆ ของหลี่จวี หากคุยกัน ไม่เข้าใจ ก็รับตงจื้อมา ให้เจ้าเป็นคนอบรมสั่งสอน ส่วนเรื่องอาหารการกินภายในบ้าน ข้าจะเชิญพี่หญิงใหญ่มาช่วยจัดการ และให้นางสวดมนต์ไป”
หลี่ฉางชิงจะอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ข้างกายไม่มีคนดูแลไม่ได้ แทนที่จะจัดอีกคนหนึ่งให้ปรับตัวเข้าหาหลี่ฉางชิง สู่รั้งฮูหยินเหอไว้ข้างกายเขาดีกว่า ฮูหยินเหอเรื่องอื่นใช้ไม่ได้ แต่กลับจิตใจดี ไม่มีจิตใจชั่วร้าย ไม่ดูแลงานบ้านแล้ว เรื่องบางเรื่องก็จะไม่มาหานางเช่นกัน
เจียงเซี่ยนมองหลี่เชียนอย่างประหลาดใจ
นางรู้มาโดยตลอดว่าเขาเป็นคนเด็ดขาด ทว่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะคล่องแคล่วว่องไวขนาดนี้ จนจัดการเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
แต่หลี่เชียนกลับละอายใจต่อเจียงเซี่ยนเล็กน้อย เขาหลุบตาลง และเอ่ยเสียงเบาว่า “เป่าหนิง ที่บ้านเพิ่งจะร่ำรวย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีที่ที่ควบคุมไม่ไหว และหุนหันพลันแล่นไป ปบ้าง เจ้ารับผิดชอบมากหน่อย แล้วก็ชี้แนะพวกเขามากหน่อย กำลังของคนคนหนึ่งมีจำกัดยากที่จะทำการใหญ่ได้ ข้าคิดว่า…ในเมื่อเจ้าหาทางลัดแบบนี้ให้ข้า ข้าก็จะทำให้เจ้าผิดหวังไม ม่ได้ เวลานี้สถานการณ์ทางการเมืองของด่านชายแดนกำลังระส่ำระสาย แต่ก็เป็นโอกาสดีสำหรับสร้างความดีความชอบต่อแคว้นอย่างใหญ่หลวงและทำงานใหญ่สำเร็จเช่นกัน อย่างมากที่สุดสามถึงห้าป ปี หากข้าไม่นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการกองบัญชาการส่านซี ก็ต้องควบตำแหน่งแม่ทัพส่านซี แล้วจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่ซีอานอย่างแน่นอน”
เจียงเซี่ยนไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง
ชาติก่อน ตอนที่หลี่เชียนควบตำแหน่งผู้บัญชาการของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีกับกองบัญชาการส่านซี ก็ยังภูมิใจมากไม่ใช่หรือ ทว่าเพียงแค่ปีเดียว เขาก็แอบเล่นตุกติกทำให้แม่ทัพกา านซู่สูญเสียอำนาจที่แท้จริงแล้ว…
คนบางคน…ทะเยอะทะยานมากและไม่เชื่อฟังตั้งแต่เกิด!
แต่นางเชื่อว่า เวลานี้หลี่เชียนเอ่ยเรื่องนี้อย่างจริงใจ
เพราะเขายังไม่ได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการของกองบัญชาการส่านซี
นางเม้มปากยิ้ม และเอ่ยว่า “เจ้าต้องจำสิ่งที่เจ้าพูด และต่อไปต้องอยู่เป็นเพื่อนข้า!”
เจียงเซี่ยนคิดว่าไปไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงสองคนได้อยู่ด้วยกันก็พอ
หลี่เชียนพยักหน้าอย่างจริงจัง และกอดเจียงเซี่ยนไว้ในอ้อมแขน
เจียงเซี่ยนซบไหล่ของเขา แต่จู่ๆ ก็ร้องว่า “อ๊ะ” และนั่งตัวตรง
หลี่เชียนรีบเอ่ยว่า “เป็นอะไรไป?”
“เรื่องนี้ต้องเร็ว!” เจียงเซี่ยนรีบเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่ตระกูลจงมาถามความเห็นของเจ้า ข้ายังเพียงแค่คิดว่าไม่อยากให้ตระกูลจงกับตระกูลเกาแต่งงานกัน เวลานี้เห็นจดหมายของ งคุณหนูลู่ ถึงคิดถึงปัญหาใหญ่ข้อหนึ่ง…สาเหตุที่ตระกูลเกายังไม่ไปสู่ขอที่ตระกูลลู่ ต้องเป็นเพราะเกาฝูอวี้อยากแต่งงานกับตระกูลจงอย่างแน่นอน หากตระกูลจงตอบปฏิเสธเกาฝูอวี้อ อย่างชัดเจน เกาฝูอวี้จะไม่ไปสู่ขอตระกูลลู่อย่างนั้นหรือ? ถึงอย่างไรเรื่องราวก็เป็นแบบนี้แล้ว ฉวยโอกาสแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ถึงจะเป็นเหตุผลที่เหมาะสม ทั้งสามารถยุติข้อพ พิพาทนี้ได้ และหาทางลงให้ท่านพ่อด้วย ทางเฉาเซวียนก็ไม่มีทางที่จะมีข่าวในชั่วขณะ คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ก็ยังถูกเกาเมี่ยวหรงจัดการอยู่ดีไม่ใช่หรือ?”
นี่เป็นสิ่งที่เจียงเซี่ยนไม่อยากเห็นที่สุด
หลี่เชียนก็ไม่อยากเห็นเหมือนกัน
หากตระกูลเกากับตระกูลลู่แต่งงานกัน ก็เท่ากับยอมรับสิ่งที่เกาเมี่ยวหรงทำไปโดยปริยายเช่นกัน
เขาเลิกคิ้ว และยิ้มเยาะพลางเอ่ยว่า “ข้าจะเขียนจดหมายหาท่านพ่อเดี๋ยวนี้ และให้อวิ๋นหลินกลับไท่หยวน” เขาเอ่ยจบก็ครุ่นคิดเล็กน้อย และเอ่ยว่า “เป่าหนิง เจ้าก็เขียนจดหมายหาคุ ณหนูใหญ่ตระกูลลู่ฉบับหนึ่งด้วย ข้าจะให้อวิ๋นหลินส่งไปที่ตระกูลลู่ด้วยตนเอง ทำให้ตระกูลลู่สบายใจ พวกเขาจะได้ไม่ขาดความมั่นใจ จนผลีผลามยอมรับการแต่งงานนี้ ทำให้เกิดสามีภรรยา ที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน ถึงเวลานั้นเดือดร้อนถึงตระกูลหลี่ ทำให้ตระกูลไม่สงบ”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และสั่งให้ไป่เจี๋ยไปหยิบสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือมา แล้วถามหลี่เชียนว่า “เจ้าคิดจะให้น้องหญิงมาติดตามข้าจริงๆ หรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” หลี่เชียนเอ่ย “เจ้าดูพวกสิ่งที่ฮูหยินเหอทำหลายปีมานี้สิ หากตงจื้อติดตามนางอีก คงจะถูกทำลาย!”
การแต่งงานของน้องชายกับน้องสาวไม่ดี ก็จะมีความขัดแย้งระหว่างญาติที่เกี่ยวดองกัน ถึงเวลานั้นก็จะพัวพันถึงตระกูลหลี่อยู่ดี