มู่หนานจือ - บทที่ 454 แตกต่างกัน
เป็นเพราะเข้าใจเหตุผลนี้ หากหลี่เชียนไม่รู้ก็แล้วไป ถ้ารู้แล้ว จะต้องยุ่งให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน
เขาเขียนจดหมายยาวทันที และให้อวิ๋นหลินนำจดหมายไปไท่หยวน แล้วเอ่ยว่า “เจ้าออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ต้องยกเลิกการแต่งงานของตระกูลเกากับตระกูลลู่ให้ได้ หากเจ้ากลับไปแล้วทั้งสองตร ระกูลมอบสินสอดแล้ว เจ้าก็ไปบอกใต้เท้าลู่ว่า ให้เขาถ่วงเวลาไว้ก่อน ไว้ทางพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว จะคิดหาทางย้ายเขามา พอทุกคนไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว ทั้งสองตระกูลค่อยยกเลิก การหมั้นหมายอย่างเงียบๆ ให้เขาอย่าทำอะไรโง่ๆ ไม่เพียงแต่ผลักลูกสาวลงนรก ทว่ายังเป็นญาติกับตระกูลที่ไม่ได้เรื่องได้ราวแบบนี้ด้วย”
หาก ‘ผลักลูกสาวลงนรก’ ไม่สามารถโน้มน้าวใต้เท้าลู่ได้ ประโยคหลัง ‘เป็นญาติกับตระกูลที่ไม่ได้เรื่องได้ราว’ น่าจะโน้มน้าวใต้เท้าลู่ได้
หลี่เชียนครุ่นคิดในใจ
อวิ๋นหลินพยักหน้าอย่างจริงจัง และเอ่ยว่า “ใต้เท้า หากตระกูลเกาไม่ยอมให้คุณหนูเกาแต่งงานไปอยู่ที่ไกล...”
ถึงอย่างไรตระกูลเกาก็ไม่ใช่คนรับใช้ของตระกูลหลี่ เวลานี้เกาฝูอวี้ยังเป็นผู้ช่วยอันดับหนึ่งของหลี่ฉางชิง ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเขา ต่อให้อยากทำงานโดยใช้ชื่อและอาศัยอำนาจกับ บอิทธิพลของหลี่เชียน นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าตระกูลเกาจะยอมหรือไม่เช่นกัน
หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ให้พวกเขาย้ายออกไป ตั้งแต่นี้ไป…ตระกูลเกากับตระกูลหลี่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก ไม่ว่าจะเกาเมี่ยวหวาหรือเกาเมี่ยวหรง ต่างก็อย่าก้ าวเข้าประตูใหญ่ของตระกูลหลี่แม้แต่ก้าวเดียวจะดีที่สุด หากท่านพ่อไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ข้าทำ เจ้าก็บอกเขาว่า แม้แต่ห้องห้องหนึ่งยังไม่ปัดกวาด แล้วจะปกครองใต้หล้าได้อย่ างไร หากท่านฝูอวี้ดูไม่ออกแม้แต่เรื่องแค่นี้ อย่างมากที่สุดก็เป็นผู้ช่วยที่ทำได้เพียงช่วยจัดการเอกสารเล็กน้อย ให้ท่านพ่อฉวยโอกาสเปลี่ยนคนตั้งแต่เนิ่นๆ”
คำพูดนี้ก็เจ็บแสบเกินไปแล้วเช่นกัน!
อาจจะเป็นเพราะครั้งนี้ยั่วโมโหแม้กระทั่งท่านหญิงกระมัง?
อวิ๋นหลินฝืนใจขานรับ
หลี่เชียนให้เขาไปพบเจียงเซี่ยน “ท่านหญิงยังมีเรื่องมอบหมายเจ้า!”
อวิ๋นหลินขานรับอย่างนอบน้อม และไปที่ห้องหนังสือทางตะวันตก
เจียงเซี่ยนมอบจดหมายที่ตนเองเขียนหาคุณหนูลู่ให้อวิ๋นหลิน และยังให้อวิ๋นหลินนำเงินห้าร้อยตำลึงไปให้คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ด้วย บอกว่าให้นางเก็บไว้ใช้เป็นค่าเดินทางในอนาคต ต และยังให้อวิ๋นหลินนำข่าวคราวไปให้คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ด้วย โดยบอกว่านางจะตัดสินใจเรื่องนี้ให้คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่อย่างแน่นอน
อวิ๋นหลินจำไว้ทีละเรื่อง และพกเสบียงไปก็ออกเดินทางทันที
เจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนยืนอยู่บนขั้นบันไดใต้ชายคา พลางมองดอกชาภูเขาที่บานอย่างคึกคักในลานบ้าน และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “หวังว่าจะไปทัน”
แม้สุดท้ายจะถอนหมั้นได้ ทว่าการถอนหมั้นยุ่งยากกว่าการปฏิเสธการหมั้นมาก นั่นก็ล่วงเกินเกาฝูอวี้แทบตายแล้ว
หลี่เชียนไม่กลัว
แต่เจียงเซี่ยนกลับกังวลว่าหลี่ฉางชิงจะรู้สึกไม่สบายใจ และล่วงเกินหลี่ฉางชิง
หลี่ฉางชิงค่อนข้างคิดถึงเพื่อนเก่า และมีสัจจะ กล้าหาญ และมีน้ำใจมาก หากเกิดความบาดหมางกับเกาฝูอวี้เพราะเรื่องนี้ เขาอาจจะไม่ยอม และไม่มีการสนับสนุนจากหลี่ฉางชิง สิ่งที่หลี่ เชียนพูดออกไปไม่สามารถเป็นจริงได้ ก็เป็นการโจมตีศักดิ์ศรีของหลี่เชียนที่ใหญ่มาก
ทว่าเวลานี้ก็ไม่มีวิธีอื่นเช่นกัน
เกาเมี่ยวหรงไม่สามารถอยู่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของฮูหยินเหอกับหลี่ตงจื้อที่ตระกูลหลี่ต่อไปได้แล้วอย่างแน่นอน
ผ่านไปเช่นนี้สองสามวัน ก็มีข่าวดีจากไท่หยวน ในที่สุดเหอถงเหนียงกับจินเฉิงก็จะหมั้นวันที่ยี่สิบแปดเดือนหนึ่งปีหน้า และแต่งงานวันที่หนึ่งเดือนสามของปีถัดไป
เรื่องอื่นในจดหมายกลับไม่ได้เขียน เจียงเซี่ยนคิดว่าอาจจะเพราะไท่หยวนกับซีอานอยู่ห่างกันเล็กน้อย เรื่องบางเรื่องป้าเหอจึงยังไม่ทันได้บอกนาง
เจียงเซี่ยนให้คนเตรียมของขวัญ
ของยังไม่ได้ส่งออกไป จดหมายของป้าเหอก็มาถึงอีกแล้ว
นางเอ่ยถึงเรื่องนี้ในจดหมายอย่างอ้อมค้อมมาก และเตือนเจียงเซี่ยนว่า คุณหนูเกาอายุไม่น้อยแล้ว จะรบกวนนางแบบนี้เสมอเพราะเรื่องของตระกูลหลี่ไม่ได้ ควรปล่อยคุณหนูเกากลับไปบ บ้านของตนเอง คุยเรื่องแต่งงานให้ดี และเตรียมตัวรอแต่งงานถึงจะถูก
เจียงเซี่ยนอดที่จะยิ้มไม่ได้
ฮูหยินเหอก็ถือว่าเป็นคนที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใครเช่นกัน พี่สะใภ้ของครอบครัวตนเองฉลาดเช่นนี้ ลูกสาวของตนเองก็ฉลาดมากเหมือนกัน แต่นางกลับเป็นคนไม่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ ควรทำ
เจียงเซี่ยนตอบจดหมายป้าเหอ โดยบอกความเห็นของหลี่เชียนกับป้าเหอ และให้ป้าเหอช่วยโน้มน้าวฮูหยินเหอ ฮูหยินเหอจะได้ไม่ออกหน้าให้เกาเมี่ยวหรงอีก
นางใช้ม้าเร็วส่งจดหมายออกไปอย่างเร็วที่สุด
ถึงเทศกาลล่าปาแล้ว
ทุกครอบครัวส่งโจ๊กล่าปา
ที่บ้านของเจียงเซี่ยนก็ไม่ยกเว้นเช่นกัน
ใต้เท้าซย่า ใต้เท้าหวัง ใต้เท้าหลิน และพวกผู้ใต้บังคับบัญชาของหลี่เชียน นางส่งไปจำนวนหนึ่งแล้ว
ทุกคนก็ส่งอาหารมากมายคืนให้นางเช่นกัน
หลี่เชียนเริ่มเตรียมการเรื่องไปเมืองกานแล้ว
ยังดีที่พวกหีบสัมภาระที่บรรจุเสื้อขนสัตว์สำหรับฤดูหนาวของหลี่เชียนก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เปิด ครั้งนี้จึงคัดลอกสมุด เปลี่ยนสมุดบัญชี และยกหีบสัมภาระไปไว้ข้างๆ ได้เลย
เจียงเซี่ยนอาลัยอาวรณ์มาก
หลี่เชียนกอดเจียงเซี่ยนอย่างมีความสุขและทรมาน พลางซุบซิบคุยกับเจียงเซี่ยนทุกคืน
ตั้งแต่ในเรือนกระจกปลูกพันธุ์อะไรใหม่เตรียมใช้ต้อนรับแขกช่วงปีใหม่ แม่ครัวทำอาหารอะไรอร่อย ทั้งหมดเป็นพวกเรื่องจุกจิกและงานบ้าน ทว่าไม่ว่าจะหลี่เชียนหรือเจียงเซี่ยน ต่างก ก็สนใจมาก
นี่เป็นบ้านของพวกเขาสองคน เป็นบ้านหลังแรกในความหมายที่แท้จริงนอกจากบิดามารดา ต้นหญ้า ต้นไม้ โต๊ะ และเก้าอี้ ล้วนทำให้หลี่เชียนยิ่งมองก็ยิ่งชอบ เขาถึงกับอยากให้เวลา าผ่านไปเร็วหน่อย เขากับเจียงเซี่ยนมีลูกสองสามคน ดูพวกลูกก่อความวุ่นวายตามอำเภอใจเหมือนลิงในบ้านหลังนี้ ดูพวกเขาแต่งงานและมีลูก ใช้ชีวิตในบั้นปลายชีวิตที่นี่
แต่เจียงเซี่ยนกลับคิดว่าวันเวลาแบบนี้ต่อไปคงจะไม่ได้มีบ่อยนัก
พอหลี่เชียนไปเมืองกานแล้ว ก็คงจะเหมือนนกที่ถูกปล่อยออกจากกรง รู้สึกถึงความแข็งแกร่งกับความงดงามของฟ้าดิน และความกว้างใหญ่ของท้องฟ้าแล้ว ก็ยากที่จะอยู่ในลานบ้านเล็กๆ แ แห่งนี้กับนางอย่างสบายอกสบายใจอีกแล้ว
นางซบไหล่ของหลี่เชียน พลางมองแสงไฟสีขาวที่แวววาวและขาวสะอาดของโคมวังหลวงรูปแตงตรงมุมกำแพง กอดเอวของหลี่เชียนแน่น และฝังหน้าลงในอ้อมกอดของหลี่เชียน
ปรากฏว่าพอถึงวันที่กำหนดไว้ หลี่เชียนกลับไปไม่ได้
เพราะไช่ซวงมาถึงแล้ว
ตามที่ไป่เจี๋ยบอก ไช่ซวงเป็นหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง ปีนี้อายุเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองปี หน้าตาท่าทางองอาจห้าวหาญ อ่อนโยนและงดงาม ไม่เหมือนแม่ทัพ เหมือนบันฑิตเจียงหนานที่สง่า างามมากเหมือนต้นหยก
เจียงเซี่ยนแปลกใจเล็กน้อย
ทว่าที่ทำให้นางประหลาดใจคือ ไช่ซวงกลับอยากมาเยี่ยมเจียงเซี่ยนในนามของคุณหนูใหญ่เติ้ง “พี่สะใภ้รู้ว่าเวลานี้ท่านหญิงอยู่ที่ส่านซี ก็คิดถึงมาก จึงตั้งใจสั่งให้ข้านำพวกของพ พื้นเมืองของเมืองหลวงมามอบให้ท่านหญิงโดยเฉพาะ ให้ข้าทักทายท่านหญิงแทนนาง”
แต่เจียงเซี่ยนกลับไม่คิดจะเจอเขา
นางอยากเตะคนออกไปเร็วหน่อย
คนที่อีกไม่นานก็จะถูกนางเตะออกไป ทำไมนางต้องรู้จัก!
ไป่เจี๋ยบอกว่า ไช่ซวงผิดหวังมาก
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็ผ่านไป ไป๋ซู่ส่งจดหมายมาบอกนางว่า นางกับจินย่วนเจอกันที่วัดกูเส่า ทั้งสองคนไปจุดธูปและเสี่ยงเซียมซีด้วยกัน และยังรับประทานอาหารเจด้วยกันด้วย ตามที่จิ นย่วนบอก การแต่งงานของจินย่วนกับตระกูลเติ้งถือว่าล่วงเกินตระกูลเซ่าหมดแล้ว ย่าของจินย่วนอยากคลี่คลายความสัมพันธ์กับตระกูลเซ่า จึงตัดสินใจให้จินเซียวแต่งงานกับคุณหนูรองขอ องตระกูลเซ่า จินไห่เทาบิดาของจินเซียวไม่เห็นด้วย แต่ฮูหยินจินกลับยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับย่าของจินย่วน ทั้งสองคนพยายามจะทำให้การแต่งงานนี้สำเร็จอย่างสุดกำลัง ครั้งนี้เป็นไปไ ได้มากว่าจินเซียวต้องหมั้นกับคุณหนูรองของตระกูลเซ่าแล้ว
ในคำพูดของไป๋ซู่ค่อนข้างเสียดาย
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับเบ้ปากอย่างไม่เห็นด้วย
เดิมทีผู้หญิงก็เสียเปรียบในเรื่องแต่งงานอยู่แล้ว จินเซียวลำบากหน่อยจะเป็นไร? ใต้หล้ามีเรื่องที่สมบูรณ์แบบที่ไหนกัน อย่างน้อยเรื่องแต่งงานของจินเฉิงกับจินย่วนต่างไม่เลว เขา าก็น่าจะพอใจแล้วเช่นกัน
เจียงเซี่ยนสนใจแค่ว่าไป๋ซู่แต่งไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไป๋ซู่เขียนเพียงประโยคสั้นๆ ว่า ‘ข้าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่ต้องเป็นห่วง’ ทำให้เจียงเซี่ยนรู้สึกอยากทำอะไรบางอย่าง จึง งส่งชีกูตามรถไปส่งของขวัญเทศกาลตรุษจีนที่เมืองหลวง และถือโอกาสสืบว่าไป๋ซู่ทุกอย่างเรียบร้อยดีอย่างที่นางเอ่ยจริงหรือเปล่า