มู่หนานจือ - บทที่ 456 จดหมายที่ส่งมา
ฮูหยินหวังรักลูกสาวทั้งสองคนของตนเองมากแค่ไหน แค่คิดก็รู้แล้ว ดังนั้นตอนที่เจียงเซี่ยนถามถึงลูกสาวคนเล็กของนาง สีหน้าและท่าทางของนางต่างก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนโยนขึ้น แล ละเอ่ยอย่างรู้สึกดีใจมากจนสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กสาวไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร วันนี้จึงไม่พานางออกมา ต่อไปมีโอกาสค่อยพานางไปคารวะท่านหญิง”
ฮูหยินอาวุโสในวันนี้ต่างก็ไม่ได้พาคนรุ่นหลังมาเช่นกัน คิดดูแล้วเป็นครั้งแรกที่เจอเจียงเซี่ยน ไม่แน่ใจนิสัยของเจียงเซี่ยน จึงไม่กล้าทำอะไรตามใจชอบกระมัง!
เจียงเซี่ยนรู้สึกถึงความเคารพในเมืองหลวง
บางทีนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับการเลื่อนตำแหน่งของหลี่เชียน
เจียงเซี่ยนคิดอย่างไม่ใส่ใจ นางคุยกับฮูหยินหวังครู่หนึ่ง งานเลี้ยงทางนั้นก็จัดเรียบร้อยแล้ว
ทุกคนล้อมอยู่รอบกายฮูหยินซย่า เจียงเซี่ยน ฮูหยินหวัง และฮูหยินหลิน แล้วพูดคุยพลางหัวเราะและไปที่ห้องอุ่นข้างๆ
อาหารเป็นอาหารเหนือ เจียงเซี่ยนบอกไม่ได้ว่าชอบแต่ก็ไม่ได้เกลียดเช่นกัน
หลังจากรับประทานอาหารทุกคนไปชมดอกเหมยที่สวนดอกไม้ด้านหลัง
บอกว่าชมดอกเหมย ก็เพียงแค่ปลูกป่าเหมยหนึ่งหมู่เท่านั้น เจียงเซี่ยนเคยเห็นป่าเหมยร้อยหมู่ของอุทยานซั่งหลิน ทิวทัศน์แบบนี้จึงด้อยกว่า ทว่านางก็ยังอดทนเดินในป่าเหมยกับทุกค คนรอบหนึ่ง พูดจาให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันเล็กน้อย พอรับประทานอาหารเย็นแล้ว ก็กลับเถียนสุ่ยจิ่ง
หลี่เชียนรออยู่ที่บ้านก่อนแล้ว พอเห็นนางเข้ามาก็จับมือของนาง รู้สึกว่ายังเย็นอยู่ ก็รีบสั่งให้อิ้นไฉ่เอาเตาอุ่นมือมาให้เจียงเซี่ยน และยิ้มพลางถามนางว่า “วันนี้สนุก กหรือไม่?”
“พอใช้ได้!” เจียงเซี่ยนไม่อยากให้หลี่เชียนกังวล จึงเอ่ยอย่างใจกว้างว่า “พวกฮูหยินต่างก็สุขุมมาก เรื่องอื่นพูดยาก อย่างน้อยก็คงไม่เกิดเรื่องเหมือนอย่างฮูหยินจวง”
หลี่เชียนโล่งอก
เขากลัวว่าเจียงเซี่ยนจะถูกรังแกตอนที่เขาไม่อยู่ที่สุด
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าก็ไปเมืองกานกับไช่ซวงแล้ว!” เขาล่าช้ามานานเกินไปแล้ว จะเลื่อนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
หลี่เชียนลูบใบหน้าของเจียงเซี่ยนอย่างแผ่วเบา ยังไม่ได้ไป ในดวงตาก็อาลัยอาวรณ์แล้ว
เจียงเซี่ยนเหมือนทำไปโดยไม่รู้ตัว นางเขย่งเท้าจูบมุมปากของหลี่เชียน และเอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะรอเจ้าที่ซีอาน”
เหมือนเมื่อก่อนที่รอหลี่เชียนในพระราชวังต้องห้าม นางก็จะใช้ชีวิตด้วยความคิดถึง เพียงเพื่อให้ได้เห็นเขานานๆ ครั้ง
ในใจหลี่เชียนทั้งเสียใจและรู้สึกผิด เขากอดเจียงเซี่ยนแน่น
ตอนกลางคืนหิมะเริ่มตก และหิมะยิ่งตกก็ยิ่งหนัก ตอนเช้าพวกเขาตื่นมา ก็มิดเท้าแล้ว
เจียงเซี่ยนเสียใจเล็กน้อย
หากรู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็น่าจะให้หลี่เชียนไปเมืองกานล่วงหน้าสองสามวัน เวลานี้หิมะตกหนัก แบบนี้หากเป็นหวัดระหว่างทางจะทำอย่างไร
ตอนที่นางรับประทานอาหารเช้าก็เม้มปากแน่น
หลี่เชียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างทั้งปวดใจและดีใจว่า “เมื่อก่อนข้าเดินทางในวันที่อากาศเลวร้ายแบบนี้บ่อย ไม่เป็นไร ข้ามีประสบการณ์แล้ว ยิ่งกว่านั้นครั้งนี้ไปรับราชการที่เมือง งกาน ยังมีไช่ซวงอยู่ด้วย ไม่เป็นไรหรอก เจ้าอารมณ์ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะไปอย่างไม่สบายใจ!”
เจียงเซี่ยนฝืนยิ้มให้หลี่เชียน นางรู้ว่าหลี่เชียนอยู่ต่อไม่ได้อีกแล้ว จึงให้คนไปเรียกหมอฉางเข้ามา ให้เขาตามหลี่เชียนไปเมืองกานด้วย “…ใต้เท้าจะได้มีคนดูแลระหว่างทา าง”
หมอฉางก็อึ้งไปตรงนั้น
สองวันนี้เขาเพิ่งจะดูร้านขายยาเสร็จ และเชิญพ่อค้านายหน้ามาช่วยเช่าไว้ แต่จู่ๆ กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทว่าเขาจะกล้าโต้แย้งเจียงเซี่ยนได้อย่างไร?
หมอฉางจึงจำเป็นต้องมองหลี่เชียนอย่างขอความช่วยเหลือ
หลี่เชียนรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อย แต่เจียงเซี่ยนพูดออกไปแล้ว เขาจะหักหน้าเจียงเซี่ยนได้อย่างไร?
เขาจึงจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น และก้มหน้าไอเบาๆ
ไม่ว่าอย่างไรหมอฉางก็ตามหลี่เชียนไปเสฉวนมารอบหนึ่งแล้ว จึงค่อนข้างเข้าใจหลี่เชียน พอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เหลือทางหนีทีไล่แล้ว ก็ทำได้เพียงลูบจมูกและเตรียมตัวออกเดินทาง
ฉางเหริ่นตงรู้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะบุกเข้ามา จะพบเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนรู้ว่าเขาจะพูดอะไร จึงเอ่ยโดยไม่รอให้เขาเอ่ยปากว่า “ข้าเพียงแค่ให้ท่านหมอฉางคุ้มกันใต้เท้าไปเมืองกาน อีกไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว เจ้าร้อนใจอะไร?” และเอ่ยอีกว่า “หากมีเรื่องด่วนอะไรจริงๆ ก็ยังมีเจ้าไม่ใช่หรือ?”
ความโกรธของฉางเหริ่นตงจึงถูกกักไว้ในคอแบบนี้ และจำเป็นต้องไปปรึกษากับคนของพ่อค้านายหน้าเอง รีบจัดการเรื่องในร้านให้เรียบร้อยก่อนปีใหม่ ผ่านวันมังกรเชิดหัววันที่สองเดือ อนสองไปแล้วก็เปิดกิจการ
นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันทีหลัง
เจียงเซี่ยนเห็นหลี่เชียนเชื่อฟังนางและพาหมอฉางไปอยู่ข้างกาย ถึงจะรู้สึกสบายใจหน่อย
เดิมทีหลี่เชียนอยากมอบเรื่องทางนี้ให้อวิ๋นหลิน จู่ๆ ก็เกิดเรื่องของเกาเมี่ยวหรง ทำให้แผนการของเขารวนไปหมด จึงจำเป็นต้องมอบเรื่องในบ้านให้หลิวตงเยว่ชั่วคราว ดังนั้นตอน นที่สั่งพวกเรื่องที่ต้องระวังกับหลิวตงเยว่ สีหน้าของเขาจึงว้าวุ่นใจเล็กน้อย
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในสมองของเกาเมี่ยวหรงบรรจุอะไรไว้?
ทำไมไม่เจอกันไม่กี่ปี นางก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้แล้ว?
หรือ…นางไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน?
หลี่เชียนนึกถึงตอนที่เกาเมี่ยวหรงเพิ่งมาตระกูลหลี่มักจะชอบใช้สายตาขี้ขลาดมองสถานการณ์ของคนอื่น
ตั้งแต่เขาอายุสิบปี ก็แทบจะไม่ไปเรือนด้านในแล้ว เวลานี้เกาเมี่ยวหรงหน้าตาเป็นอย่างไร เขาก็จำไม่ค่อยได้แล้วด้วยซ้ำ
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ เขาก็กำชับหลิวตงเยว่ “ท่านหญิงไม่ใช่คนที่ชอบคุมงาน เรื่องทางไท่หยวน เจ้าจับตาดูไว้หน่อย อย่าให้เกิดความผิดพลาด หากมีความลำบากอะไร เจ้าต้องบอกข้าทั นที ข้าจะคุยกับทางนั้นเอง”
หลิวตงเยว่ขานว่า “ขอรับ” อย่างนอบน้อม และส่งหลี่เชียนออกไปข้างนอก
เจียงเซี่ยนส่งหลี่เชียนถึงหน้าประตูใหญ่
หลังคา ต้นไม้ และถนนต่างก็เปลี่ยนเป็นขาวโพลนไปหมด เกล็ดหิมะดอกใหญ่ๆ ร่วงลงมาเหมือนปุยสีขาวของเมล็ดหลิว ครอบครองหลังคารถ บนร่มกระดาษน้ำมัน และไหล่ ไม่ยอมจากไปนานมาก
เจียงเซี่ยนปัดเกล็ดหิมะที่ไม่มีอยู่บนไหล่ของหลี่เชียน และส่งหลี่เชียนขึ้นรถม้าด้วยสายตาเคร่งขรึม
วันนี้จะมีคนมากมายส่งหลี่เชียนนอกประตูเมือง นางก็ไม่ไปร่วมสนุกด้วยแล้ว
หลี่เชียนเลิกม่านรถขึ้น และเอ่ยกับเจียงเซี่ยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “รีบกลับไป ข้างนอกลมแรงหิมะตกหนัก อย่าให้หนาว”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า ทว่าก็ยังมองรถม้าของหลี่เชียนไปจากเถียนสุ่ยจิ่ง จนกระทั่งในพื้นหิมะเหลือเพียงรอยที่ล้อรถบดผ่านหิมะขาวกับรอยที่กีบม้าเหยียบหิมะลึกๆ ไม่กี่ รอย นางถึงจะค่อยๆ ย้อนกลับเรือนด้านใน
ตอนบ่าย นางคาดว่าหลี่เชียนยังไม่ออกจากเมือง แต่นางกลับได้รับจดหมายที่ส่งมาจากหลี่เสว่
เจียงเซี่ยนประหลาดใจมาก นางนั่งลงบนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่างและเปิดจดหมาย แล้วอ่านรวดเดียวสิบบรรทัด
ที่แท้อวิ๋นหลินไปถึงไท่หยวนแล้ว และมอบจดหมายของหลี่เชียนให้หลี่ฉางชิงแล้ว
ก่อนหน้านี้หลี่ฉางชิงให้อภัยเกาเมี่ยวหรงแล้ว เวลานี้ไปยุ่งเรื่องของตระกูลเกาอีก ในใจจึงยังก้าวข้ามอุปสรรคนั้นไม่ค่อยได้
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานตระกูลจงตอบปฎิเสธตระกูลเกาอย่างชัดเจนมาก ไม่เพียงเท่านี้ ยังอ้างเรื่องที่เกาเมี่ยวหรงก่อ ตอบปฏิเสธตระกูลเกาด้วย
นี่จึงให้โอกาสแก่หลี่ฉางชิง
เขาเสนอให้เกาเมี่ยวหรงแต่งงานไปอยู่ที่ไกล จะได้ไม่ทำให้เกาเมี่ยวหวาเดือดร้อน
แน่นอนว่าเกาฝูอวี้ไม่เห็นด้วย
เขาเงียบไปนานมาก และเสนอให้เกาเมี่ยวหวากับเกาเมี่ยวหรงย้ายออกไปอยู่
นี่ตรงกับหนึ่งในความคิดของหลี่เชียนพอดี
หลี่ฉางชิงเห็นด้วย
ใครจะรู้ว่าหลี่หลินกลับก้าวออกมา
เขาจะแต่งงานกับเกาเมี่ยวหรง!
หลี่เสว่เป็นพี่สาวของหลี่หลิน แน่นอนว่านางไม่เห็นด้วย
ดังนั้นจึงเขียนจดหมายฉบับนี้ และให้คนส่งมาซีอานอย่างด่วนที่สุด เพราะอยากให้เจียงเซี่ยนคุยกับหลี่เชียน ให้หลี่เชียนยับยั้งการแต่งงานนี้
นางไม่เห็นด้วยที่น้องสะใภ้แบบนี้จะแต่งเข้าตระกูลอย่างเด็ดขาด!