มู่หนานจือ - บทที่ 459 จุดประสงค์ที่มา
หลี่จี้รู้สึกร้อนใจและไม่สบายใจ หากไม่ใช่ว่าเจียงเซี่ยนส่งสายตาให้เขาอย่าใจร้อน เขาก็คงจะถามอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น พอส่งหลี่เสว่ไปพักผ่อนที่ห้ องพักแขก เขาก็ตามเจียงเซี่ยนไปที่ห้องหลักทันที เขารับถ้วยชาที่อิ้นไฉ่ถือเข้ามาไปวางลงใกล้มือเจียงเซี่ยน และเอ่ยเสียงเบาว่า “พี่สะใภ้ เช่นนี้จะทำอย่างไรดี? หรือว่าพวกเรา าต้องเขียนจดหมายไปถามท่านพ่ออย่างนั้นหรือ?”
ตอนที่เขาเอ่ยเรื่องนี้ สายตาฉายแววลังเลอย่างเบาบาง
เจียงเซี่ยนเห็นแล้วก็แอบถอนหายใจ และเอ่ยว่า “ในเมื่อคนมาแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่พูดมากแล้วเช่นกัน สองสามวันนี้เจ้าหาเวลาอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงให้มาก ลองดูว่าสามารถทำให้นางคุ ยเรื่องส่วนตัวกับเจ้าสักหน่อยได้หรือไม่ แล้วเจ้าก็ลองไปสอบถามว่า ซีอานมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง ไว้ผ่านปีใหม่ไปแล้ว เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ก็พาพี่หญิงไปเดินเล่นทุกที่ รอตงจื้ อมาแล้วค่อยว่ากัน”
หลี่จี้ก็ได้ยินเรื่องในตระกูลแล้วเช่นกัน เขาเป็นลูกชายคนรอง ในตระกูลก็ไม่มีใครตั้งใจเอ่ยกับเขาโดยเฉพาะ เขาจึงจำเป็นต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ ทว่าเห็นหลี่เสว่เป็นแบบนี้ เขา าก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเจียงเซี่ยน “พี่สะใภ้ จะเป็นเพราะเรื่องในตระกูลหรือเปล่า…”
“เป็นไปได้มาก” เจียงเซี่ยนก็รู้สึกว่านอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่สามารถทำให้หลี่เสว่พาแค่แม่นมประจำตัวคนเดียวมาไกลมากถึงซีอานได้ “แต่นางไม่พูด พวกเราก็เดาม มั่วซั่วไม่ได้เช่นกัน”
หลี่จี้พยักหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์คังบอกว่าสมัยโบราณมีคำกล่าวว่า ‘มุมานะขยันเรียน’ และ ‘มุมานะขยันเรียนภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด ’ บัณฑิตที่แท้จริง…อยู่ที่ที่เสียงดังเอะอะแค่ไหนก็สามารถเรียนหนังสือได้เหมือนกัน ดังนั้นวันที่สองที่มาถึงซีอาน เรือนชบายังเก็บกวาดไม่เรียบร้อย ท่านอาจารย์คังกับท่านอาจารย ย์เจิ้งก็เริ่มสอนหนังสือพวกเราแล้ว ทว่าก็เป็นเพราะแบบนี้เช่นกัน เรือนชบาจึงเก็บกวาดค่อนข้างช้า สองวันก่อนเพิ่งจะจัดการที่อยู่อาศัยเรียบร้อย เตาไฟใต้ห้องคงจะต้องรอหยุดเรียนถึ งจะติดตั้งได้ สองสามวันนี้ทุกคนใช้กระถางไฟ แต่ก็ไม่หนาวเช่นกัน ท่านอาจารย์เจิ้งบอกว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้ก็ไม่หยุดเรียนแล้ว วันส่งท้ายปีเก่าทุกคนกินมื้ออาหารวันสิ้นปีด้วยกั น วันที่หนึ่ง วันที่สอง วันที่สามหยุดสามวัน วันที่สี่ก็เริ่มเรียนเลย ข้าไม่มีธุระอะไร เดิมทีก็คิดจะควบคุมและเร่งรัดให้พวกเขาซ่อมกองไฟ ตอนนี้พี่ใหญ่มาแล้ว ข้ามอบงานให้ห หม่าหย่งเซิ่งก็ได้”
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข และเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ เจ้าหม่าหย่งเซิ่งเก่งมากทีเดียว ข้าว่าเขาเรื่องอื่นไม่เท่าไร แต่เป็นคนที่จัดการงานต่างๆ เก่งมาก ของอะไรขายราค คาเท่าไร จะทำให้พวกช่างที่ซ่อมกองไฟให้พวกเราฉลองปีใหม่ก็ยอมออกมาหาเงินนี้อย่างเต็มอกเต็มใจได้อย่างไร เขาพูดจาเป็นขั้นเป็นตอนมาก มีความสามารถมากทีเดียว!”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็แอบเบ้ปาก
หากเขาไม่มีความสามารถ ชาติก่อนหลี่เชียนจะใช้เขาหรือ!
“ครั้งหน้าที่พี่ใหญ่ของเจ้ากลับมา เจ้าก็บอกเรื่องพวกนี้กับพี่ใหญ่ของเจ้า” เจียงเซี่ยนให้กำลังใจหลี่จี้ “คนพวกนี้ล้วนเป็นลูกน้องเก่าในอดีตของท่านพ่อ จงรักภักดีต่อตระกูลห ลี่มาก หากมีความสามารถ ก็ลองให้พี่ใหญ่ของเจ้าพาคนไปเมืองกานก็ได้”
หลี่จี้รู้ว่าเจียงเซี่ยนอยากให้เขาพูดต่อหน้าหลี่เชียนได้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจ และเห็นเจียงเซี่ยนเป็นเหมือนญาติของตนเอง จึงปรึกษาเจียงเซี่ยนอย่างเชื่อใจนางม มาก “พี่สะใภ้ ท่านบอกท่านพ่อได้หรือไม่ว่า ในอนาคตเรื่องแต่งงานของข้า ให้ท่านช่วยตัดสินใจให้ข้า…”
เจียงเซี่ยนอึ้งไป
หลี่จี้หลุบตาลง และเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ามักจะรู้สึกว่า ท่านพ่อไม่ควรยอมรับการแต่งงานของพี่หลี่หลิน แม้คุณหนูเกาจะดี แต่ทำอะไรใจร้อนเกินไป อาจจะไม่ใช่คนที่สามารถร่วมทุ กข์ร่วมสุขได้ ทว่าอาของนางก็เป็นกุนซือของท่านพ่อ มีความคิดมาก พี่หลี่หลินอาจจะไม่สามารถควบคุมคุณหนูเกาได้…”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา และเอ่ยว่า “เจ้าแต่งงานยังต้องควบคุมคนๆ นั้นได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” หลี่จี้รีบเอ่ย “ข้าเพียงแค่คิดว่า หากทั้งสองคนไม่ได้ใจตรงกัน ชีวิตนี้ก็ยากที่จะเจริญรุ่งเรืองได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลเจริญรุ่งเรืองแล้ว…”
เจียงเซี่ยนยิ่งรู้สึกว่าหลี่ฉางชิงยอมรับการแต่งงานของเกาเมี่ยวหรงกับหลี่หลินก็ไม่ได้หวังดีอะไร
ถึงอย่างไรหลี่หลินก็เป็นอีกสายหนึ่ง ยังแยกได้ หากเรื่องแต่งงานของหลี่จี้ไม่ดี ในอนาคตคนที่ปวดศีรษะก็คือนางกับหลี่เชียน
“ข้ารู้แล้ว!” เจียงเซี่ยนยิ้มพลางรับปากเขา “ข้าจะเขียนจดหมายไปบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ ต่อให้ข้าตัดสินใจไม่ได้ ก็จะให้ท่านพ่อแจ้งพี่ใหญ่ของเจ้าสักหน่อยตอนที่คุยเรื่องแต่งงาน นให้เจ้า”
หลี่จี้พยักหน้าอย่างเขินอาย และลาเจียงเซี่ยน กลับไปขอลากับคังเสียงอวิ๋นและเจิ้งเจียน แล้วมอบงานในมือตนเองให้หม่าหย่งเซิ่ง
นายหญิงคังกับนายหญิงเจิ้งได้ยินว่าหลี่เสว่มาแล้ว ก็เตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับหลี่เสว่ในบ้าน
เพราะทุกคนต่างอาศัยอยู่ในเรือนเดียวกัน แม้อีกไม่กี่วันจะเป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ทว่าตั้งแต่ทั้งสองตระกูลมาซีอาน หลี่เชียนก็ส่งหญิงรับใช้ไปให้พวกเขาทั้งสองตระกูลเรียกใช้ กินอาหารมื้อหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน เจียงเซี่ยนถามความเห็นของหลี่เสว่แล้ว ก็จัดงานเลี้ยงที่ตระกูลเจิ้งวันที่ยี่สิบแปด ทุกคนนั่งคุยกันพักหนึ่ง พอผ่านปีใหม่ไปแล้ว เจียงเซี่ยนต้องไปมาหาสู่มากมาย จนไม่มีเวลาสนใจหลี่เสว่ไปชั่วขณะ นายหญิงคังกับนายหญิงเจิ้งจึงเชิญหลี่เสว่ไปเป็นแขกที่บ้านเอง
นายหญิงเจิ้งมีลูกชายแค่คนเดียว ลูกชายโตแล้วจึงไม่อาจเข้าเรือนด้านในได้อีก พวกลูกของนายหญิงคังอายุน้อย เวลานี้ตามบิดามารดามายังที่ที่ปลอดภัย และกินดีอยู่ดี ส่วนพวกผู้ใหญ ญ่ก็มีความสุขมากเช่นกัน จึงกลับมาร่าเริงสดใสเช่นเดิมแล้ว ไม่เพียงแต่ส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจไม่หยุดทุกวัน ยังไม่รู้ว่าเอาลูกแมวจรจากที่ไหนมาเลี้ยงในบ้าน และแกล้งให้แมววิ่งทั งวัน มีลานบ้านกั้นอยู่ก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุข แม้แต่คนที่ใจแข็งมากเห็นแล้วก็ต้องใจอ่อนลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่สูญเสียสามีและลูกอย่างหลี่เส สว่ นางชอบพวกเด็กตระกูลคังมาก แค่อั่งเปาของเทศกาลตรุษจีน ก็ให้คนละห้าตำลึง ทำให้นายหญิงคังไม่สบายใจมาก จนนายหญิงเจิ้งต้องปลอบนางว่า “ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่คนอ อื่นปฏิบัติต่อตนเอง ต่อไปเจอคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ เจ้าก็อ่อนน้อมถ่อมตนหน่อยก็พอแล้ว”
นายหญิงคังพยักหน้าติดกันหลายครั้ง
เจียงเซี่ยนยุ่งจนถึงวันที่สิบเอ็ดเดือนหนึ่งถึงจะได้พักหายใจ
นางปรึกษากับหลี่เสว่แล้ว ก็จัดงานเลี้ยงในบ้าน เชิญนายหญิงคังกับนายหญิงเจิ้งตอบ
พอถึงวันที่สิบสามเดือนหนึ่ง เจียนเซี่ยนได้รับจดหมายจากหลี่เชียน บอกว่าจะกลับถึงบ้านช่วงกลางเดือนสอง และไปกับไช่ซวงเหมือนเดิม แถมยังบอกว่าไช่ซวงไม่เลว ไหวพริบดีมาก แล้วก็ท ทำได้เช่นกัน แทนที่จะไล่ไช่ซวงออกไป สู้ไล่ผู้ช่วยที่แซ่หวังอีกคนหนึ่งออกไปดีกว่า
เจียงเซี่ยนเชื่อหลี่เชียนมาโดยตลอด
ในเมื่อหลี่เชียนคิดว่าไช่ซวงดี นางก็ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านแล้ว
ทว่าข่าวที่หลี่เชียนจะกลับซีอานช่วงกลางเดือนสองทำให้นางอดไม่ได้ที่จะดีใจมาก พูดจาและทำอะไรก็เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนที่เซื่องซึม ทั้งตัวเหมือนอบอุ่นขึ้นเหมือนอากาศในเดือน หนึ่ง
หลี่เสว่เห็นแล้วก็หัวเราะ ทว่าพอหันหน้าไปทางอื่นกลับเช็ดน้ำตา
นางคิดว่าไม่มีคนเห็น แต่นี่เป็นเขตอิทธิพลของเจียงเซี่ยน จะมีอะไรปิดบังเจียงเซี่ยนได้?
เจียงเซี่ยนส่งหลี่จี้ไปเยี่ยมหลี่เสว่อีกครั้ง
ครั้งนี้หลี่เสว่ไม่สามารถอดทนได้ นางร้องไห้และเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของหลี่หลินกับหลี่จี้ “เขาหลงงมงาย ส่วนท่านอาก็ติดที่ท่านเกาจึงไม่อาจพูดอะไรได้ คำพูดของข้าเขาก็ไ ไม่ฟัง ข้าจึงจำเป็นต้องพูดออกไปว่าไม่ชอบเกาเมี่ยวหรง แต่เขากลับมาทะเลาะกับข้า แถมยังบอกว่าข้าเป็นลูกสาวที่แต่งงานแล้วกลับบ้าน ไม่มีสิทธิยุ่งเรื่องในตระกูล ขาดแค่ไม่พูดว่าข ข้าเป็นคนที่ถูกรับมาเลี้ยงแล้ว…หัวใจของข้าเหมือนถูกมีดแทง คิดว่ามีแต่อาเชียนเท่านั้นที่สามารถควบคุมเขาได้ จึงบุ่มบ่ามทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้ท่านอา และหนีมาหาอาเช ชียน...ข้าก็รู้เช่นกันว่า พอข้าไปทางนี้ก็เป็นสิบกว่าวัน ต่อให้เจออาเชียน รออาเชียนเขียนจดหมายกลับไป ก็ช้าไปแล้ว ทว่าข้าก็ไม่อยากเห็นเขาเห็นเกาเมี่ยวหรงเป็นเหมือนพร ระโพธิสัตว์และแต่งเข้าตระกูล…”