มู่หนานจือ - บทที่ 467 ดูงิ้ว
บางทีอาจจะลิขิตแล้วว่าครั้งนี้ออกมาเที่ยวจะไม่ราบรื่นขนาดนั้น ทุกคนเพิ่งจะนั่งลงที่ศาลาของสวนดอกไม้ด้านหลัง และปรึกษากันว่าเดี๋ยวจะเลือกงิ้วเรื่องอะไรดี ก็มีเด็กรับใช้วิ่ง งมารายงานฮูหยินซย่าว่า หลานชายของใต้เท้าซย่าพาเพื่อนหลายคนมาจากเสียนหยาง พอรู้ว่าฮูหยินซย่าอยู่ที่นี่ จึงตั้งใจมาคารวะโดยเฉพาะ และเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่รู้ว่าที่นี่ยังมีส สมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิง ก็ไม่หยุดพักที่นี่อีกแล้ว หลังจากคารวะท่าน คุณชายใหญ่กับเพื่อนๆ จะไปพักที่ชุ่ยจวีขอรับ”
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน!
ฮูหยินซย่าพยักหน้าอย่างจริงจังและระมัดระวัง แล้วเอ่ยว่า “บอกไปว่าความหวังดีของเขาข้ารับด้วยใจแล้ว ข้าก็ไม่รับรองเขาดื่มชาแล้ว ไว้เขาเข้าพักที่ชุ่ยจวีแล้ว ค่อยส่งคนมาบอ อกข้า”
ค่อนข้างตั้งใจหลบเลี่ยง
เจียงเซี่ยนแปลกใจเล็กน้อย
หลานชายที่เป็นผู้ใหญ่หลีกเลี่ยงอาสะใภ้ ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน แต่นั่นล้วนเป็นคนที่เกินห้ารุ่นแล้วหรือความสัมพันธ์ไม่ดี
ไม่เคยได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นในตระกูลใต้เท้าซย่านี่นา?
นางครุ่นคิดในใจ ฮูหยินหวังถามฮูหยินซย่าว่า “ในเมื่อเป็นหลานชายของใต้เท้าซย่า ทำไมถึงอยู่เสียนหยาง?”
ฮูหยินซย่าเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ที่เสียนหยางมีสำนักสกุลหวังไม่ใช่หรือ? นายท่านของพวกเรางานราชการรัดตัว กลัวว่าจะเรียนไม่ต่อเนื่องจนทำให้อนาคตของเขาล่าช้า จึงส่งเขาไปเรียนหน นังสือที่สำนักสกุลหวัง วันมังกรเชิดหัววันที่สองเดือนสองอาจารย์ในสำนักคงจะให้พวกเขาหยุดเรียน พวกเขาถึงมาเที่ยว”
ฮูหยินหวังได้ยินแล้วก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ก็ไม่แปลกเช่นกันที่เด็กพวกนั้นจะนั่งไม่ติด แม้แต่พวกเรา พอได้ยินคำว่าเที่ยวก็มาเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง
ฮูหยินของรองกับผู้ช่วยของเมืองซีอานมาถึงแล้ว
หลังจากทุกคนคุยกันพักหนึ่ง ก็ไปยังโถงบุปผาที่กินข้าว
พวกฮูหยินหลิน เจียงเซี่ยน ฮูหยินหวัง และฮูหยินซย่านั่งโต๊ะเดียวกัน
รับประทานอาหารแล้ว ทุกคนก็ย้ายไปที่เวที
เวทีสร้างอยู่หน้ากำแพงสีขาวด้านหนึ่ง ปูกระเบื้องสีเทา ด้านหน้าเป็นแม่น้ำสายเล็กที่กว้างสามจั้งกว่า สองฝั่งต้นหยางกับต้นหลิวลู่ลงอย่างแผ่วเบา ภูเขาจำลองเถาวัลย์สีเขียว ฝั่ งตรงข้ามเป็นทางเดินยาวทาสีแดงที่คดเคี้ยว ห้องเล็กห้าห้องหลังทางเดินยาว สองฝั่งเป็นห้องอุ่น ทั้งสามารถพักคนได้และสามารถจัดงานเลี้ยงได้ หากยืนอยู่บนขั้นบันไดหน้าห้องเล็ กและมองไปข้างหน้าไกลๆ ยังสามารถมองเห็นเทือกเขาที่สูงใหญ่ได้ด้วย ทิวทัศน์งดงามมาก
ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยมากี่ครั้ง ต่างก็จะชมว่า “ทิวทัศน์สวย”
ฮูหยินซย่ายิ้มเล็กน้อย และให้คณะงิ้วส่งงิ้วที่แสดงได้มา
เจียงเซี่ยนเห็นการตกแต่งขอบลายก้านขดสีเขียวที่คุ้นตาในรายการงิ้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฮูหยินเชิญคณะเหลียนจูมาแสดงในบ้านอย่างนั้นหรือ?”
ฮูหยินซย่าอึ้งไป แล้วก็ทำหน้าเข้าใจทันที และยิ้มพลางเอ่ยว่า “ดูข้าสิ ลืมไปว่าท่านหญิงมาจากเมืองหลวง ถูกต้อง คณะเหลียนจูออกจากเมืองหลวงมาอวยพรวันเกิดให้ใต้เท้าหลางอดีตเสน นาบดีกรมพิธีการที่ลาออกและเกษียณอยู่บ้าน ข้าได้ยินแล้ว จึงตั้งใจเชิญพวกเขามาแสดงในบ้านโดยเฉพาะ ถึงชวนพวกท่านมาเที่ยว…เดิมทีอยากทำให้ทุกคนประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่ากลับถูกท่าน นหญิงดูออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ท่านหญิง รู้ได้อย่างไร?”
เจียงเซี่ยนชี้ลายในรายการงิ้ว และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเคยเห็นสิ่งนี้ จึงพอจะจำได้”
ฮูหยินซย่าหัวเราะ และสั่งแม่นมที่ติดตามรับใช้ข้างกาย “ไปเชิญท่านตู้ออกมา บอกว่ามีคนคุ้นเคยของเขาเลือกงิ้วของเขา”
แม่บ้านคนนั้นยิ้มพลางขานรับและจากไป
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับขมวดคิ้ว
นางรู้สึกว่าท่าทีของฮูหยินซย่าประมาทเล็กน้อย เพียงแต่นางยังไม่ทันได้คิดให้ดี ตู้ฮุ่ยจวินก็เดินตามแม่บ้านคนนั้นมาจากหลังเวทีแล้ว
ตู้ฮุ่ยจวินสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบผ้าไหมหังสีดำที่สวมตอนที่เจอเจียงเซี่ยนครั้งแรก และใช้ผ้าตาข่ายสีดำครอบผม เห็นได้ชัดว่ากำลังจะแต่งหน้าแล้ว แต่กลับถูกคนเรียกออกมา
พอเขาเงยหน้าก็เห็นเจียงเซี่ยน
นี่ก็ถือว่าเจอเพื่อนเก่าในสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้านเกิดเช่นกัน
ตู้ฮุ่ยจวินทั้งประหลาดใจและดีใจ แล้วรีบเข้าไปคารวะเจียงเซี่ยน
ไม่เจอกันปีกว่า ตู้ฮุ่ยจวินยังคงหน้าตาดีเหมือนเมื่อก่อนเช่นเดิม หางตาไม่มีแม้กระทั่งรอยย่นเพิ่มขึ้นสักรอย ทว่าเจียงเซี่ยนแอบรู้สึกว่าตู้ฮุ่ยจวินมีบางอย่างไม่เหมือนเดิม
นางยับยั้งความแปลกใจในใจ และคุยกับเขาเล็กน้อย จึงรู้ว่าวันนี้หากเลือกงิ้วบู๊ ตู้ฮุ่ยจวินจะขึ้นเวทีแสดงด้วยตนเอง หากเลือกงิ้วบุ๋น ลูกศิษย์ของเขาที่มีชื่อในวงการว่าเสี่ ยวเฟิ่งเซียนจะเป็นคนแสดง บอกว่าภาพลักษณ์หลังจากแต่งตัวเป็นตัวละครในงิ้วของเสี่ยวเฟิ่งเซียนสวยกว่าเล็กน้อย
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ให้เสี่ยวเฟิ่งเซียนแสดงแล้วกัน! ข้าเคยดูงิ้วของเจ้าหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยดูของเสี่ยวเฟิ่งเซียน”
เดิมทีการแสดงงิ้วก็เป็นการร่วมสนุก ในเมื่อเจียงเซี่ยนเลือกแล้วว่าจะให้ใครแสดง คนอื่นก็ไม่อาจยืนหยัดได้อีก เรื่องนี้จึงตกลงตามนี้
เสี่ยวเฟิ่งเซียนปีนี้เพิ่งจะอายุสิบสี่ปี ภาพลักษณ์หลังจากแต่งตัวเป็นตัวละครในงิ้วสวยมากจริงๆ เขาแสดงเรื่อง ‘คมจักรวาล’
ทว่าเทียบกับตู้ฮุ่ยจวินในตอนนั้น ยังขาดความชำนาญเล็กน้อย
คนที่ไม่เคยดูตู้ฮุ่ยจวินแสดงอย่างพวกฮูหยินซย่าย่อมไม่รู้ แต่เจียงเซี่ยนกลับรู้ดี
นางอ้างว่าไปห้องน้ำ แล้วนั่งรอตู้ฮุ่ยจวินบนเตียงอรหันต์ของห้องน้ำ
อากาศยังหนาว ตู้ฮุ่ยจวินเปลี่ยนเป็นเสื้อนอกสองชั้นผ้าไหมหังสีดำแล้ว จึงขับให้ผิวที่ขาวเกลี้ยงเกลาแลดูขาวผ่องมากขึ้น
เขาคุกเข่าลง และคำนับเจียงเซี่ยนอย่างเคารพนบนอบ
เจียงเซี่ยนก็ถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ตามหลัก เขาเคยเข้าวังไปอวยพรวันเกิดให้ไทเฮา ถึงจะไม่อยู่ในวัง ตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจในเมืองหลวงต่างก็จะภูมิใจที่เชิญเขาไปแสดงงิ้วได้ ทว่าตั้งแต่วันเกิดของเฉาไทเฮา นา างเจอเขานอกเมืองหลวงสองครั้งแล้ว
นี่มันผิดปกติมาก
จำเป็นต้องบอกว่า นักแสดงงิ้วในยุทธภพที่สามารถทำได้อย่างตู้ฮุ่ยจวินนั้น ก็เป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากแล้ว
พอเขาได้ยินก็เข้าใจ และขอบตาชื้นเล็กน้อยทันที เขาก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ถึงจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ซื่อจื่อของอ๋องเจี่ยนถูกใจข้า อยากให้ข้าไปแสดงงิ้วที่จวนอ๋องเจี่ยน ถ ถึงอย่างไรข้าก็เคยเข้าไปแสดงในวังให้ไทเฮา จึงไม่กล้ารับปาก ล่วงเกินซื่อจื่ออ๋องเจี่ยน จึงอยู่ในเมืองหลวงต่อไปไม่ได้แล้ว…”
เจียงเซี่ยนอ้าปากกว้าง และหาเสียงของตนเองไม่เจอนานมาก
ซื่อจื่ออ๋องเจี่ยน บิดาผู้นั้นอายุหกสิบเก้าปีแล้ว ส่วนเขาก็เป็นผู้ชายที่อายุสี่สิบปีและยังเป็นซื่อจื่ออยู่แล้ว ในความทรงจำของนาง ก็เป็นเงาที่จางเหมือนภาพวาดหมึกจีนเช่น นกัน…นึกไม่ถึงว่าเขาจะเลี้ยงดูนักแสดงงิ้ว!
นี่เป็นครั้งที่สองที่เจียงเซี่ยนเหมือนถูกฟ้าผ่าจนหลงทิศหลังจากเกิดใหม่
ครั้งแรกมีคนจะมัดคุณหนูใหญ่ตระกูลคังและส่งไปเป็นเมียบ่าวให้หลานชายของเสี่ยวโต้วจึ
ครั้งที่สองก็คือครั้งนี้
ซื่อจื่ออ๋องเจี่ยนเลี้ยงดูนักแสดงงิ้ว
ตู้ฮุ่ยจวินเห็นท่าทางของเจียงเซี่ยน ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ก็รู้สึกเศร้าจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้นขึ้นมาในทันใด
เขาจึงเอ่ยว่า “หากเพียงแค่ไปแสดงงิ้วยังพูดง่าย แต่ซื่อจื่ออ๋องเจี่ยนกลับให้ข้าแต่งตัวเป็นผู้หญิงและเข้าไปอยู่จวนอ๋องเจี่ยน…ความลับไม่มีในโลก วันที่เรื่องแดงออกมา อ๋อง งเจี่ยนไม่ตีข้าตายก็ต้องสับข้าเป็นชิ้นๆ เลี้ยงสุนัข ข้าก็มีแต่จะลงเอยด้วยการถูกคนมากมายด่าอย่างสาดเสียเทเสียไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็สู้หนีออกมาแบบนี้ดีกว่า ต่อให้ตาย ก็รัก กษาความบริสุทธิ์ไว้ได้…”
เจียงเซี่ยนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว
นางเอ่ยว่า “ต่อไปเจ้าก็อยู่แสดงงิ้วที่ส่านซีแล้วกัน ด้วยชื่อเสียงของคณะงิ้วของพวกเจ้า ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีข้าวกิน!”
ตู้ฮุ่ยจวิ้นดีใจมาก และตื่นเต้นจนน้ำตาจะร่วงลงมาแล้ว และคุกเข่าคำนับเจียงเซี่ยนสามครั้ง
เจียงเซี่ยนปวดศีรษะ จึงโบกมือให้เขาออกไป
ตู้ฮุ่ยจวินก็คุกเข่าคำนับเจียงเซี่ยนอีกสามครั้งถึงจะออกไป
เวลานี้เจียงเซี่ยนถึงจะพบว่าเวลาตู้ฮุ่ยจวินเดินมีขาข้างหนึ่งเหมือนจะเป๋เล็กน้อย
มิน่าเล่านางถึงรู้สึกผิดปกติ!
แต่ตู้ฮุ่ยจวินเป็นแบบนี้จะแสดงอู่เซิงอย่างไร?
คอคงจะไม่ได้มีปัญหาด้วยใช่หรือไม่?
เจียงเซี่ยนรู้สึกปวดตับ!