มู่หนานจือ - บทที่ 475 เปลี่ยนปณิธาน
เจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนรับประทานอาหารเช้าแล้ว หลี่หลินกับหลี่จี้ก็มาแล้ว
เหล่าพี่น้องเจอกันแล้ว หลี่เชียนถามเรื่องการเรียนของหลี่จี้ก่อน เห็นหลี่จี้โต้ตอบอย่างคล่องแคล่ว และพูดจามีสาระ ก็ปลื้มใจมาก จึงให้ตั๋วเงินสองร้อยตำลึงแก่หลี่จี้อย่างใ ใจกว้าง ให้เขาซื้อพวกสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือที่เขาชอบ
หลี่จี้ทั้งรู้สึกประหลาดใจและไม่สบายใจที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
เขาไม่ได้ชอบตั๋วเงินสองร้อยตำลึงนี้ ทว่าการยอมรับแบบนี้ของหลี่เชียนเหนือความคาดหมายของเขาเกินไปแล้วจริงๆ
หลี่จี้รีบขอบคุณหลี่เชียน
หลี่เชียนรู้ว่าเมื่อก่อนตนเองมองข้ามน้องชายคนนี้ เวลานี้พูดอะไรก็เปล่าประโยชน์ ต่อไปมีแต่ต้องดีกับเขาหน่อย ค่อยๆ ยอมรับเขา ระหว่างพี่น้องก็จะไม่ห่างเหินและเกรงใจเหมือนต ตอนนี้แล้วเช่นกัน
หลังจากนั้นเขาก็ถามถึงเรื่องแต่งงานของหลี่หลินกับเกาเมี่ยวหรง “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแต่งงานกับนางแล้ว ต่อไปไม่ว่าเจอเรื่องอะไร ก็อย่าลืมความปรารถนาเดิมของตนเอง หลังจากแต่งง งานแล้ว เจ้าก็ต้องดูแลคุณหนูเกาให้มากหน่อยเช่นกัน ให้นางทำลับๆ ล่อๆ ให้น้อยหน่อย อยากทำอะไรก็ไปทำ เล่นลูกไม้ที่ไม่ทันสมัยพวกนั้นลับหลังคนอื่น มีแต่จะทำให้คนดูถูก...”
คำพูดนี้ทำให้คนได้ยินแวบแรก ยังคิดว่าหลี่เชียนเป็นพี่ชายของหลี่หลิน
หลี่หลินได้ยินก็ไม่ค่อยสบอารมณ์แล้ว
หลี่เชียนเพียงแค่เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการระดับสอง ก็พูดจาอย่างไม่สนใจไยดีแบบนี้แล้ว หากแต่งตั้งให้เป็นโหวหรืออัครมหาเสนาบดี แม้แต่เขาที่เป็นพี่ชายไม่ต้องทำตัวต่ำต้อยต่ อหน้าหลี่เชียนด้วยอย่างนั้นหรือ!
เขาอดไม่ได้ที่จะทำเสียงไม่พอใจในใจ
ตระกูลหลี่มีวันนี้ ยังเพราะท่านหญิงเจียหนานไม่ใช่หรือ
อีกฝ่ายมีสิทธิอะไรมาสั่งสอนเขา?
เพียงแค่หาภรรยาดี ไม่ได้ช่วงชิงตำแหน่งระดับสองมาเองเสียหน่อย!
“เรื่องของข้า…ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ!” หลี่หลินไม่อยากล่วงเกินหลี่เชียนตอนนี้ เขาทำให้ท่านอาไม่ค่อยพอใจเพราะเรื่องแต่งงานกับเกาเมี่ยวหรงแล้ว หากล่วงเกินหลี่เชียนอีก จะไ ไม่รับศึกสองด้านอย่างนั้นหรือ “ข้าชอบคุณหนูเกาจริงๆ…พวกเราก็ถือว่าเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้ตื้นลึกหนาบางกันดีแล้วเช่นกัน หากหาคนอื่น ต่อให้ฐานะครอบครัวมีอำนาจมากแค่ไ ไหน ทว่าต่างคนต่างมีแผนการของตนเอง ข้าก็ไม่ชอบ”
พวกคนที่แต่งงานตามคำพูดของแม่สื่อ ล้วนต่างคนต่างมีแผนการของตนเองอย่างนั้นหรือ?
หลี่เชียนเห็นหลี่หลินเหมือนดื้อรั้นมาก จึงคิดว่าหากตนเองพูดต่อไปอีก จะไม่เพียงแต่ไม่สามารถโน้มน้าวหลี่หลินได้ ยังอาจจะทำให้หลี่หลินรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเขาด้วย ย เขาจึงตัดสินใจไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก และพยักหน้า ถือว่าตอบรับหลี่หลินแล้ว และเอ่ยว่า “ชีวิตของตนเองใช้เอง คนอื่นยังไม่อาจพูดอะไรได้จริงๆ ในเมื่อเจ้าคิดว่าคุณหนูเกาดี เช ช่นนั้นข้าก็แสดงความยินดีกับเจ้าตรงนี้แล้ว”
หลี่หลินยิ้มพลางพยักหน้า
ไม่รู้ทำไม เขานึกถึงภาพที่เห็นเจียงเซี่ยนกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของหลี่เชียนอย่างดีใจมากเมื่อวาน
เขาก็ใจลอยเล็กน้อยขึ้นมาทันที
คุยกับหลี่เชียนไปอีกเล็กน้อย หลี่ตงจื้อกับหลี่เสว่ก็มาด้วยกัน
เมื่อวานพวกนางรู้ว่าหลี่เชียนกลับมาแล้ว เพราะเวลาดึกเกินไป จึงไม่ได้มา เวลานี้เจอหลี่เชียนแล้ว หลี่ตงจื้อคารวะหลี่เชียนอย่างนอบน้อม ในความเคารพยำเกรงต่อพี่ชายคนนี้ เจือความลื่อมใสศรัทธาเล็กน้อย ทว่าหลี่เสว่กลับตรงไปตรงมามากกว่า นางยืนมองหลี่เชียนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอยู่ตรงนั้น และเอ่ยตรงๆ ว่า “ผอมกว่าอยู่บ้านนิดหน่อย แต่กลับมีชีว วิตชีวามากขึ้น”
หลี่เชียนเคารพลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวคนนี้มาก พอได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “งานของเมืองกานเยอะ ทว่าก็เป็นประสบการณ์และการฝึกฝนสำหรับข้าเช่นกัน จึงไม่รู้สึกว ว่าตนเองผอมแล้ว!”
สามารถทำงานออกมาได้ ผู้ชายคนไหนก็คงจะไม่รู้สึกเหนื่อยทั้งนั้น
หลี่เสว่ยิ้มอย่างปลื้มใจ
เหล่าพี่น้องนั่งคุยกัน เจิ้งเจียนกับคังเสียงอวิ๋นมาเยี่ยมเยียน หลี่เชียนเพิ่งจะให้ปิงเหอเชิญทั้งสองคนไปนั่งที่ห้องหนังสือ ก็มีหูจินผู้ช่วยของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี ที่ประจำอยู่ที่ซีอานมาถามสารทุกข์สุกดิบหลี่เชียนอีก หลี่เชียนยุ่งขึ้นมาทันที เหล่าพี่น้องจึงจำเป็นต้องแยกย้ายก่อน หลี่จี้ตามหลี่เชียนไปพบแขกด้วยกัน หลี่หลินกลับห้อง ของตนเอง ส่วนหลี่เสว่กับหลี่ตงจื้อช่วยเจียงเซี่ยนจัดการอาหารกลางวันของตอนเที่ยง พลางคิดว่าจะจัดงานเลี้ยงในบ้าน เชิญนักแสดงเข้ามาแสดงในบ้าน และเชิญพวกซย่าเจ๋อมาเป็นแขก หรือไม่
“ไม่รู้ว่าเขาจะไปเมื่อไร” เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็อาลัยอาวรณ์เล็กน้อย และเอ่ยว่า “อำเภอฮว่าอินเกิดเรื่องขึ้นไม่ใช่หรือ? เห็นว่าวังจี่เต้ากับสยงจวิ้นหรงต่างโกรธมาก ให้ฐานที่มั่น นส่งคนที่ก่อเรื่องออกมา ทว่าฐานที่มั่นไม่ยอมส่งคน วังจี่เต้ากับสยงจวิ้นหรงจึงสั่งให้สำนักข้าหลวงยุติธรรมมณฑลส่านซีตรวจสอบเรื่องนี้ ซย่าเจ๋อก็น่าจะถูกตำหนิเช่นกัน จงเฉวียนบอ อกว่าเขาสามารถอยู่บ้านได้มากที่สุดสามวัน แต่เท่าที่ข้าดู ซย่าเจ๋อจะต้องเรียกเขากับหวังเฉิงไปถามอย่างแน่นอน ไม่แน่จงเฉวียนอาจจะยังอยู่ได้อีกสองสามวัน!”
หลี่เสว่เอ่ยอย่างกังวลว่า “ทำไมผู้บังคับกองร้อยของฐานที่มั่นถึงใจกล้าขนาดนี้! ไม่ส่งคน ก็คงจะไม่จบ!”
เจียงเซี่ยนไม่กังวล ชาติก่อนเรื่องวุ่นวายแบบนี้มีมากมาย ราชวงศ์จ้าวก็ไม่ล้มเช่นกัน แสดงว่ายังสามารถประคับประคองได้หลายปีไม่มีปัญหา
“ช่างมัน!” นางเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย “จงเฉวียนอยู่เมืองกาน ต่อให้ตำหนิก็ตำหนิไม่ถึงเขาอยู่ดี แต่ข้ากลับกังวลเล็กน้อยว่าเจอเรื่องนี้ การป้องกันของทางเมืองกานคงจะต้องล่าช้าแล ล้ว”
หลี่เชียนมาที่ซีอานเพราะต้องการยุทธปัจจัย
เขากลัวว่าชนกลุ่มน้อยทางเหนือจะบุกรุกด่านเจียอวี้ช่วงฤดูใบไม้ผลิ
แต่ในความทรงจำของเจียงเซี่ยน ครึ่งปีแรกของปีนี้กานซู่ล้วนอยู่ร่วมกันอย่างสงบและรักใคร่ปรองดองกัน พอถึงครึ่งปีหลังของปีนี้ ช่วงกลางเดือนเก้าหิมะก็เริ่มปลิว พอถึงช่วงเดือ อนสิบสอง วัวกับแพะของชนกลุ่มน้อยทางเหนือแข็งตายไปไม่น้อย ตอนช่วงกลางเดือนสิบสอง เผ่าอาลาฮั่นจากสิบสองเผ่าก็เริ่มเข้ามาปล้นในด่าน
ทว่าตอนนั้นหลี่เชียนน่าจะยังอยู่ที่ฝูเจี้ยนกับบิดาของเขา…ไม่อย่างนั้นก็ถูกหลี่ฉางชิงคิดหาทางพาไปเมืองเซวียนแล้ว…แม่ทัพของด่านเจียอวี้น่าจะยังเป็นเว่ยหมิง…และเหมื อนจะรบชนะ เพราะตอนนั้นไทฮองไทเฮาเสียชีวิตแล้ว นางกำลังไว้ทุกข์อยู่ในวัง จึงจำได้ไม่ค่อยแม่น แต่ช่วงนั้นจ้าวอี้อารมณ์ดีมากตลอด และไม่ได้ลงโทษใคร เพราะเรื่องนี้ นางรู้สึ กว่าจ้าวอี้ไม่ได้เสียใจกับการตายของไทฮองไทเฮา จึงผิดหวังมาก...
เจียงเซี่ยนใจลอยไปชั่วครู่ ทว่าไม่นานนางก็ดึงความคิดกลับมา
นางต้องเตือนหลี่เชียนสักหน่อย
ชาตินี้กับชาติก่อนมีความแตกต่างกันมากมาย แต่อากาศกลับไม่ได้รับผลกระทบที่คนทำ หากหลี่เชียนเตรียมตัว นางเชื่อว่าเขาสามารถรับมือได้
เจียงเซี่ยนเสียใจเล็กน้อยที่ตอนเจอหลี่เชียนมัวแต่คิดพวกเรื่องจุกจิก จนลืมบอกเรื่องสำคัญขนาดนี้
ทว่าเรื่องราวกลับน่าสนใจกว่าที่นางคิด
หลังจากพบพวกเจิ้งเจียนกับคังเสียงอวิ๋น หลี่เชียนก็ไปพบซย่าเจ๋อที่ศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑล
ซย่าเจ๋ออยู่กับโจวจ้าวผู้ว่าราชการมณฑลส่านซี กำลังกลุ้มเรื่องอำเภอฮว่าอิน พอเจอหลี่เชียน ทั้งสองฝ่ายก็ทักทายกันอย่างสุภาพพักหนึ่ง หลี่เชียนเห็นว่าไม่ใช่จังหวะดี จึงไม ม่ได้เอ่ยถึงจุดประสงค์ที่ตนเองมา และชวนซย่าเจ๋อกับโจวจ้าวกินข้าว ทั้งสองคนต่างไม่มีอารมณ์ จึงปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม หลี่เชียนอยากกลับไปรับประทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนเจียงเซี่ยน นพอดี จึงไม่พูดอะไรอีกเช่นกัน และนัดเวลากันใหม่ แล้วออกจากศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลอย่างสบายใจ กลับไปบอกเจียงเซี่ยนว่า เจิ้งเจียนคิดว่าฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนปีนี้ล้วนไม่มี ปัญหาอะไร ฤดูหนาวอาจจะยากมาก ให้เขาเตรียมเสบียงกับหญ้ามากหน่อย…
เจียงเซี่ยนเกือบจะหัวเราะออกมา
ดูท่าทางนางจะบังเอิญได้ของล้ำค่ามาจริงๆ
เจิ้งเจียนทำปฏิทินเป็น แต่นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะดูดาวเป็น และแม่นถึงขั้นนี้
นางแนะนำเจิ้งเจียนต่อหน้าหลี่เชียนทันที และชมเจิ้งเจียนมากมาย ให้หลี่เชียนมีเรื่องอะไรก็ปรึกษากับสองคนนี้ให้มาก “…ไม่อย่างนั้นจวนจิ้งไห่โหวก็คงจะไม่เชิญทั้งสองคนไปฝู เจี้ยนแล้วเช่นกัน”
หลี่เชียนเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “เจ้าเชื่อที่ท่านเจิ้งเอ่ยหรือ?”