มู่หนานจือ - บทที่ 476 ปัดภาระ
เจียงเซี่ยนไม่ได้เชื่อเจิ้งเจียน แต่เพราะการคาดการณ์ล่วงหน้าของเจิ้งเจียนจะกลายเป็นความจริง
เพียงแต่เรื่องนี้พูดแล้วซับซ้อนเกินไป แถมยังต้องอธิบายพวกบุญคุณและความแค้นในชาติก่อนอีก นางจึงตัดสินใจพูดน้อยหน่อย
“ข้าเชื่อ!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เพราะก่อนหน้านี้ท่านเจิ้งบอกว่าวันไหนจะฝนตก วันไหนจะลมแรงต่างก็ตรงทีละเรื่องเลย!”
หลี่เชียนไม่เชื่อ
เขาเชื่อการตัดสินของตนเอง ทว่าเขาเชื่อการตัดสินของเจียงเซี่ยนมากกว่า
“คนครัวคนหนึ่งในสำนักกองบัญชาการกำลังสำรองก็เคยพูดเรื่องแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่เขาตำแหน่งต่ำ จึงไม่มีใครยอมฟังและไม่มีคนเชื่อ” หลี่เชียนเอ่ยพึมพำ “ข้ากลับไป ควรจะคุยกับ เขาดีๆ หน่อยแล้ว”
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย
ปิงเหอวิ่งเข้ามา และรีบเอ่ยว่า “ใต้เท้า ใต้เท้าซย่าเชิญท่านไปหารือข้อราชการขอรับ”
เจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนต่างตกใจ
หลี่เชียนเพิ่งจะกลับมาจากศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑล และดื่มแม้แต่ชาถ้วยหนึ่งไม่หมดด้วยซ้ำ
“รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรหรือไม่?” หลี่เชียนถาม
“ไม่ทราบขอรับ” ปิงเหอเอ่ย “ได้ยินเพียงว่าใต้เท้าซย่ายังเรียกใต้เท้าหวังด้วย”
น่าจะเป็นเรื่องอำเภอฮว่าอิน
เจียงเซี่ยนลุกขึ้นช่วยหลี่เชียนเปลี่ยนเสื้อผ้า และกำชับเขาว่า “เรื่องแบบนี้เจ้าอย่ายุ่ง หากทำไม่ดีจะเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งของขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊”
“ข้ารู้!” หลี่เชียนเอ่ยเสียงเบา “ข้าอายุน้อยสุด และเพิ่งมา ไม่รู้อะไรทั้งนั้น เรื่องแบบนี้ถึงจะให้ข้าไป ข้าก็จัดการไม่ได้อยู่ดี”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และส่งหลี่เชียนออกไปข้างนอก
หลี่เชียนถึงศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลแล้ว ทว่าหวังเฉิงยังไม่ถึง ซย่าเจ๋อก็ลากเขาไปข้างๆ อย่างอดรนทนไม่ไหวแล้ว “ราชโองการลับจากเมืองหลวง ให้พวกเราจัดการผู้บังคับกองร้อยที่ รุมโจมตีอำเภอฮว่าอิน”
ปัญหาคือผู้บังคับกองร้อยของอำเภอฮว่าอินนั้นสืบทอดตำแหน่งมาหลายชั่วอายุคน และก่อนที่จะก่อตั้งแคว้นก็เป็นคหบดีในอำเภอฮว่าอิน มีญาติอยู่ทั่วฮว่าอิน ญาติที่เกี่ยวดองกันซับซ ซ้อนจนยากที่จะจัดการได้ หลายปีมานี้ผู้บังคับกองร้อยคนนี้เป็นคนออกเงินเดือนทหารของฐานที่มั่นอำเภอฮว่าอินเอง ทุกคนในอำเภอฮว่าอินต่างก็รู้ว่า เหล่าองครักษ์ของฐานที่มั่น นยอมรับเพียงผู้บังคับกองร้อยไม่ยอมรับราชสำนักตั้งนานแล้ว ผู้ว่าราชการมณฑลส่านซีอยากจับคน ก็ต้องอาศัยกำลังคนของกองบัญชาการส่านซีหรือแม่ทัพซานซี แต่ซย่าเจ๋อกลับเรียกเขากับ หวังเฉิงมา แสดงว่าอยากยืมใช้กำลังคนของกองบัญชาการส่านซี เช่นนั้นเรียกเขามามีความหมายอะไร? แถมยังขอให้เขาช่วยตัดสินใจอย่างจริงใจแบบนี้ด้วย?
สมองของหลี่เชียนเริ่มแล่นอย่างเร็วมาก
ทุกคนต่างรู้ความไร้สามารถของหวังเฉิง
หรือว่าซย่าเจ๋ออยากให้เขาพาคนของกองบัญชาการส่านซีไปจับคนอย่างนั้นหรือ?
หลี่เชียนหัวเราะเยาะในใจ
ซย่าเจ๋อยังเห็นเขาเป็นเด็กจริงๆ
บุ๋นและบู๊ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยโบราณ หากเขาพาคนไปจับขุนนางฝ่ายบู๊คนหนึ่งของฝ่ายตนเองเพื่อขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ต่อไปพวกแม่ทัพจะมองเขาอย่างไร? เขายังอยากไปมาหาสู่กับเพื่อ อนขุนนางหรือไม่?
หลี่เชียนเงียบ และรีบเอ่ยว่า “ราชโองการลับ?! เป็นความต้องการของพวกราชเลขาธิการไม่ใช่หรือ? อะไรเรียกว่า ‘จัดการ’ ? คุมตัวส่งเข้าเมืองหลวงหรือคุมขังที่นั่น? ใต้เท้าหยางว่าอย ย่างไร? ฐานที่มั่นของอำเภอฮว่าอินเป็นเขตปกครองของเขา!”
หยางจวิ้นแม่ทัพส่านซี ‘ป่วย’ มานาน จึงไม่ค่อยคุมงานอย่างสิ้นเชิง
ซย่าเจ๋อมองเขาอย่างลุ่มลึก และเอ่ยว่า “ใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าหยางนั้น พวกเราก็ไม่ต้องหวังแล้ว ข้าเชิญเขามาปรึกษาเรื่องอำเภอฮว่าอินหลายครั้ง ต่างก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม เจ้ามาส่านซีได้ไม่นาน เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่รู้ เขากับผู้บังคับกองร้อยอำเภอฮว่าอินเป็นญาติที่ลูกชายกับลูกสาวของทั้งสองตระกูลแต่งงานกัน เรื่องราชโองการลับเขาไม่รู้ก็แล้ว วไป หากรู้แล้ว เกรงว่าจะไม่ได้รับความสงบ ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องยืมทหารจากใต้เท้าหวัง และขอให้เจ้าไปฮว่าอินสักครั้ง ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนแปลกหน้า ไปแล้วจะไม่มีใครสังเกตเห็น.. ..”
หลี่เชียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “ใต้เท้าซย่ามีคำสั่ง เดิมทีข้าไม่ควรปฏิเสธ เพียงแต่เรื่องนี้ต้องจัดการอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ ข้าเพิ่งมา ไม่คุ้นเคยกับคนของกองบัญชา าการส่านซี การเดินทัพและการจัดวางกำลังทหารให้ความสำคัญกับการบัญชาการได้ตามความประสงค์…เกรงว่าใต้เท้าหวังไปจะเหมาะสมมากกว่าข้า แน่นอนว่า…หากใต้เท้าหวังไม่อยากไป ข้าช่วยท ทำแทนใต้เท้าหวังก็ได้”
ระหว่างที่เอ่ย หวังเฉิงกับโจวจ้าวก็เดินออกมาจากฉากกั้นข้างๆ
หวังเฉิงจับมือของหลี่เชียนและเอ่ยว่า “น้องชาย เรื่องนี้ก็ขอฝากเจ้าแล้ว ข้ากับหยางจวิ้นก็เป็นเพื่อนเก่าแล้วเช่นกัน ข้าจะไปจับญาติที่เกี่ยวดองกับเขาได้อย่างไร? เรื่องนี …มีแต่ต้องให้น้องชายออกหน้าจัดการถึงจะเหมาะสมที่สุด!”
ก่อนหน้านี้หลี่เชียนก็สงสัยว่านี่เป็นผลลัพธ์ที่ซย่าเจ๋อ โจวจ้าว และหวังเฉิงปรึกษากันแล้ว
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกเขยของตระกูลเจียง มีเจียงเจิ้นหยวนคุ้มกัน ต่อให้เขาทำผิดอะไร คนอื่นเห็นแก่เจียงเจิ้นหยวนก็ไม่กล้าแตะต้องเขาอยู่ดี
เพียงแต่พวกเขากล้าลอบวางแผนทำร้ายเขาแบบนี้ ก็อย่าหาว่าเขาไม่ไว้หน้าแล้วกัน
หลี่เชียนเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรผู้บังคับกองร้อยก็เป็นขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักระดับห้า ไม่มีเหตุผลนึกจะจับก็จับ ในเมื่อมีราชโองการลับ ก็ขอให้ใต้เท้าซย่าให้ข้า าทำตามราชโองการ”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือให้ซย่าเจ๋อนำราชโองการลับออกมา
นี่เป็นธรรมดาของคน
อย่างไรหลี่เชียนก็ไปจับขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักคนหนึ่งเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของซย่าเจ๋อไม่ได้กระมัง?
ซย่าเจ๋อไปหยิบสาส์นลับที่ห้องหนังสือข้างในให้หลี่เชียนด้วยตนเอง
หลี่เชียนอ่านแล้วก็สอดไว้ในกระเป๋า และลุกขึ้นคารวะพลางเอ่ยว่า “ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”
พวกซย่าเจ๋อดีใจมาก หวังเฉิงเอ่ยว่า “ข้าก็ว่าน้องหลี่เป็นคนที่ทำสำเร็จได้! ข้าจะไปตรวจนับกำลังคนและมอบให้น้องหลี่พาไปเดี๋ยวนี้”
หลี่เชียนพยักหน้า
บรรยากาศก็คึกคักขึ้นมาในทันใด
ซย่าเจ๋อชี้แจงสถานการณ์ของอำเภอฮว่าอินกับเขาด้วยตนเอง โจวจ้าวนั่งเสริมอยู่ข้างๆ บางครั้งยังเล่าเรื่องตลกเล็กน้อยด้วย เพื่อปรับบรรยากาศ
หลี่เชียนให้เด็กรับใช้เรียกปิงเหอเข้ามา แล้วทำสัญญาณมือ สั่งให้ปิงเหอกลับบ้านไปเอาเกราะอ่อนของเขา และเอ่ยว่า “หากท่านหญิงถามขึ้นมา ก็บอกแค่ว่าข้ารับคำสั่งจากใต้เท้า ซย่า ไปราชการที่เสียนหยางเป็นเพื่อนใต้เท้าโจว ห้าวันก็กลับ”
ปิงเหอขานรับและจากไป
ซย่าเจ๋อเอ่ยหยอกล้อว่า “น้องหลี่กับท่านหญิงรักกันมากจริงๆ!”
หลี่เชียนไม่ชอบวิธีการพูดแบบนี้ของซย่าเจ๋อ จึงยิ้มโดยไม่ตอบ
โจวจ้าวก็เข้ามาใกล้และเล่าเรื่องตลก ชั่วขณะหนึ่งก็มีความสุขมากเช่นกัน
ปิงเหอวิ่งกลับไปอย่างเร็วมาก เขาหอบหายใจพลางบุกเข้าไปในห้องหลัก และคุกเข่าต่อหน้าเจียงเซี่ยนแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าให้ข้าบอกท่านว่า เอาเกราะอ่อนของใต้เท้าไปที่ศาลาว่าการ รผู้ว่าราชการมณฑล ใต้เท้าต้องไปราชการที่เสียนหยางเป็นเพื่อนใต้เท้าโจว ห้าวันก็กลับขอรับ!”
เจียงเซี่ยนใจเต้น และครุ่นคิดอย่างละเอียดนานมาก ถึงจะสั่งหลิวตงเยว่ว่า “รีบไปเชิญท่านเซี่ยมา”
หลิวตงเยว่วิ่งไปอย่างเร็วมาก ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาด้วยซ้ำ เซี่ยหยวนซีก็มาถึงแล้ว
เจียงเซี่ยนเอ่ยกับเขาว่า “ซย่าเจ๋อคงจะอยากให้ใต้เท้าพาทหารไปอำเภอฮว่าอิน เขาให้ใต้เท้าพาทหารไป ก็เพียงแค่ถูกใจความสัมพันธ์ของใต้เท้าที่จวนเจิ้นกั๋วกงกับในวังเช่นกัน ใน นเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็เป็นไปได้มากว่าไม่จริง เจ้าคิดหาทางนำจดหมายไปให้คนที่ก่อเรื่องที่อำเภอฮว่าอินในนามของใต้เท้าเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารีบคิดหาทาง หากไม่ได้จริงๆ ก็ หนีเข้าไปในภูเขา ถึงอย่างไรคนที่เข้าไปเป็นโจรในภูเขาตอนนี้ก็มีไม่น้อย”
เซี่ยหยวนซีอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
คนอื่นพูดจาแบบนี้ยังให้อภัยได้ แต่เจียงเซี่ยนเป็นท่านหญิงราชนิกุล กลับพูดออกมาแบบนี้…จะเห็นได้ว่านางไม่ชอบราชสำนักแค่ไหน
เจียงเซี่ยนเบิกตาโตจ้องเขา
เซี่ยหยวนซีรีบเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ท่านหญิง พวกเราบุ่มบ่ามไปหาไม่ค่อยดี และพวกเขาก็อาจจะไม่เชื่อสิ่งที่พวกเราบอกเช่นกัน เท่าที่ข้ารู้ หยางจวิ้นแม่ทัพส่านซีกับผู้บังคับกอง งร้อยอำเภอฮว่าอินเป็นญาติที่ลูกชายกับลูกสาวของทั้งสองตระกูลแต่งงานกัน ข้าว่า…พวกเราแจ้งหยางจวิ้นดีกว่า!”
“ก็ได้!” เจียงเซี่ยนเอ่ย “ถึงอย่างไรก็ทำให้คนที่ก่อเรื่องหายตัวไปก่อนที่ใต้เท้าจะไปฮว่าอินก็พอแล้ว หลังจากนั้นค่อยเขียนสาส์นฟ้องหวังเฉิง…เขาอยู่ซีอานไม่ทำงาน ยังย้ายจงเฉวี ยนที่อยู่ไกลถึงเมืองกานมาช่วยพวกเขา ข่าวจะต้องรั่วไหลออกไปอย่างแน่นอน!”