มู่หนานจือ - บทที่ 477 หน้าพัด
เซี่ยหยวนซีเข้าใจ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
เจียงเซี่ยนเร่งเขา “รีบไป! รีบไป! ต้องไปถึงฮว่าอินก่อนจงเฉวียน!”
เซี่ยหยวนซีพยักหน้า และลาเจียงเซี่ยนทันที
เจียงเซี่ยนจัดให้ปิงเหอไปเอาเกราะอ่อนของหลี่เชียน และให้ปิงเหอนำข่าวไปให้หลี่เชียน “เกราะอ่อนเก็บไปไว้ที่ห้องเก็บของแล้ว หาท่านเซี่ยถึงจะได้กุญแจ”
หลี่เชียนตอบว่า “อืม” อย่างเฉยชา สื่อว่ารู้แล้ว และเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีปิงเหอคอยรับใช้
ทางหวังเฉิงยังจัดการไม่เรียบร้อย
หลี่เชียนนั่งอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามถึงจะออกเดินทาง
ซย่าเจ๋อกับโจวจ้าวส่งหลี่เชียนออกเดินทางด้วยตนเอง คนที่ติดตามไปยังมีผู้ช่วยที่ชื่อหวังหวาของกองบัญชาการส่านซี เขาเป็นคนสนิทของหวังเฉิง เพราะแซ่เดียวกัน จึงรับหวังเฉิงเป ป็นพ่อบุญธรรมด้วย หลี่เชียนเดาว่าเขาน่าจะเป็นคนที่หวังเฉิงส่งมาจับตาดูข้างกายตนเอง หลี่เชียนอดไม่ได้ที่จะเบ้มุมปาก
คนที่โง่อย่างหวังเฉิง ก็พบเห็นได้น้อยเช่นกัน!
หากใต้หล้าเต็มไปด้วยขุนนางอย่างเขา ประชาชนยังหวังอะไรได้?
หลี่เชียนไปอำเภอฮว่าอินแล้ว
เจียงเซี่ยนได้รับข่าวที่แน่นอนแล้ว ก็รู้ว่าตนเองทำถูกแล้ว จึงวางใจ
วันรุ่งขึ้น ฮูหยินของหูจินผู้ช่วยที่ประจำอยู่ที่ซีอานของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีมาเยี่ยมนาง โดยคนที่มาพร้อมกับฮูหยินหู ยังมีผู้หญิงอายุสามสิบที่แซ่เจียงอีกคน ซึ่งสวมเส สื้อบุซับในผ้าไหมลู่สีเขียวเหมือนขนนกแก้ว ผมสีดำสนิทเกล้ามวยเรียบร้อย เผยให้เห็นใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาราวกับพระจันทร์เต็มดวง ดูคล่องแคล่ว ว่องไว และเฉลียวฉลาด
นางคารวะเจียงเซี่ยนอย่างนอบน้อม บอกว่าตนเองเป็นหญิงรับใช้ของจวนสกุลหยาง รับคำสั่งจากนายท่านของพวกเขาให้มามอบพัดกระดาษขาววาดลายสีทองโครงไม้ไผ่ของฮ่วนฮวาจี้ให้เจียงเซ ซี่ยนกล่องหนึ่ง
เจียงเซี่ยนแปลกใจเล็กน้อย
ประการแรกคิดไม่ถึงว่าตระกูลหยางจะสนิทสนมกับตระกูลหู ประการที่สองคิดไม่ถึงว่าหยางจวิ้นยังกล้าส่งคนมาเยี่ยมนางในเวลานี้ ประการที่สามคิดไม่ถึงว่าของขวัญขอบคุณของตระกูลหยางจะเ เป็นพัดที่ว่างเปล่ากล่องหนึ่ง
แต่นางก็ยังรับกล่องไว้โดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น และให้คนเอาของขวัญตอบแทนมาให้หญิงรับใช้คนนั้นนำกลับไป ส่วนกล่องนั้นก็ถูกนางวางไว้บนโต๊ะชา
ตอนเย็นหลี่ตงจื้อมาคารวะนาง พอเห็นพัดกระดาษขาวกล่องนั้น ก็ถามอย่างอยากรู้ว่า “พี่สะใภ้ นี่คือพัดฮ่วนฮวาที่มีชื่อเสียงโด่งดังหรือ? ว่ากันว่ามันทำจากกระดาษเฉิงซินชั้นดี สีเข้มมาก แถมสีและความวาวติดทนนาน จึงเป็นหน้าพัดที่ดีที่สุด!”
“ไม่รู้ว่าดีที่สุดหรือไม่” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อก่อนข้าอยู่ในวังก็ใช้พัดหน้าขาวของฮ่วนฮวาจี้กับอวี๋ถัง น่าจะไม่เลวทีเดียว ในเมื่อเจ้าชอบ ก็มอบให้เจ้าแล้วกัน”
“จะทำแบบนั้นได้อย่างไร!” หลี่ตงจื้อหน้าแดง นางเพียงแค่ถามไปเท่านั้นจริงๆ ไม่ได้คิดที่จะขอของจากพี่สะใภ้เลย ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นของที่คนอื่นมอบให้พี่สะใภ้
เพียงแต่นางเพิ่งจะเอ่ยจบ หลี่เสว่ที่ได้ยินว่าหลี่เชียนไปราชการแล้ว และกลัวว่าเจียงเซี่ยนจะเบื่อ จึงมาอยู่เป็นเพื่อนเจียงเซี่ยนก็เดินเข้ามา
นางเห็นในมือหลี่ตงจื้อถือกล่องและเอ่ยว่า “ข้าไม่เอา” ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ไม่มีอะไร!” เจียงเซี่ยนบอกสาเหตุของเรื่องราวกับหลี่เสว่ และเอ่ยว่า “พี่หญิงลองดูว่าอยากได้หรือไม่? ให้น้องหญิงแบ่งเป็นสองกำและพี่หญิงเอากลับไปวาดหน้าพัดกำหนึ่งก็ไม ม่เลวเหมือนกัน”
หลี่ตงจื้อได้ยินแล้วก็รีบยื่นกล่องให้หลี่เสว่ เหมือน ‘เจ้าเลือก เหลือแล้วข้าค่อยเลือก’
หลี่เสว่ยิ้ม และเอ่ยว่า “ข้าเพิ่งจะอ่าน ‘บันทึกชีวประวัติสตรี’ เข้าใจ วาดหน้าพัดเป็นที่ไหน? ท่านหญิงอย่าสิ้นเปลืองหน้าพัดที่ดีขนาดนี้เลยจะดีกว่า!”
“เช่นนั้นก็เอากลับไปให้รางวัลคนสองสามด้ามแล้วกัน!” หายากที่ตงจื้อจะชอบ เจียงเซี่ยนจึงใจกว้างมาก
“พี่สะใภ้เก็บไว้ดีกว่า!” หลี่ตงจื้อเอ่ยบอกปัด พอมือที่ถือกล่องสั่น ก็ร่วงลงบนพื้น
ท่ามกลางเสียงกระแทก พัดไม้ไผ่ทั้งหมดกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เผยให้เห็นช่องว่างของกล่องกับตั๋วเงินที่หนามากปึกหนึ่งในช่องว่าง
“นี่…นี่…” หลี่ตงจื้อทำอะไรไม่ถูก และมองเจียงเซี่ยนอย่างตื่นตระหนก
“ไม่เป็นไร!” แต่เจียงเซี่ยนกลับรู้สึกวางใจแล้ว
เห็นได้ชัดว่าตระกูลหยางไม่เพียงแต่ได้รับข่าวแล้ว ทว่ายังรับบุญคุณของหลี่เชียนด้วย ถึงได้ขอบคุณอย่างยิ่งใหญ่
เจียงเซี่ยนส่งสัญญาณให้ไป่เจี๋ยเก็บของขึ้นมา แล้วผลักตั๋วเงินกับพัดโครงไม้ไผ่ไปตรงหน้าหลี่ตงจื้อพร้อมกัน และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อให้เจ้าแล้ว เจ้าก็รับเอาไว้ เจ้าก็ไ ไม่เด็กแล้วเช่นกัน ย่อมมีช่วงที่เข้าสังคม เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นเงินส่วนตัวเถอะ!” เอ่ยถึงตรงนี้ นางก็เม้มปากยิ้มให้หลี่เสว่ และเอ่ยว่า “พวกเราต่างโตแล้ว ก็ไม่ขอตั๋วเงินจาก กท่านแล้วเช่นกัน แต่พัดนั้นต้องแบ่ง”
หลี่เสว่ประหลาดใจ
แต่ไม่นานก็เข้าใจ
เจียงเซี่ยนได้รับผลประโยชน์ และกลัวว่านางจะคิดมาก จึงขอน้ำใจจากนางแทนหลี่ตงจื้อ!
นิสัยนี้…เปิดเผยตรงไปตรงมากว่าผู้ชายเสียอีก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหมือนใคร?
ทว่ากลับทำให้นางชอบมาก!
หลี่เสว่เหลือบมองเจียงเซี่ยนทีหนึ่ง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ได้! ตั๋วเงินนั้นเจ้าเก็บเอาไว้เป็นของส่วนตัว และแบ่งพัดให้ข้าสองสามด้าม พัดหน้าขาวฮ่วนฮวาจี้ก็เป็นของดีที มีชื่อเสียงในหมู่ลูกหลานตระกูลขุนนางที่มั่งคั่งและมีอำนาจเช่นกัน หากข้าไม่ได้ใช้ จะมอบให้คนอื่น”
“นี่…นี่…” หลี่ตงจื้อจะเอาเงินของพี่ชายและพี่สะใภ้ของตนเองได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นปึกหนามากขนาดนี้ ไม่ต้องดูก็รู้ว่าจำนวนค่อนข้างมาก ก้อนใหญ่ขนาดนี้ นางจะกล้าเอาไ ได้อย่างไร
แต่หลี่เสว่กลับเข้าใจแล้ว
ตั๋วเงินปึกหนาขนาดนี้ เกรงว่าจะยังไม่อยู่ในสายตาของเจียงเซี่ยน
ทว่านางก็เข้าใจความรู้สึกของหลี่ตงจื้อเช่นกัน คิดแล้ว หลี่เสว่ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากเจ้ารู้สึกว่าตนเองไม่ได้ใช้ตรงไหน ก็แบ่งให้พี่รองของเจ้าครึ่งหนึ่ง พี่รองของเจ จ้าวิ่งอยู่ข้างนอกทุกวัน เงินเท่าไรก็ไม่ถือว่ามาก”
แม้หลี่ตงจื้อจะมาเพียงไม่กี่วัน แต่ก็ได้ยินเช่นกันว่า วันนั้นหลี่หลินพี่ใหญ่ของนางชวนทุกคนออกไปกินข้าว ดื่มเหล้าเมาแล้ว สุดท้ายหลี่จี้พี่รองก็เป็นคนไปจ่ายเงิน
นางครุ่นคิด หากพี่รองต้องการใช้เงิน อย่างไรก็ไม่อาจไปขอพี่สะใภ้ได้ นางเก็บเงินนี้เอาไว้ดีกว่า ต่อไปก็ให้พี่รองตอนที่พี่รองต้องการ
หลี่ตงจื้อไม่ยืนกรานอีก แล้วยิ้มพลางขอบคุณเจียงเซี่ยน และรับกล่องไว้
เจียงเซี่ยนก็ไม่ได้ใส่ใจเงินนี้จริงๆ
เพียงแต่สิ่งนี้เป็นตัวแทนความขอบคุณที่ตระกูลหยางมีต่อหลี่เชียน ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องรับไว้อยู่ดี
รับประทานอาหารเย็นแล้ว หลี่ตงจื้อกับหลี่เสว่ก็บอกลา
เจียงเซี่ยนไม่ได้รั้งไว้อีก และให้ฉิงเค่อส่งพวกนางออกไปข้างนอก
หลี่ตงจื้อจูงหลี่เสว่ไปที่เรือนของตนเอง และบอกแผนการของนางกับหลี่เสว่
หลี่เสว่เห็นด้วยมาก
ทั้งสองคนนับตั๋วเงินปึกนั้น และนึกไม่ถึงว่าจะมีมากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง
มือของหลี่ตงจื้อต่างเริ่มสั่น และถามหลี่เสว่ว่า “พี่หญิง ข้า…ข้าต้องเก็บตั๋วเงินนี้ไว้จริงๆ หรือ?”
หลี่เสว่ก็เห็นตั๋วเงินมากขนาดนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน นางครุ่นคิดนานมาก ถึงเอ่ยว่า “ในเมื่อท่านหญิงบอกแล้ว เจ้าก็เก็บไว้เถอะ แต่จะใช้มั่วซั่วไม่ได้ ไว้วันไหนหาโอกาสที่เห หมาะสม เจ้าค่อยคิดหาทางคืนให้ท่านหญิง”
หลี่ตงจื้อถูกตั๋วเงินปึกนี้ทุบจนมึนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง จึงเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “คืนอย่างไร? เมื่อไรถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม?”
หลี่เสว่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และโอบไหล่ของหลี่ตงจื้อ พลางเอ่ยว่า “อย่างเช่น ไว้ภายภาคหน้าท่านหญิงมีลูกแล้ว เจ้าก็แบ่งเงินนี้เป็นเงินอุดหนุนให้ลูกของท่านหญิงหลายครั้ง หรือในอนาคตเจ้าแต่งงานแล้ว ตอนช่วงปีใหม่หรือเทศกาลอื่นๆ ก็ส่งของให้ท่านหญิงเล็กน้อย…สรุปว่า ท่านหญิงปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร ต่อไปเจ้าก็ต้องปฎิบัติกับท่านหญิงอย่างนั้น”
หลี่ตงจื้อเข้าใจแล้ว
นางโล่งอก
หลี่เสว่เห็นว่าดึกมากแล้ว จึงกำชับให้นางเก็บตั๋วเงินให้ดี และลุกขึ้นกลับเรือนของตนเอง
คิดไม่ถึงว่าหลี่หลินกลับรอนางอยู่
พอเห็นนางกลับมา เขาก็ลุกขึ้นยืนทันที และยิ้มพลางเรียกว่า “พี่หญิง” แล้วเอ่ยว่า “ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับพี่หญิง!”