มู่หนานจือ - บทที่ 283 สิ้นสุดงานเลี้ยง
ทุกคนทักทายเจียงเซี่ยนอย่างกระตือรือร้น
เจียงเซี่ยนอมยิ้มพลางทักทายทุกคน พยายามใช้ความจำมากขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดก็จับคู่ชื่อกับหน้าของพวกญาติที่สำคัญของตระกูลหลี่ได้แล้ว นางเองก็โล่งอกเช่นกัน
ไม่นาน แม่บ้านที่ดูแลงานก็เข้ามารายงานฮูหยินเหอว่าจะเริ่มนำอาหารเข้ามาแล้ว
ฮูหยินเหอยิ้มและเรียกให้ทุกคนนั่งลง
ทุกคนหัวเราะ และเคารพฮูหยินเหอมากทีเดียว
จะเห็นได้ว่าฮูหยินเหอถูกรังแกเล็กน้อยเพียงแค่ในบ้านเท่านั้น
เจียงเซี่ยนนั่งโต๊ะตัวที่อยู่ต่ำกว่าฮูหยินเหอ จินย่วน เกาเมี่ยวหรง และหลี่ตงจื้ออยู่เป็นเพื่อนนาง
ฮูหยินเหอเอ่ยอย่างเกรงใจสองสามคำ ก็เริ่มนำอาหารเข้ามา
จินย่วนแนะนำอาหารต่างๆ ให้เจียงเซี่ยนเสียงเบา ส่วนเกาเมี่ยวหรงอมยิ้มและมองพวกนางด้วยสายตาอ่อนโยนมาก อ่อนโยนจนแฝงความโอบอ้อมอารีเล็กน้อย เหมือนผู้อาวุโสกำลังมองคนรุ่นหลังที่ไม่รู้ความอย่างหวังดี
นี่ทำให้เจียงเซี่ยนรู้สึกไม่สบายใจมาก
เกาเมี่ยวหรงเห็นนางเป็นใคร?
เด็กที่ไม่รู้ความหรือ?
ต้องการให้นางอดทนอดกลั้นหรือ?
เจียงเซี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น
ส่วนหลี่ตงจื้อนั้นก็ขี้ขลาดและอ่อนแอเหมือนเดิม นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะอย่างเรียบร้อย โดยหญิงรับใช้ที่รับใช้ข้างกายคีบอาหารให้ แต่ดวงตากลับคอยมองเจียงเซี่ยนตลอด เหมือนอยากดูให้แน่ชัดว่าเจียงเซี่ยนเป็นใครกันแน่ ทำให้เจียงเซี่ยนอยากโกรธก็โกรธไม่ได้ จึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นอย่างมาก
กว่าจะรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็ไม่ง่ายเลย ทุกคนต่างพากันบอกลา
เจียงเซี่ยนติดตามอยู่หลังฮูหยินเหอ และส่งแขกกับฮูหยินเหอ
ตอนแรกฮูหยินเหอยังไม่ค่อยสบายใจ นางแนะนำให้เจียงเซี่ยนกลับไปพักก่อน ที่นี่มีนางก็พอแล้ว
เจียงเซี่ยนจะทำสิ่งที่ทำลายชื่อเสียงของนางแบบนั้นได้อย่างไร
นางจึงติดตามอยู่หลังฮูหยินเหออย่างเคารพนบนอบ
ฮูหยินเหอจำเป็นต้องตกลง ทว่าสายตากลับจับจ้องมาที่นางตลอด เหมือนอยากจะแน่ใจว่านางอารมณ์ดีหรือไม่
ฮูหยินเหอก็ระมัดระวังนางเกินไปหน่อยเช่นกัน
ดูเหมือนตระกูลหลี่จะน่าสนใจมากทีเดียว
เจียงเซี่ยนตัดสินใจว่าไว้ส่งเจียงลวี่กลับไปแล้ว จะตั้งใจสืบความลับของตระกูลหลี่
พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา เจียงเซี่ยนก็ดูถูกตนเองเล็กน้อย
ตระกูลหลี่สร้างตัวด้วยมือเปล่า จะมีความลับอะไร ? ยังหวังว่าจะขุดออกมาได้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลหลี่เคยมอบอาหารให้กงกับโหวหนึ่งพันเมืองอย่างนั้นหรือ? เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม
ญาติที่เกี่ยวดองกันในตระกูลกับตระกูลที่สนิทสนมกันมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวต่างถูกส่งกลับไปหมดแล้ว รวมทั้งจินย่วน แต่เกาเมี่ยวหรงกลับไม่ไป
ฮูหยินเหอเห็นความงุนงงในดวงตาของเจียงเซี่ยน จึงรีบเอ่ยว่า “คุณหนูเกาเป็นหลานสาวของท่านฝูอวี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็อาศัยอยู่ที่ตระกูลหลี่กับท่านฝูอวี้มาตลอด”
ในเมื่อเกาฝูอวี้เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถที่สุดของหลี่ฉางชิง และเป็นกุนซือของตระกูลหลี่ นอกจากหลี่ฉางชิงจะมีความสามารถในด้านจัดหาเงินทองให้เกาฝูอวี้แล้ว น่าจะยังมีอุดมการณ์เดียวกันด้วย แบบนี้ถึงจะเดินไปด้วยกันได้ เดินได้นาน และเดินได้ไกล
หลี่ฉางชิงจะต้องแบ่งที่ตรงมุมไหนสักแห่งให้คนของตระกูลเกาอาศัยอยู่อย่างแน่นอน
เจียงเซี่ยนยิ้มและพยักหน้า ไม่พูดอะไร
แต่เกาเมี่ยวหรงกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปเกรงว่าจะรบกวนท่านหญิงบ่อย ขอให้ท่านหญิงโปรดอย่ารังเกียจที่ข้าพูดมากจะดีกว่า”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “คุณหนูเกาเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าเพิ่งมาถึง ก็หวังว่าจะได้รู้จักคนอีกหลายคนเช่นกัน”
นางพูดจาน่าฟัง ทว่าความจริงแล้วกลับไม่เชิญเกาเมี่ยวหรงแม้แต่คำเดียว
เกาเมี่ยวหรงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่ฮูหยินเหอกลับไม่เข้าใจเนื้อใน นางได้ยินก็ยิ้มและเอ่ยว่า “ใช่ ใช่ ต่อไปทุกคนอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ก็เหมือนคนในครอบครัว ข้าว่าท่านหญิงก็เป็นคนอ่อนโยนและว่านอนสอนง่าย เมี่ยวหรงก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว มีใครไม่ชมนางว่าอ่อนโยน จิตใจดี ถ่อมตน และนอบน้อมบ้าง? ต่อไปพวกเจ้าต้องอยู่ด้วยกันเหมือนพี่น้องถึงจะถูก”
เกาเมี่ยวหรงยิ้มพลางขานรับว่า “เจ้าค่ะ” แลดูนอบน้อมและจิตใจดีจริงๆ
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย
นางไม่ค่อยชอบเกาเมี่ยวหรง
ชาติก่อนตอนที่นางเป็นไทเฮา เกาเมี่ยวหรงวางตัวทั้งไม่ต่ำต้อยและไม่เย่อหยิ่งแต่ก็เฉลียวฉลาดและสุภาพต่อหน้านาง และก็เพราะหลี่เชียน นางจึงชอบเกาเมี่ยงหรงมาก ทว่าชาตินี้นางลดตัวลงมาแต่งงานกับหลี่เชียน เกาเมี่ยวหรงกลับวางตัวเย่อหยิ่งและเย็นชาต่อหน้านาง
เจียงเซี่ยนไม่เคยยอมรับการกระทำแบบนี้ ความชอบอันน้อยนิดที่มีต่อเกาเมี่ยวหรงในชาติก่อนนั้น ชาตินี้ก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วเช่นกัน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหาเรื่องใส่ตัวด้วยการคบหากับเกาเมี่ยวหรงแล้ว
ทุกคนกลับไปที่โถงบุปผา แขกของห้องกว้างตะวันออกก็แยกย้ายกันไปแล้วเช่นกัน โถงบุปผาเงียบเหงา เหล่าหญิงรับใช้กำลังเก็บกวาดโต๊ะที่เต็มไปด้วยความเกะกะ
ฮูหยินเหอยังต้องสั่งให้พวกหญิงรับใช้ตรวจนับภาชนะ และตรวจสอบความเสียหาย จึงไปไหนไม่ได้ชั่วขณะ
นางส่งแม่นมที่อยู่ข้างกายอุ้มหลี่ตงจื้อไปแล้ว
เจียงเซี่ยนอยากกลับไปอาบน้ำจะได้พักผ่อนเร็วหน่อยตั้งนานแล้ว บวกกับนางไม่คิดที่จะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กับฮูหยินเหอ เอาเรื่องที่จัดการยากอย่างการควบคุมอาหารการกินในบ้านมาไว้ในมือ ดังนั้นจึงไม่เกรงใจฮูหยินเหอเช่นกัน นางยิ้มพลางบอกฮูหยินเหอว่า นางเพิ่งจะแต่งมา จึงไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย นางก็ไม่ก้าวก่ายเรื่องพวกนี้ตรงนี้แล้ว แล้วถามที่อยู่ของหลี่เชียน พอรู้ว่าเขาถูกหลี่ฉางชิงเรียกไปที่ห้องหนังสือของเรือนด้านนอก นางก็ยิ่งไม่อยากอยู่ต่อ จึงพาคนที่ติดตามรับใช้อยู่ข้างกายอย่างพวกชีกูลุกขึ้นบอกลา เตรียมกลับไปเรือนตะวันออก
ฮูหยินเหอไม่เพียงแต่ไม่โกรธ กลับยังยิ้มและเร่งให้เจียงเซี่ยนกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยด้วย แล้วเอ่ยว่า “ข้าเป็นผู้ที่เคยผ่านมาก่อน การแต่งงานเป็นเรื่องที่ทำให้คนเหนื่อยที่สุดแล้ว ตอนนั้นข้าแทบอยากจะข้ามวันนี้ไปให้ได้ ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ! หากคุณชายใหญ่ส่งคนมาถาม ข้าจะบอกเขาเอง”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางขอบคุณ และออกจากโถงบุปผาโดยมีพวกชีกูล้อมอย่างแน่นหนา
เพียงแต่นางเพิ่งจะออกจากโถงบุปผา ก็ได้ยินฮูหยินเหอเอ่ยกับเกาเมี่ยวหรงเสียงอ่อนโยนว่า “วันนี้เจ้าก็กลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยเช่นกันเถอะ! คุณชายใหญ่แต่งงาน ข้าก็เป็นคนไม่ได้เรื่อง จึงต้องให้เจ้าช่วยคุมด้วย ข้ารู้สึกขอบคุณมาก ตอนนี้เหลือเพียงแค่งานตรวจนับของแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้าต่อแล้ว หากทำให้เจ้าเหนื่อย ข้าจะสบายใจได้อย่างไร!”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ!” เกาเมี่ยวหรงยิ้มพลางปลอบใจฮูหยินเหอ “เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ข้าไม่เหนื่อย แต่ฮูหยิน…ข้าว่าหลายวันนี้ท่านมีเรื่องหนักใจมากมาย ใต้เท้าหลี่ทำอะไรให้ท่านไม่พอใจอีกหรือเปล่า? ท่านดูสิ ท่านมีรอยคล้ำใต้ตาแล้ว!”
“จริงหรือ?” ฮูหยินเหอพูดไปก็แทบอยากจะหากระจกมาส่องสักบาน
เกาเมี่ยวหรงก็ยิ้มและเอ่ยว่า “ไว้ผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ข้าค่อยปรุงขี้ผึ้งหอมอันใหม่ให้ท่าน รับรองว่ารอยคล้ำใต้ตาของท่านจะหมดไปทันที”
“เช่นนั้นก็ดีมาก!” ฮูหยินเหอเอ่ยอย่างดีใจ ทันใดนั้นก็ถอนหายใจและเอ่ยว่า “เจ้าเฉลียดฉลาดและเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมอันดีงามแบบนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกชายของตระกูลไหนจะมีวาสนาได้แต่งงานกับเจ้า!”
“ฮูหยินล้อข้าเล่นอีกแล้ว” เกาเมี่ยวหรงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมอันดีงามที่ไหนกัน? ท่านอยู่กับข้ามานานแล้ว จึงเข้าข้างข้าเท่านั้นเอง…”
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย และไปจากโถงบุฝผา
เจียงลวี่ส่งคนมาแล้ว “พรุ่งนี้กลางยามเฉิน[1]กลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านฝ่ายหญิง ซื่อจื่อให้ท่านหญิงอย่าลืมขอรับ”
“ข้ารู้แล้ว!” เจียงเซี่ยนยิ้มและให้คนตกรางวัลให้เด็กรับใช้เป็นเศษเงินสองสามตำลึง
เวลานี้หลี่เชียนกลับมาแล้ว
เขาเลิกคิ้ว หน้าตามีชีวิตชีวา สีหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ
เจียงเซี่ยนใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก
แค่รู้สึกว่าแบบนี้หลี่เชียนหล่อมาก…
หลี่เชียนตะโกนเรียก “เจียหนาน” พลางเอ่ยว่า “ข้ากลับมาแล้ว…”
เจียงเซี่ยนหัวเราะเบาๆ และเอ่ยว่า “เจอเรื่องอะไรดีหรือ? ข้าเห็นเจ้าจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแล้ว! ข้านั่งอยู่ตรงนี้ เจ้าก็มองไม่เห็น!”
“ข้าไม่ได้มองไม่เห็น!” หลี่เชียนหัวเราะ เผยให้เห็นฟันขาวทั้งปาก ยิ่งแลดูท่าทางองอาจห้าวหาญ “ข้ากลับมาแล้ว ก็ต้องทักทายเจ้าหน่อยไม่ใช่หรือ?”
“มีใครทักทายอย่างเจ้าหรือ?” เจียงเซี่ยนไม่เชื่อสักนิด
———————————–
[1] ยามเฉิน = ช่วงเวลา 07.00-08.59 น. ดังนั้นกลางยามเฉิน = 08.00 น.