มู่หนานจือ - บทที่ 285 แต่ก่อน
เจียงเซี่ยนเห็นหลี่เชียนดูมีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ และถามถึงจินย่วน “…จู่ๆ นางก็เป็นมิตรกับข้าขนาดนั้น หรือว่าเป็นเพราะเจ้า นางจึงคิดว่านางไม่ต้องแต่งงานกับเซ่าหยางแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“คงจะใช่กระมัง!” หลี่เชียนลูบจมูก เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน “ถึงอย่างไรเรื่องแต่งงานของนางก็ยังไม่มีวี่แววแม้แต่นิดเดียว! หากทำให้นางแต่งออกไปได้ นางคงจะขอบคุณเจ้ามากกว่านี้”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” เจียงเซี่ยนนึกถึงสิ่งที่ตนเองพบเจอในชาติก่อน และเอ่ยพลางถอนหายใจว่า “เจ้าอย่าจับคู่มั่วซั่ว อย่าทำจนทุกคนเป็นไม่ได้แม้แต่เพื่อน!”
จินย่วนเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการแต่งงาน ในด้านสติปัญญานางยอมรับได้ ทว่าในด้านความรู้สึกกลับไม่อาจยอมรับได้
บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่นางสู้เฉาไทเฮาไม่ได้
นางก็ไม่อยากให้หลี่เชียนกลายเป็นคนแบบนั้นเช่นกัน
“ข้ารู้แล้ว!” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แล้วประคองหน้าของนางและจู่ๆ ก็หอมแก้มนาง แล้วเอ่ยว่า “ข้าอยากเป็นพันธมิตรกับจินเซียว ไม่ได้อยากสร้างความแค้นกับจินเซียวเสียหน่อย จะยุยงจินเซียวให้จินย่วนแต่งงานอย่างมั่วซั่วได้อย่างไร!” เขาพูดไปก็พูดกับตนเองอยู่ตรงนั้นว่า “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอวิ๋นหลินยังมีความสามารถนี้ด้วย เมื่อก่อนแค่รู้สึกว่าเขาเชื่อฟัง ไม่ว่าสั่งเขาเรื่องอะไร เขาก็จัดการเรียบร้อยได้อย่างเงียบๆ หมด จะเห็นได้ว่าข้ายังดูถูกเขาไปหน่อย ข้าคิดว่าจะให้เขาทำงานอีกสักสองสามอย่าง หากเขาไม่พลาดเลย ข้าจะย้ายเขากลับมาเป็นหัวหน้าองครักษ์ในตระกูล ต่อไปก็ให้เขาปกป้องความปลอดภัยของเจ้า แบบนี้ข้าก็สามารถทำงานข้างนอกได้อย่างเต็มที่แล้ว ตอนนี้เดือนห้า อีกไม่กี่วันก็เป็นวันดีสำหรับการผลิตเกลือ ข้าคิดว่าจะไปเสฉวนสักหน่อย เจ้าอยู่บ้านคนเดียว ข้าไม่วางใจ…”
เขาพูดจ้อ เจียงเซี่ยนได้ยินไม่ชัดอย่างสิ้นเชิง
คำพูดของหลี่เชียนดังก้องอยู่ในสมองของนางตลอด ‘หากเขาไม่พลาดเลย ข้าจะย้ายเขากลับมาเป็นหัวหน้าองครักษ์ในตระกูล ต่อไปก็ให้เขาปกป้องความปลอดภัยของเจ้า แบบนี้ข้าก็สามารถทำงานข้างนอกได้อย่างเต็มที่แล้ว’
ชาติก่อนอวิ๋นหลินเป็นแม่ทัพด่านจวีหย่ง
ด่านจวีหย่งห่างจากเมืองหลวงอย่างเร็วที่สุด ครึ่งวันถึง
สำคัญสำหรับการป้องกันเมืองหลวงมาก
แม้แต่ตอนที่จ้าวอี้มีชีวิตอยู่ ตำแหน่งนี้ก็อยู่ในมือเขาเองเช่นกัน
หลี่เชียนใช้ทุกวิถีทาง จนสุดท้ายถึงกับเอาตำแหน่งผู้ว่าราชการมณฑลซานซีออกมาต่อรองกับนางและตระกูลเจียง ท่านลุงใหญ่เห็นว่าต่อให้พวกเขาไม่มีตำแหน่งผู้ว่าราชการมณฑลซานซีอยู่ในมือ เขาก็ไม่มีทางขัดขวางอวิ๋นหลินดำรงตำแหน่งแม่ทัพด่านจวีหย่งได้อยู่ดี จึงฝืนใจตกลง
เวลานั้นเจียงลวี่เริ่มรับภารกิจคนเดียวได้แล้ว
เขายังวิเคราะห์ให้นางด้วยว่า อวิ๋นหลินเป็นแม่ทัพ ทั้งมีความกล้าหาญและมีแผนการ ความดีความชอบในการรบโดดเด่น ด้วยฐานะ คุณสมบัติ และประสบการณ์ของเขาในกองกำลังทหารตระกูลหลี่ หลี่เชียนผลักเขาออกมาช่วงชิงตำแหน่งนี้ ก็เพื่อเพิ่มการได้ข้อต่อรอง แม้ด่านจวีหย่งจะสำคัญมาก แต่กลับไม่อยู่ในเมืองเก้าเมืองที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ต่อเนื่องกันตามแนวป้องกันของกำแพงเมืองทางภาคเหนือ จึงไม่อาจพกตราแม่ทัพได้ อวิ๋นหลินคงจะไม่นั่งในตำแหน่งนี้นานมาก ไม่อย่างนั้นหลี่เชียนใช้คนไม่ยุติธรรม อาจจะเกิดความขัดแย้งและรอยร้าวในกองกำลังทหารตระกูลหลี่ได้
ตอนนั้นนางเชื่อ
เพราะในมือของแม่ทัพใหญ่ทุกคนมักจะมีกำลังคนของตนเองกลุ่มหนึ่ง ผลประโยชน์ของคนเหล่านี้เกี่ยวพันกับแม่ทัพใหญ่อย่างแน่นหนา คนหนึ่งเจริญรุ่งเรือง คนอื่นล้วนเจริญรุ่งเรือง คนหนึ่งได้รับความเสียหาย คนอื่นล้วนได้รับความเสียหาย ต่อให้แม่ทัพใหญ่ไม่อยากช่วงชิง ก็ต้องช่วงชิงเพื่อพวกคนที่อยู่ในมืออยู่ดี
หากเป็นอย่างที่เจียงลวี่เอ่ยจริง ด้วยความสามารถ บารมี คุณสมบัติ และประสบการณ์ของอวิ๋นหลินก็ล้วนไม่มีทางที่จะอยู่ที่ด่านจวีหย่งนานมากจริงๆ
และตอนนั้นหลี่เชียนกำลังทำสงครามกับชนกลุ่มน้อยทางเหนือ จัดให้แม่ทัพที่กล้าหาญอย่างอวิ๋นหลินพักผ่อนในบั้นปลายชีวิตที่ด่านจวีหย่ง ก็สิ้นเปลืองเกินไปเช่นกัน อย่าว่าแต่เฉลียวฉลาดเหมือนหลี่เชียนเลย แม้แต่นางก็ไม่มีทางที่จะตัดสินใจแบบนี้
ทว่าเรื่องราวกลับเกินความคาดหมายของนางกับเจียงลวี่
อวิ๋นหลินไม่เพียงแต่อยู่ที่ด่านจวีหย่งอย่างเงียบสงบและสงบเสงี่ยม ทว่ายังอยู่ถึงห้าปี
จนกระทั่งนางถูกจ้าวสี่วางยาพิษ
ตอนแรกนางกับเจียงลวี่ไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก และยังเคยตรวจสอบความสัมพันธ์ของอวิ๋นหลินกับหลี่เชียน เดาว่าอวิ๋นหลินล่วงเกินหลี่เชียนตรงไหนหรือเปล่า หรือหลี่เชียนมีอคติอะไรกับอวิ๋นหลิน คิดหาทางดึงอวิ๋นหลินมาอยู่ฝ่ายตระกูลเจียงได้หรือไม่ คนที่ตระกูลเจียงสามารถใช้ได้น้อยลงเรื่อยๆ หากอวิ๋นหลินยอมมา ก็สามารถมอบแม้กระทั่งตำแหน่งแม่ทัพเมืองเซวียนหรือแม่ทัพต้าถงให้เขาได้
ผลจากการตรวจสอบเกินความคาดหมายของนางกับเจียงลวี่อีกครั้ง
อวิ๋นหลินไม่เพียงแต่ไม่สูญเสียความโปรดปรานจากหลี่เชียน ทว่าตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งแม่ทัพด่านจวีหย่ง ยังไปกลับระหว่างด่านจวีหย่งกับหน่วยงานราชการบ่อยๆ เรื่องส่วนตัวบางเรื่องของหลี่เชียนก็ล้วนจะมอบให้เขาจัดการ ส่วนหลี่เชียนนั้น ตำแหน่งของเขาไม่เพียงแต่ป้องกันอย่างแน่นหนามาก ทว่ายังคล้ายจะเป็นขุนนางคนสนิทอันดับหนึ่งด้วย
พอเรื่องในอดีตแต่ก่อนแฉลบผ่านไปในใจเจียงเซี่ยน นางก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ในทันใด
มีครั้งหนึ่งหลี่เชียนเข้าเมืองหลวงมารายงานการปฏิบัติงาน เฉาเซวียนจัดงานเลี้ยงต้อนรับหลี่เชียนที่บ้าน
ไป๋ซู่ทะเลาะกับไช่หยวนใหญ่โตเรื่องรับอนุภรรยา และโกรธจนทนไม่ไหวจึงหนีกลับบ้านของตนเอง ไช่หยวนก็ทิ้งไป๋ซู่ไว้ที่นั่น สองสามเดือนแล้วก็ไม่ไปรับไป๋ซู่สักที ผู้อาวุโสของตระกูลไช่จะโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ฟัง จนผู้อาวุโสของตระกูลไช่ไม่มีทางเลือก จึงจำเป็นต้องไปรับด้วยตนเอง ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้น ไป๋ซู่ก็เสียหน้าเหมือนกันอยู่ดี บังเอิญฮูหยินเฒ่าจิ้นอันโหวแม่สามีของไป๋ซู่เป็นหวัด เจียงเซี่ยนจึงอาศัยโอกาสนี้ไปเยี่ยมคนไข้ที่จวนจิ้นอันโหว ในสถานการณ์แบบนี้จิ้นอันโหวจำเป็นต้องมีภรรยาเอกของลูกชายคนโตที่ควบคุมอาหารการกินภายในบ้านต้อนรับเจียงเซี่ยน ไช่หยวนจึงรับไป๋ซู่กลับมาอย่างไม่สบอารมณ์
ปรากฏว่าพอไป๋ซู่กลับถึงบ้านถึงรู้ว่า ระหว่างที่นางไปนั้น ไช่หยวนก็แต่งลูกสาวของซิ่วไฉที่สอบตกที่เขาถูกใจเข้าตระกูลแล้ว และตั้งครรภ์แล้ว แน่นอนว่าหลังจากผู้อาวุโสของตระกูลไช่รู้ย่อมไม่มีทางที่จะอนุญาตให้เด็กคนนี้เกิดมา สุดท้ายยาต้มถ้วยเดียวลงไป ตายทั้งแม่และลูก ศพถูกห่ออยู่ในเสื่อหญ้าและทิ้งไว้ในสุสานที่ไร้คนดูแล
ทว่าไช่หยวนกลับรับไป๋ซู่กลับบ้านเหมือนกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ดังนั้นไป๋ซู่จึงตัดใจจากไช่หยวนอย่างสิ้นเชิง
พอเจียงเซี่ยนเจอไป๋ซู่ ไป๋ซู่ก็อดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง นางอารมณ์เสียมาก พอได้ยินว่าหลี่เชียนกินดื่มอยู่ที่บ้านของเฉาเซวียน แถมยังเรียกนักแสดงเข้ามาแสดงในบ้าน นางก็โกรธมากทันที ไปได้ครึ่งทางก็เปลี่ยนทางไปจวนเฉิงเอินกงโดยไม่รู้ตัว และบุกไปที่โถงบุปผาที่พวกเขาดื่มเหล้าโดยไม่ให้คนแจ้ง
พอเห็นภาพที่คึกคักและมีชีวิตชีวาทั้งห้อง นางก็ระเบิดอารมณ์มั่วซั่วอย่างไร้มารยาท และสั่งสอนหลี่เชียนกับเฉาเซวียนอย่างรุนแรง…
ทั้งสองคนก็ยืนฟังนางสั่งสอนอยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม
สุดท้ายนางคลายความโกรธลงเล็กน้อยแล้วก็ออกไปเหมือนพายุหมุนอีก
ทว่าใครจะรู้ว่าพอออกไปกลับได้ยินหม่าหย่งเซิ่งที่น่ารำคาญกำลังคุยกับอวิ๋นหลิน ‘…พวกเจ้าก็อดทนกับเขาแบบนี้หรือ? ยังดีที่ข้าไม่ถูกส่งไปด่านจวีหย่ง! บอกความจริงมาเถอะ เจ้าไม่คิดที่จะกลับซีอานจริงๆ หรือ? ครึ่งชีวิตหลังจากนี้ก็จะสิ้นเปลืองไปกับเขาเหมือนกับพ่ออย่างนั้นหรือ? นี่จะน่าเสียดายสักแค่ไหนกัน! เจ้ากำลังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มแน่นนะ?’
ตอนที่นางปรายตามองไป แม้หม่าหย่งเซิ่งจะหุบปาก แต่สีหน้านั้นบอกว่าน้อยใจแค่ไหนก็น้อยใจแค่นั้น เหมือนนางรังแกเขา…
ความโกรธของนางค่อยๆ ผุดขึ้นมาอีก จึงคว้าหมวกทรงโค้งวาดลายสีทองผ้าทอสีดำที่สวมอยู่บนศีรษะของขันทีข้างกายเอาไว้แน่น และขว้างใส่หน้าเขาทันที…
เวลานี้พอคิดดูดีๆ แล้ว ที่อวิ๋นหลินตั้งมั่นรักษาการณ์ด่านจวีหย่ง เป็นเพราะได้รับคำสั่งจากหลี่เชียนให้มาปกป้องนางอย่างนั้นหรือ?
นางยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น
พวกความคิดที่เมื่อก่อนนางไม่กล้าคิดประทับอยู่ในสมองของนาง
ทำให้เจียงเซี่ยนนอนไม่หลับ
นางพลิกตัวลุกขึ้นมานั่ง และผลักไหล่ของหลี่เชียนที่หลับสนิทไปแล้ว “ตื่น ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า!”
————————————-