มู่หนานจือ - บทที่ 301 เป็นแขก
ฮูหยินเหอพาสาวใช้กับหญิงรับใช้มารอเจียงเซี่ยนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
พอเห็นเจียงเซี่ยนก็เข้าไปหา อยากจับมือของนาง ก็ชะงักไป และล้มเลิกความคิด แล้วเอ่ยอย่างเกรงใจว่า “วันนี้ทำไมท่านหญิงถึงว่างมารับประทานอาหารเที่ยงที่เรือนของข้า? ท่านก็ไม่ส่งคนมาบอกก่อน มีอาหารสองสามอย่างที่ทำไม่ทัน วันนี้จึงจำเป็นต้องกินอย่างเรียบง่ายหน่อย พรุ่งนี้พวกเราค่อยรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน”
หลังจากวันนั้นที่ทุกคนรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน หลี่ฉางชิงก็ไม่รับประทานอาหารเที่ยงที่เรือนด้านในเลย
บังเอิญเจียงเซี่ยนรับประทานอาหารที่เรือนตะวันตก
จึงเป็นครั้งแรกที่มารับประทานอาหารเที่ยงที่เรือนของฮูหยินเหอ
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็หูร้อนเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
หากไม่ใช่ว่าหลี่เชียนไม่อยู่บ้าน และในบ้านก็มีคนอยู่ไม่กี่คน นางจะคิดได้อย่างไรว่ามาฆ่าเวลาที่เรือนของฮูหยินเหอ จะได้เชื่อมความสัมพันธ์กับฮูหยินเหอด้วย
“เพราะข้ามาอย่างฉุกละหุกเกินไปเอง!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าอยู่บ้านเบื่อๆ จึงอยากมานั่งคุยที่เรือนของฮูหยิน”
“เป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว” ฮูหยินเหอยังคงดีใจมาก
นางขาดความรู้และประสบการณ์ในการเข้าสังคม หลี่ฉางชิงก็ไม่ค่อยให้นางออกไปเข้าสังคม ลูกชายอายุสามขวบก็ถูกหลี่ฉางชิงรับไปอยู่ข้างกายและอบรมสั่งสอนด้วยตนเองแล้ว ส่วนลูกสาวนั้นเชิญนางในที่ออกมาจากในวังมา นางก็ไม่ค่อยออกไป จึงพูดไม่ค่อยเก่ง อยู่ที่เรือนด้านหลังก็เหงามากเช่นกัน จึงอยากให้มีคนมาคุยกับนางมาก
ฮูหยินเหอกับเจียงเซี่ยนยิ้มและเคียงข้างกันเข้าไปในห้องโถง
บนโต๊ะกลมของห้องพักผ่อนทางทิศตะวันออกวางอาหารไว้เต็มแล้ว
เจียงเซี่ยนเห็นแล้วในใจก็ปะปนไปด้วยหลากหลายความรู้สึกจนบอกไม่ถูก
ครั้งก่อนที่นางมา ล้วนเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยม
โต๊ะสี่เหลี่ยมแบ่งเป็นหัวโต๊ะกับท้ายโต๊ะ
ถึงฮูหยินเหอจะเป็นภรรยาใหม่ นั่นก็เป็นการแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณีและหามเข้าประตูใหญ่ของตระกูลหลี่ แล้วก็เป็นแม่สามีอย่างชอบธรรมเช่นกัน นางก็ควรนั่งหัวโต๊ะ ส่วนเจียงเซี่ยน แม้จะได้รับเงินเดือนชินอ๋องสองเท่า แต่นั่นก็เป็นการชดเชยที่ราชสำนักมอบให้นางเช่นกัน และว่ากันด้วยระดับของขุนนางแล้ว ไม่ว่านางจะได้รับความโปรดปรานจากไทฮองไทเฮาแค่ไหนก็เป็นท่านหญิงไม่ใช่องค์หญิง…หากราชสำนักอยากมอบมารยาทขององค์หญิงให้นาง ก็ย่อมจะแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิง หากไม่แต่งตั้งนางเป็นองค์หญิง นางก็ไม่สามารถวางมาดองค์หญิงได้ นี่เป็นข้อห้ามที่สำคัญที่สุด
ดังนั้นเมื่อระดับของขุนนางแบ่งอย่างชัดเจน ก็จะเอามารยาทมาปนไม่ได้
นางกับฮูหยินเหอก็ดี กับตระกูลหลี่ก็ดี จะไม่แบ่งเจ้านายกับขุนนาง นางควรสุภาพกับฮูหยินเหอ ทว่าฮูหยินเหอกลับเปลี่ยนโต๊ะสี่เหลี่ยมเป็นโต๊ะกลม ทำให้มารยาทระหว่างทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นไม่ชัดเจนอีก...
ไม่ว่าฮูหยินเหอจะทำอะไรขี้ขลาดและไม่มีขั้นตอนกับกฎเกณฑ์แค่ไหน แต่กลับเป็นมิตรกับนางมาก
เจียงเซี่ยนจึงรับชาในมือของสาวใช้มายื่นให้ฮูหยินเหอด้วยตนเอง
ฮูหยินเหอทั้งรู้สึกประหลาดใจและไม่สบายใจที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นางรีบลุกขึ้นยืน และเอ่ยว่า “นี่จะใช้ได้อย่างไร! นี่จะใช้ได้อย่างไร!”
“ท่านเป็นแม่สามีของข้า ทำไมจะใช้ไม่ได้” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แล้วกดฮูหยินเหอให้นั่งลง และเอ่ยว่า “ตอนบ่ายท่านมีธุระอะไรหรือไม่? เล่นไพ่เป็นไหม? ตอนที่ข้าอยู่ในวังและว่างไม่มีอะไรทำจะเล่นไพ่กับคนที่อยู่ข้างกาย ไม่รู้ว่าฮูหยินชอบหรือไม่? วิธีเล่นของข้างนอกกับในวังมีอะไรไม่เหมือนกัน…”
ฮูหยินเหอได้ยินก็อึ้งไป แล้วยิ้มออกมา และเอ่ยว่า “ข้ายังคิดว่าเวลาที่ท่านหญิงว่างจะอ่านและเขียนหนังสือเสียอีก! คิดไม่ถึงว่าจะเล่นไพ่เหมือนกัน! อันนี้ข้าเล่นเป็น! ตอนข้าอยู่ที่บ้านของตนเอง ก็มักจะเล่นไพ่เป็นเพื่อนท่านแม่เช่นกัน เพียงแต่หลังจากแต่งมา มีงานมากมาย จึงเล่นน้อยลงแล้ว หากท่านหญิงอยากเล่นไพ่ ข้าจะช่วยท่านหญิงหาคนอีกสองคนแล้วกัน ตอนบ่ายข้าก็ไม่มีธุระอะไรพอดี แต่ถึงจะมีธุระ มีแม่นมเหมียวอยู่ นางดูและจัดการไปตามสมควรก็ได้แล้ว” ฮูหยินเหอพูดไปก็เรียกแม่นมเฉิงที่รู้ใจนางที่สุดเข้ามา “ท่านหามาอีกคน ตอนบ่ายพวกเราไปเล่นไพ่ที่เรือนการบูร”
เรือนด้านในของเรือนตะวันออกยังมีโถงบุปผาชื่อเรือนการบูร เป็นที่ที่ปกติฮูหยินเหอใช้พบปะแขก นอกโถงบุปผาปลูกต้นการบูรที่สูงกว่าชายคาหลายต้น ตอนหน้าร้อนเย็นสบายมาก
เจียงเซี่ยนตกลงอย่างดีใจ
ทั้งสองคนรับประทานอาหารแล้วก็ดื่มชาที่โถงบุปผา
พวกเสี่ยวฮุ่ยกำลังจัดโต๊ะไพ่
ส่วนเจียงเซี่ยนจัดให้ฉิงเค่อมาร่วมวงไพ่
ลองเล่นไปสองสามตา เจียงเซี่ยนก็ค่อยๆ จับทางไพ่ของฮูหยินเหอกับแม่นมเฉิงได้ พอมั่นใจแล้ว จึงส่งสายตาให้ฉิงเค่อ ตัดสินใจว่าสองคนจะร่วมมือกัน เสียพนันให้ฮูหยินเหอกับแม่นมเฉิงเล็กน้อย ก็ถือว่าปล่อยความหวังดีให้ฮูหยินเหอเช่นกัน
แต่ฮูหยินเหอกลับเล่นอย่างจริงจังมาก
ไปๆ มาๆ ทุกคนต่างมีแพ้มีชนะ กลายเป็นเสียน้ำใจของเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าตนเองอยู่ในวังมานาน ความคิดจึงถูกแบบแผนในวังผูกมัดแล้ว
เวลานี้แต่งมาตระกูลหลี่แล้ว เป็นสะใภ้ของตระกูลหลี่แล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนความคิดเช่นกัน
จะติดอยู่ในหลุมเลนเดิมตลอดไม่ออกมาไม่ได้
นางฉวยจังหวะที่ฉิงเค่อล้างไพ่ อยากถามหลี่ตงจื้อ
ใครจะรู้ว่านางยังไม่เอ่ยปาก ก็มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาอย่างเร่งรีบ คารวะเจียงเซี่ยนกับฮูหยินเหออย่างลวกๆ และเอ่ยว่า “ท่านหญิง ฮูหยิน คุณหนูสามของตระกูลใต้เท้าซือมาเยี่ยมคุณหนูเกา ท่านว่า พวกเราต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูตระกูลซือไหมเจ้าคะ?”
ฮูหยินเหอได้ยินแล้วก็แปลกใจเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้สนใจมากนักเช่นกัน นางเอ่ยว่า “ในเมื่อมาเยี่ยมคุณหนูเกา ก็ให้คุณหนูเกาเป็นคนต้อนรับแล้วกัน แต่เจ้ายังต้องไปบอกในห้องครัวสักหน่อย คุณหนูเกาอยากจัดงานเลี้ยงอะไร ลงบัญชีกองกลางก็พอแล้ว”
สาวใช้คนนั้นได้ยินแล้วก็ยิ้มพลางขานรับและจากไป
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับอดที่จะแอบขมวดคิ้วไม่ได้
สาวใช้คนนั้นแต่งตัวดูธรรมดามาก น่าจะไม่ใช่สาวใช้ข้างกายฮูหยินเหอ แต่กลับกล้าออกความคิดให้ฮูหยินเหอในขณะที่พวกแม่นมเฉิงต่างก็อยู่ด้วย แถมฮูหยินเหอยังไม่ใส่ใจ ออกเงินเป็นหน้าเป็นตาให้เกาเมี่ยวหรง คุณหนูสามตระกูลซือนั่นก็ยิ่งแปลก มาเยี่ยมคุณหนูเกาที่ตระกูลหลี่ กลับไม่มาคารวะฮูหยินเหอ ส่วนฮูหยินเหอก็เหมือนเจอบ่อยจนเห็นเป็นเรื่องปกติเช่นกัน
นี่เป็นมารยาทพื้นฐานของการเป็นคน
ต่อให้ตระกูลหลี่สามารถไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ได้ ตระกูลซือก็ไม่ควรจะไร้ระเบียบแบบนี้เช่นกัน!
ถึงเจียงเซี่ยนจะไม่เคยสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ
แต่ฮูหยินเหอกลับเหมือนกลัวจะละเลยเจียงเซี่ยน จึงยิ้มพลางอธิบายกับนางว่า “ใต้เท้าซือนั้นเป็นผู้ช่วยของเมืองไท่หยวน คุมภาษีที่นาของเมืองไท่หยวน อยู่ต่อหน้าใต้เท้าหลี่เจ้าเมืองไท่หยวนก็เป็นคนที่พูดได้ บ้านเดิมของฮูหยินเฒ่าของพวกเขาก็อยู่ที่เฝินหยาง หลังจากใต้เท้าของพวกเรามาไท่หยวนแล้วถึงจะรู้ว่าที่แท้ทั้งสองตระกูลยังมีความเกี่ยวข้องนี้ด้วย ทั้งสองตระกูลจึงสนิทสนมกันมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัว และเริ่มไปมาหาสู่กัน”
“ในครอบครัวของใต้เท้าซือมีลูกสาวสามคนลูกชายหนึ่งคน”
“คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองต่างออกเรือนแล้ว เวลานี้จึงมีเพียงคุณหนูสามกับคุณชายใหญ่ติดตามอยู่ข้างกาย”
“ฤดูใบไม้ผลิปีนี้คุณหนูสามของพวกเขาเพิ่งจะอายุครบสิบห้าปีเต็ม เป็นคนฉลาดเหมือนแม่ของนาง เล่นกับเมี่ยวหรงได้ดีมาก เวลาว่างไม่มีอะไรทำก็จะมานั่งคุย”
“ท่านก็รู้เช่นกันว่า เด็กสาวน่ะคุยกับคนอย่างข้าไม่รู้เรื่องหรอก นางมาคารวะข้า ข้ากลับไม่รู้ว่าควรจะคุยกับนางอย่างไร จึงให้เมี่ยวหรงต้อนรับนางไปเลย”
“เด็กสาวคนนี้สุภาพเรียบร้อยไม่กลัวคนแปลกหน้า”
“บางครั้งเจอตงจื้อที่เรือนของเมี่ยวหรง ก็คุยกับตงจื้อได้เช่นกัน” เอ่ยถึงตรงนี้ ฮูหยินเหอก็ถอนหายใจ “ตงจื้อเหมือนข้า ขี้ขลาด กลัวการเข้าสังคม นางติดตามอยู่ข้างกายเมี่ยวหรง กลับดีกว่าติดตามอยู่ข้างกายข้า จะได้พูดคุยกับพวกฮูหยินกับคุณหนูในเมือง และได้ความรู้ไปด้วย แต่งงานไป จะได้ไม่ไม่รู้ว่าจะรับมือพ่อแม่สามีอย่างไร และทำให้สามีมีความสุขไม่ได้”
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ ‘ข้าว่าตงจื้อเก่งกว่าท่านมากเลย!’
ทว่านางพึมพำก็ส่วนพึมพำ สำหรับการยอมแพ้ที่ขี้ขลาดและอ่อนแอของฮูหยินเหอนั้นยังคงหมดคำพูดมาก
การออกไพ่ของนางจึงชะงักไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
———————————–