มู่หนานจือ - บทที่ 307 ผู้ส่งสาร
สร้างบารมี?!
ใช้เกาเมี่ยวหรงสร้างบารมี!
ทำไมเจียงเซี่ยนรู้สึกว่าตนเองได้ยินแล้วอยากหัวเราะเล็กน้อย!
ต่อให้นางอยากสร้างบารมี ก็ต้องใช้หลี่ฉางชิงกับหลี่เชียนสร้างบารมีเช่นกัน!
แย่กว่านั้น ก็ต้องใช้ฮูหยินเหอสร้างบารมีกระมัง?
ผู้หญิงเรือนด้านในเล็กๆ อย่างเกาเมี่ยวหรง ไร้ชื่อเสียงไร้อิทธิพล ไร้อำนาจไร้ประโยชน์ ใช้นางสร้างบารมี จะไม่ทำให้ตนเองฐานะตกต่ำไปด้วยอย่างนั้นหรือ!
เจียงเซี่ยนยิ้มเยาะ และขี้เกียจแม้แต่จะคุยกับนางแล้ว จึงรอให้เกาเมี่ยวหรงพูดจบ แล้วถึงค่อยๆ เอ่ยว่า “คุณหนูเกาคิดมากแล้ว เรื่องการสร้างบารมีนั้น ทำให้ทุกคนนับถือถึงจำเป็นต้องทำ ผู้หญิงที่อยู่เรือนด้านในทั้งวันอย่างข้า เรื่องข้างนอกมีสามี เรื่องในบ้านมีแม่บ้าน ยังไม่จำเป็นต้องสร้างบารมีตอนนี้” แล้วนางก็ยกถ้วยชาขึ้นมาแตะริมฝีปากเบาๆ
ยกชาส่งแขก
นี่เป็นธรรมเนียมในวัง
เจียงเซี่ยนไม่รู้ว่าตระกูลขุนนางที่มั่งคั่งและมีอำนาจทำแบบนี้ด้วยหรือไม่
ทว่านางไม่อยากเห็นเกาเมี่ยวหรงอีกแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเกาเมี่ยวหรงไม่รู้ธรรมเนียมนี้
ฉิงเค่อเข้ามาส่งแขก นางหน้าแดงก่ำ พลางกัดปากและน้ำตาคลอเบ้าออกไปจากเรือนตะวันตก
ไป่เจี๋ยเอ่ยอย่างกังวลเล็กน้อยว่า “ถึงอย่างไรคุณหนูเกาก็เป็นหลานสาวของท่านเกา ท่านเกาจะไม่พูดจาซี้ซั้วต่อหน้าใต้เท้าใช่ไหมเจ้าคะ?”
“เขาอยากพูดจาซี้ซั้วก็พูดไป” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยว่า “หากเกาฝูอวี้มีความรู้และสายตาแค่นี้ ก็สละตำแหน่งผู้ช่วยที่ดีที่สุดเสียตั้งแต่เนิ่นๆ”
ฉิงเค่อเห็นด้วยเป็นอย่างมาก และเอ่ยว่า “บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ คุณหนูเกาช่วยฮูหยินต้อนรับสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของตระกูลขุนนางอย่างไม่ถูกกฎ ตอนแรกก็เป็นความต้องการของฮูหยิน เพียงแต่นานๆ ไป คุณหนูเกาทำเกินหน้าที่ไปเล็กน้อย จะได้ฉวยโอกาสที่จัดระเบียบงานต่างๆ ในครั้งนี้ตั้งกฎขึ้นมา”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า ไม่นานก็ลืมเรื่องนี้ไปจนหมดสิ้น พอดีฮูหยินฉีส่งแตงหวานมามากมาย นางจึงให้คนแบ่งใส่เป็นหลายตะกร้า และให้คนส่งไปที่เรือนของฮูหยินเหอ หลี่จี้ หลี่จวี หลี่ตงจื้อ กระทั่งหลี่หลิน และหลี่ไท่หัวหน้าพ่อบ้านเล็กน้อย
หลี่ฉางชิงดีใจมาก และมอบที่ดินเล็กๆ สองร้อยหมู่ให้นาง บอกว่าให้นางซื้อขนมกิน
เจียงเซี่ยนแปลกใจมาก ที่ดินเล็กๆ สองร้อยหมู่จะทำอะไรได้?
นางถามหลี่เชียนว่า “ที่ดินเล็กๆ นี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า?”
หลี่เชียนลูบจมูกของนางอย่างสนิทสนมมาก และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉลาดจริงๆ! ที่ดินนี้แม้จะเล็ก แต่กลับเหมาะที่จะปลูกต้นพุทรา ลูกพุทราที่ออกผลออกมาทั้งใหญ่และหวาน จนเกือบจะกลายเป็นของบรรณาการ ท่านพ่อเพิ่งจะได้ที่ดินเล็กๆ นี้มาเมื่อหลายวันก่อน พอเปลี่ยนมือก็มอบให้เจ้าเลย ข้ายังคิดว่าจะบอกท่านพ่อว่า พอถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงให้ข้ายืมที่ดินนี้หน่อย ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่นั่นชั่วคราวสักสองสามวัน ตอนนี้ดีเลย ข้าต้องยืมสถานที่จากเจ้าแล้ว”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็หัวเราะ และเลียนแบบท่าทางที่แม่นมที่อบรมสั่งสอนในวังตวาดด่านางใน นางเท้าเอวและเชิดคางขึ้นมองหลี่เชียน แล้วเอ่ยอย่างได้ใจมากว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่ว่าเจ้าพูดจาน่าฟังหรือไม่!”
หลี่เชียนรู้สึกว่านางทำตัวน่ารักมากจริงๆ
จึงหัวเราะและกระโจนมาเอ่ยว่า “ได้ เช่นนั้นข้าจะพูดไป แล้วเจ้าก็ตัดสินให้ข้าว่าอันไหนเป็นคำพูดที่ดี อันไหนเป็นคำพูดที่แย่…”
ทั้งสองคนหัวเราะอย่างมีความสุขและเล่นด้วยกันอีกครั้ง
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ในเมืองหลวงก็ส่งจดหมายมาแล้ว
เจียงเซี่ยนรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ และเอ่ยกับหลี่เชียนอย่างตื่นเต้นว่า “จดหมายจากที่นี่ถึงเมืองหลวงเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ด่วนที่สุดทั้งไปและกลับ ก็ต้องเร็วอยู่แล้ว!” หลี่เชียนยิ้ม พลางเช็ดใบให้ดอกกล้วยไม้ที่เจียงเซี่ยนเลี้ยงหลายต้น แล้วเอ่ยว่า “เป็นจดหมายจากใครบ้าง? ว่าอย่างไรบ้าง?”
“มีจดหมายจากไทฮองไทเฮา” พอเจียงเซี่ยนเห็นซองจดหมายที่ทำจากกระดาษเฉิงซินก็รู้ว่าเป็นของของวังฉือหนิง
นางฉีกจดหมายอย่างร้อนใจ พอเห็นลายมือที่คุ้นแคยของเมิ่งฟางหลิง น้ำตาก็เกือบจะร่วงลงมา
เวลานี้เจียงเซี่ยนถึงจะรู้สึกคิดถึงท่านยายจริงๆ
ไทฮองไทเฮาด่านางก่อนในจดหมาย แล้วก็ถามอย่างเป็นห่วงว่านางกินอิ่มนอนหลับหรือไม่ ชินกับการอยู่ไท่หยวนหรือเปล่า หลี่เชียนดีกับนางหรือไม่ หลี่ฉางชิงเคารพนางหรือเปล่า ภรรยาใหม่ของหลี่ฉางชิงทำให้นางลำบากหรือเปล่า สุดท้ายยังบอกนางในจดหมายว่า ให้นางใช้ชีวิตกับหลี่เชียนที่ไท่หยวนดีๆ จ้าวอี้กำลังจะแต่งงานแล้ว ช่วงนี้งานเยอะเล็กน้อย นางงดการปรนนิบัติทั้งเช้าและเย็นของฮ่องเต้แล้ว จึงไม่ค่อยได้เจอจ้าวอี้เช่นกัน ไว้ผ่านช่วงนี้ไปแล้ว นางจะหาเวลาที่เหมาะสมคุยกับจ้าวอี้ คิดหาทางหางานที่ดีหน่อยให้หลี่เชียน จะไม่ทำให้หลี่เชียนเสียเปรียบ…
เจียงเซี่ยนก็ยัดกระดาษให้หลี่เชียน แล้วชี้คำพูดท่อนสุดท้ายของไทฮองไทเฮา และเอ่ยอย่างโมโหว่า “เห็นไหม? หากเจ้ากล้าทำไม่ดีกับข้า ข้าจะให้ไทฮองไทเฮาจัดการงานของเจ้าทันที”
หลี่เชียนก็ฉวยโอกาสกอดเจียงเซี่ยน แล้วแกล้งทำเป็นกลัวพลางขอร้องอย่างโศกเศร้ามากว่า “ท่านหญิง ข้าจะเชื่อฟังท่านอย่างแน่นอน ท่านให้ไปทางตะวันออกข้าไม่กล้าไปทางตะวันตก ท่านให้ไปทางเหนือข้าไม่กล้าไปทางใต้อย่างเด็ดขาด ขอให้ท่านช่วยพูดให้ข้าต่อหน้าไทฮองไทเฮาหน่อยว่า อย่าจัดการงานของข้าเลย ข้ายังต้องเลี้ยงภรรยาและลูก! ท่านคงไม่รู้ว่า ภรรยาของข้านั้นร้ายมากทีเดียว กินองุ่นยังต้องคายเปลือก กินแตงหวานยังต้องคายเมล็ด หากไม่มีฐานะสักหน่อย คงเลี้ยงนางไม่ไหว…”
“เจ้าคนสารเลว!” เจียงเซี่ยนยิ้มพลางผลักเขา
แต่กลับถูกเขากอดแน่นกว่าเดิม
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้น หลี่เชียนจูบริมฝีปากของเจียงเซี่ยนอย่างแนบแน่น
จนกระทั่งฉิงเค่อมาถามพวกเขาว่าอาหารเย็นจะตั้งที่ไหน ทั้งสองคนถึงจะนั่งลงอ่านจดหมายด้วยกันอีกครั้งบนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่าง
จดหมายฉบับที่สองเป็นของฮูหยินฝาง สิ่งที่ถามคล้ายกับไทฮองไทเฮา เพียงแต่ค่อนข้างอ้อมค้อม สุดท้ายให้นางมีเรื่องอะไรก็ส่งข่าวกับที่บ้านทางจดหมาย หากรู้สึกว่าที่บ้านไกลเกินไป หาฮูหยินฉีก็เหมือนกัน และยังบอกหลี่เชียนว่า เรื่องที่เขาฝางฝังครั้งก่อนมีวี่แววแล้ว เพียงแต่ฮูหยินอันลู่โหวอยากพบฝ่ายหญิงสักครั้งมาก จึงถามหลี่เชียนว่าจะหาข้ออ้างให้จินย่วนไปเมืองหลวงสักครั้งได้หรือไม่
อาจจะเพราะหลังจากฮูหยินฝางเจอจินย่วนแล้ว คิดว่าแม้ฐานะครอบครัวของจินย่วนแต่งงานกับเติ้งเฉิงลู่จะเป็นการแต่งงานกับคนที่ฐานะสูงกว่าตนเองไปหน่อย ทว่าหน้าตากลับสามารถปล้นและสังหารคนได้อย่างกว้างขวาง หลังจากฮูหยินอันลู่โหวเจอจินย่วน ต้องยากที่จะตัดใจได้อย่างแน่นอน จึงเห็นด้วยที่จะให้จินย่วนไปเมืองหลวงสักครั้ง
เจียงเซี่ยนคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้ยังจะมีวี่แววเล็กน้อยแล้วจริงๆ
นางถามหลี่เชียนว่า “ตระกูลจินจะอนุญาตให้จินย่วนไปเมืองหลวงหรือ?”
“ต้องอนุญาตอย่างแน่นอน” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เรื่องบางเรื่องเขาไม่ได้บอกเจียงเซี่ยน
ตั้งแต่เขาประสบความสำเร็จที่ด่านอวี๋หลิน จินไห่เทาก็ไม่ได้เกรงกลัวตระกูลเซ่าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เจียงเซี่ยนจำไม่ได้ว่าชาติก่อนเติ้งเฉิงลู่แต่งงานกับใคร ชาติก่อนนางจำอะไรเกี่ยวกับเติ้งเฉิงลู่ไม่ได้เลย
“พวกเจ้าอย่าจับคู่มั่วซั่วเชียว!” นางกำชับว่า “อย่าทำให้เกิดสามีภรรยาที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน นั่นก็ทำลายพลังชีวิตของคนเกินไปเช่นกัน”
“เจ้าวางใจเถอะ” หลี่เชียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าจะไม่บังคับจินย่วนอย่างแน่นอน”
เจียงเซี่ยนนึกถึงที่หลี่เชียนเคยบอกว่าอยากเป็นพันธมิตรกับตระกูลจิน ไม่อยากสร้างความแค้นกับตระกูลจิน แล้วก็พยักหน้า
หลี่เชียนจึงฉวยโอกาสบอกข่าวที่จ้าวเซี่ยวจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของจวนจิ้นอันโหวกับเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนรู้ข่าวที่จ้าวเซี่ยวได้รับพระราชทานงานสมรสตั้งนานแล้ว หลังจากได้ยินก็คิดว่านี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน จึงไม่ได้ประหลาดใจ บวกกับความสนใจทั้งหมดอยู่กับจดหมายฉบับที่สามของไป่ซู่ หลังจากได้ยินจึงเอ่ยเพียงแค่ “อ้อ” แล้วก็เริ่มอ่านจดหมายของไป่ซู่อย่างละเอียด
เวลานี้หลี่เชียนถึงจะวางใจ
เขายากที่จะปิดบังความดีใจในใจได้ จึงโอบเจียงเซี่ยน และให้นางพิงไหล่ของตนเอง แบบนี้ก็อ่านจดหมายสบายหน่อยเช่นกัน แล้วยิ้มพลางถามว่า “ท่านหญิงชิงฮุ่ยเขียนว่าอย่างไรบ้าง?”