มู่หนานจือ - บทที่ 351 ปฏิกิริยา
คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ได้ยินข่าวนี้ก็ตบมือแสดงความยินดีกับน้องสาว
นี่ทำให้ฮูหยินลู่ไม่รู้จะพูดอะไรดี นานมากถึงจะเอ่ยว่า “เจ้าดีใจเรื่องอะไร? ฮูหยินจวงเป็นคนที่ยอมเลิกราง่ายๆ อย่างนั้นหรือ เจ้าคอยดูเถอะ นางเสียหน้ามากขนาดนี้ หลังจากกลับไปจะต้องคิดหาทางลอบกัดท่านหญิงอย่างแน่นอน”
“นั่นก็ต้องให้นางมีความสามารถนี้ด้วยถึงจะถูก” คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถึงอย่างไร เพื่อนของศัตรูก็คือศัตรูของเรา ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อนของเรา ตอนนี้ข้าดีใจมาก”
ฮูหยินลู่ก็ดีใจมากเช่นกัน
“เจ้านี่นะ!” นางจิ้มหน้ากากของคุณหนูใหญ่ลู่อย่างจนใจ และไม่ตำหนิลูกสาว แต่เอ่ยว่า “งานเลี้ยงวันเกิดของคุณหนูสามซือแยกกันอย่างไม่มีความสุข เจ้ารับประทานอาหารเย็นมาหรือยัง? จะให้ในห้องครัวทำของกินให้เจ้าสักหน่อยหรือไม่”
“ดีมากเลย!” คุณหนูใหญ่ลู่ยิ้มออกมาสวยราวกับดอกไม้ และเอ่ยว่า “อย่าว่าแต่อาหารเย็นเลย แม้แต่อาหารเที่ยงข้าก็ไม่ได้กินสักเท่าไร จึงหิวมากตั้งนานแล้ว”
ฮูหยินลู่ลูบศีรษะของลูกสาวคนโตอย่างรักมาก แล้วหันตัวไปที่ห้องครัว สั่งให้แม่ครัวทำอาหารที่ลูกสาวคนโตชอบกินที่สุดให้นางสักสองสามอย่าง
——————————————————-
ทว่าฮูหยินซือที่ได้ยินข่าวกลับอึ้งไปอย่างสิ้นเชิง
นางถามแม่นมประจำตัวที่เล่าให้นางฟังว่า “ข้าไม่ได้ฟังกิดใช่หรือไม่? ฮูหยินจวงพาคนรับใช้ที่แข็งแรงไปเล่นงานท่านหญิงเจียหนาน แต่สุดท้ายกลับถูกท่านหญิงเจียหนานตีอย่างแรงและไล่ออกจากบ้าน?”
“ท่านไม่ได้ฟังกิด!” แม่นมฝืนยิ้มและเอ่ยว่า “ตอนแรกที่ข้าได้ยินก็ไม่เชื่อเหมือนกัน จึงไปถามด้วยตนเองด้วย ทุกคนต่างบอกแบบนี้ แถมยังมีคนเห็นกับตา ถึงจะพูดเกินจริงไปหน่อย แต่ฮูหยินจวงต้องถูกเหยียดหยามที่เรือนของท่านหญิงเจียหนานอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินซือรู้สึกปวดขมับเล็กน้อย นางโบกมือไล่แม่นมประจำตัว แล้วเอ่ยกับคุณหนูสามตระกูลซือและเกาเมี่ยวหรงที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ตลอดว่า “พวกเจ้าก็ได้ยินแล้วใช่หรือไม่? ท่านหญิงเจียหนานนั่นเป็นแบบสตรีชนชั้นสูงในเมืองหลวง เหยียดหยามสตรีบรรดาศักดิ์ ตบสาวใช้ สำหรับพวกนางล้วนไม่ใช่เรื่องยาก ต่อไปพวกเจ้าเจอนางอีก ถึงแม้จะไม่หวังให้พวกเจ้าไปประจบนาง แต่อย่าล่วงเกินนางเด็ดขาด”
ทั้งสองคนลุกขึ้นพร้อมกันและขานอย่างนอบน้อมว่า “เจ้าค่ะ” ฮูหยินซือก็ให้ทั้งสองคนออกไป “เรื่องในวันนี้ก่อกวนงานเลี้ยงวันเกิดของซานเม่ยหมดแล้ว พวกเจ้าก็พักก่อนเร็วหน่อยเถอะ! ต่อไปมีงานเลี้ยงอะไรอีก ก็ต้องระวังเรื่องจำนวนคนแล้ว อย่าทำให้เกิดเรื่องแบบวันนี้อีก!”
คุณหนูสามซือกับเกาเมี่ยวหรงขานรับอีกครั้ง และบอกลาฮูหยินซือ
ทั้งสองออกจากเรือนหลัก เกาเมี่ยวหรงก็บอกลาคุณหนูสามตระกูลซือ “เย็นแล้ว เดิมทีอยากอยู่ที่เรือนของเจ้า ช่วยเจ้าเก็บพวกภาชนะสำหรับงานเลี้ยงเข้าคลังหมดแล้วถึงจะกลับ ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ข้าต้องกลับไปก่อนแล้ว จึงช่วยงานนี้ไม่ได้แล้วเช่นกัน คงต้องค่อยมาเยี่ยมเจ้าวันหลังแล้ว”
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คุณหนูสามตระกูลซือก็อารมณ์เสียมากเช่นกัน ทว่านางยังคงรู้สึกขอบคุณที่เกาเมี่ยวหรงช่วยเหลือสองวันนี้มาก จึงเอ่ยรั้งเกาเมี่ยวหรงไว้อย่างจริงใจ “ไม่อย่างนั้นคืนนี้ท่านก็อย่ากลับเลย นอนที่เรือนของข้านี่แหละ ท่านกลับไปตอนนี้ ไม่แน่ท่านหญิงเจียหนานอาจจะยังไม่หายโกรธ และกำลังรอพาลใส่คนอยู่ก็ได้? ท่านหลบภัยอยู่ที่เรือนของข้าแล้วค่อยกลับไปดีกว่า!”
พวกนางต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่า เวลานี้ตระกูลจวงกับตระกูลหลี่สร้างความแค้นกันแล้ว อาของเกาเมี่ยวหรงเป็นกู้ช่วยของตระกูลหลี่ แต่นางกลับลังเลที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับหลี่ตงจื้อ ตระกูลหลี่จะต้องคิดกับนางอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไร!” เกาเมี่ยวหรงยิ้มบางๆ ขอบตาแดงเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าคนที่คุยกันไม่ถูกคอก็จะฆ่าจะแกงกันแบบนี้ไม่มีความเป็นกู้หญิงแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นจึงไม่ได้ยืนพูดอยู่ฝ่ายตงจื้อ ก็เพราะกลัวว่านางจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนคุณหนูจวงหาทางลงไม่ได้ จึงต่อสู้อย่างสุดชีวิตจนจะตายด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทุกคนต่างเสียหน้า และทำให้งานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าวุ่นวายไปด้วย…”
คุณหนูสามซือพยักหน้าอย่างเห็นด้วยมาก และเอ่ยว่า “ตอนนั้นข้าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ได้รั้งหลี่ตงจื้อไว้”
เหมือนนางปล่อยหลี่ตงจื้อไปเป็นบุญคุณที่ใหญ่มาก
แต่เกาเมี่ยวหรงยังคงยืนกรานที่จะกลับ คุณหนูสามตระกูลซือจึงจำเป็นต้องสั่งให้คนหามเกี้ยวของตระกูลซือไปส่งนาง
นางกลับถึงบ้าน ก็เป็นตอนเย็นแล้ว
เกาฝูอวี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ในห้องหนังสือคนเดียว ถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่งและกำลังพลิกอย่างเหม่อลอย พอเห็นนางกลับมา ก็ถามถึงเรื่องที่นางไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอย่างเอ็นดู
เกาเมี่ยวหรงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เกาฝูอวี้ฟังอย่างอ้อมค้อม
เกาฝูอวี้ตกใจมาก
เรื่องนี้ทำไมเขาไม่รู้?
ตระกูลหลี่ไม่แม้แต่ส่งคนมาบอกเขาสักคนด้วยซ้ำ
เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ คิดแล้วก็ตัดสินใจไปพบหลี่ฉางชิง
เกาเมี่ยวหรงก็จะตามไปด้วยเช่นกัน “ตอนนั้นข้าก็คิดว่าคุณหนูจวงคงจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แค่นี้ จึงเตือนให้ตงจื้อรีบกลับมาแจ้งข่าวกับคนในตระกูล ส่วนข้าอยู่หาโอกาสเกลี้ยกล่อมคุณหนูจวง ใครจะรู้ว่าก็ยังเกิดเรื่องขึ้นอยู่ดี ฮูหยินเหอมอบหมายเรื่องนี้ให้ท่านหญิงจัดการ แต่ท่านหญิงกลับไล่ฮูหยินจวงออกจากบ้าน หากรู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นข้าก็น่าจะตามตงจื้อกลับมาด้วย และเกลี้ยกล่อมฮูหยิน”
เกาฝูอวี้ขมวดคิ้วตลอด และเอ่ยว่า “เมี่ยวหรง ข้าเป็นเพียงกู้ช่วยของพวกเขา ส่วนเจ้าก็มาอยู่ที่ตระกูลหลี่เพียงเพื่อดูแลข้าเช่นกัน เจ้าไม่ใช่หญิงรับใช้ของตระกูลนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องวางตนเองลงไปในตำแหน่งที่ต่ำแบบนั้นอย่างสิ้นเชิง”
“ข้าเข้าใจ!” เกาเมี่ยวหรงพูดไป สายตาก็หม่นหมองมากขึ้น “ข้าเติบโตที่ตระกูลหลี่ตั้งแต่เด็ก ฮูหยินเหอก็เหมือนแม่ของข้า ตงจื้อก็เหมือนน้องสาวของข้า ข้าเคารพฮูหยินเหอมาก แล้วก็ชอบตงจื้อมากเช่นกัน ข้าหวังว่าพวกนางจะสบายดี”
ความเจ็บปวดที่สูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่เด็ก เป็นสิ่งที่เกาฝูอวี้ไม่มีวันชดเชยได้
เขาไปที่เรือนของหลี่ฉางชิงโดยมีเกาเมี่ยวหรงคอยพยุง เท่ากับอนุญาตให้เกาเมี่ยวหรงตามไปโดยปริยายแล้ว
———————————————————
ทางหลี่ฉางชิง สมองว่างเปล่า
หลิ่วหลีกลักเขาทีหนึ่ง เขาถึงจะได้สติกลับมา
นึกไม่ถึงว่า…ท่านหญิงจะตีฮูหยินของกู้ช่วยจวง…
อย่างไรเขาก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่า เด็กสาวที่งดงามและน่ารักอย่างเจียหนาน ร่าเริงสดใสและยังคงความสุภาพเรียบร้อย จะตีฮูหยินจวงได้อย่างไร!
“เจ้าไม่ได้ดูกิดใช่หรือไม่?” เขาถามหลิ่วหลีด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
ในดวงตาของหลิ่วหลีเหมือนมีรอยยิ้มขยับก่านไป
เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ใต้เท้า ข้าไม่ได้ดูกิด เวลานี้พวกคนรับใช้ที่แข็งแรงที่ไล่คนตามคำสั่งของท่านหญิงยังอยู่ที่เรือนด้านใน หากท่านไม่เชื่อ ข้าสามารถเรียกคนทั้งหมดมาได้ แล้วท่านถามทีละคน”
นั่นจะกลายเป็นอย่างไร?
คนอื่นยังคิดว่าเขาจะยุ่งเรื่องของสะใภ้น่ะสิ!
พูดไปพูดมา ทั้งหมดเป็นเพราะคนสกุลเหอไม่ดูแลบ้าน ทำให้เขามีเรื่องอะไรก็ไม่อาจสอบถามได้ กระทั่งเรือนด้านในเกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่ เขาก็ไม่รู้อะไรเลย!
“เรียกคุณชายใหญ่มาให้ข้า” หลี่ฉางชิงเอ่ย
ลูกชายของเขาต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างแน่นอน
หลิ่วหลียิ้มพลางขานรับและจากไป
เจอเกาฝูอวี้กับเกาเมี่ยวหรงหน้าประตู
เขายิ้มพลางทักทายอาหลานสกุลเกา
เกาฝูอวี้พยักหน้า แต่กลับไม่เข้าไปพบหลี่ฉางชิงทันที ทว่ามองแก่นหลังที่จากไปของหลิ่วหลีและครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ถึงจะก้าวเท้าเข้าห้องหนังสือของหลี่ฉางชิง
——————————————————
หลี่เชียนกลับเรือนด้านในแล้ว หลิ่วหลีไม่สะดวกที่เข้าไปเรือนด้านใน จึงให้แม่บ้านที่อยู่หน้าประตูฉุยฮวาไปแจ้งข่าว
แม่บ้านคนนั้นพอได้ยินว่าไปแจ้งข่าวที่เรือนตะวันตก ก็ไปอย่างดีใจมากทันที
ทว่าพอถึงห้องหลักของเรือนตะวันตกถึงพบว่า พวกไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อต่างยืนอยู่ตรงทางเดินของห้องข้างทั้งสองฝั่งไกลๆ ม่านไก่เซียงเฟยของห้องหลักลู่ลงอย่างสงบ ทั้งเรือนเงียบสงัด ไม่ได้ยินคำพูดปะปน