มู่หนานจือ - บทที่ 354 ทำบะหมี่
จากไท่หยวนไปภูเขามังกรเมฆ ม้าเร็วด่วนที่สุดต้องใช้เวลาหนึ่งวัน แต่นั่งรถม้าต้องใช้เวลาสองวัน ระหว่างทางพวกเขาจะหยุดพักที่สถานที่เล็กๆ ที่ชื่อว่าชุมชนตระกูลจาง
เป็นคนมาสองชาติ เจียงเซี่ยนเคยออกไปสถานที่ที่ไกลมากแค่ครั้งเดียว ก็คือถูกหลี่เชียนกึ่งหลอกให้ตามเขาจากเมืองหลวงไปซานซี ความไม่สะดวกระหว่างทางนางไม่อยากนึกถึงด้วยซ้ำ แถมยังทำให้นางรู้สึกกลัวที่จะออกไปข้างนอกด้วย…หากไม่ใช่ว่าภูเขามังกรเมฆค่อนข้างใกล้ นางยอมถูกแดดเผาอยู่ที่ไท่หยวนดีกว่าออกไปข้างนอก
ดีที่ยังมีหลี่เชียนอยู่เป็นเพื่อนนาง ดูแลนาง นางจึงอารมณ์ดีมากตลอดเวลา
หลี่เชียนเห็นเจียงเซี่ยนอารมณ์ดี ก็อารมณ์ดีตามไปด้วย และรู้สึกว่าการตัดสินใจไปหลบร้อนที่ภูเขามังกรเมฆล่วงหน้าเป็นความคิดที่ดีจริงๆ
เพียงแต่พอถึงตอนเย็นที่พักที่ชุมชนตระกูลจาง เจียงเซี่ยนพบว่าเกาเมี่ยวหรงนั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกับหลี่ตงจื้อและเหอถงเหนียง ก็ยังรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มพลางพยักหน้าให้เกาเมี่ยวหรง ถือว่าทักทายแล้ว
ทว่าเกาเมี่ยวหรงกลับยิ้มอย่างอ่อนโยน และเดินมาคารวะนางอย่างสุภาพเรียบร้อย
ทุกคนต่างมีความคิดของตนเอง
เจียงเซี่ยนบอกไม่ได้ว่าชอบ แต่ก็บอกไม่ได้เช่นกันว่าเกลียดเกาเมี่ยวหรง
นางเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “คุณหนูเกาก็ไปหลบร้อนกับพวกเราด้วยหรือ! ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ”
เกาเมี่ยวหรงยิ้มเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ได้รับความเมตตาจากฮูหยิน ชวนข้าไปภูเขามังกรเมฆด้วย ขอให้ท่านหญิงโปรดชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลางมองหลี่เชียนครั้งหนึ่ง
หลี่เชียนยิ้มบางๆ
เจียงเซี่ยนรู้สึกโกรธทันที
แม้จะรู้ว่านี่เป็นเพียงคำทักทายอย่างสุภาพที่ธรรมดามาก นางก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ดังนั้นเจียงเซี่ยนจึงคุยกับเกาเมี่ยวหรงเล็กน้อยอย่างลวกๆ และทักทายหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง แล้วก็ตามหลี่เชียนกลับโรงเตี๊ยม
โรงเตี๊ยมมีอายุเล็กน้อยแล้ว บางทีอาจจะเพราะนักเดินทางจากไท่หยวนมากมายที่จะไปหลบร้อนที่ภูเขามังกรเมฆมักจะพักที่นี่คืนหนึ่ง ธุรกิจของโรงเตี๊ยมจึงเจริญรุ่งเรือง ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปพักมีคนมาทำความสะอาดแล้ว ทว่าอย่างไรเจียงเซี่ยนก็รู้สึกว่าไม่สะอาด จนกระทั่งไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อหยิบผ้าห่มกับฟูกที่นางใช้ประจำออกมาปู นางได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของผ้าห่มกับฟูก ถึงจะค่อยๆ อารมณ์ดีขึ้น
หลี่เชียนยิ้มตลอด และสั่งให้ชีกูหาคนที่ทำอาหารเป็นจากในแม่บ้านที่ติดตามมา “ทำบะหมี่ให้ท่านหญิงชามหนึ่ง ใช้ถ้วย ตะเกียบ และน้ำที่นำมาจากบ้าน”
เพราะต้องดื่มชา พวกเขาจึงพกน้ำแร่ภูเขามาด้วย
ชีกูยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” และถอยออกไป
นี่เป็นความผิดพลาดของหลี่เชียน
ก่อนหน้านี้ตอนที่เจียงเซี่ยนตามเขาไปซานซี กินด้วยกันอยู่ด้วยกัน ดูอดทนต่อความลำบากเก่งมาก ดังนั้นตอนที่หลี่ไท่มาถามเขา เขาคิดว่าพักที่ชุมชนตระกูลจางแค่คืนเดียว จึงไม่ได้ใส่ใจ และเห็นด้วยกับการจัดการของหลี่ไท่ ให้คนครัวกับคนงานที่จะไปรับใช้พวกเขาที่ภูเขามังกรเมฆไปที่ภูเขามังกรเมฆก่อนหนึ่งวัน เตรียมการล่วงหน้า แบบนี้ตอนที่พวกเขาไปถึงภูเขามังกรเมฆก็มีน้ำแกงร้อนกับน้ำร้อนแล้ว
เขานั่งลงที่ขอบเตียง และรับผ้าเช็ดหน้าที่อิ้นไฉ่ยื่นมาไปเช็ดหน้าให้เจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนหน้าแดง และรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยว่า “ข้าทำเอง!”
หลี่เชียนก็ไม่ฝืนใจเช่นกัน รอนางเช็ดหน้าเสร็จแล้ว ก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อิ้นไฉ่ แล้วลูบศีรษะของเจียงเซี่ยน ความรู้สึกเสียใจฉายวาบผ่านไปในดวงตาอย่างเบาบาง และเอ่ยเสียงเบาว่า “ทำให้เจ้าลำบากแล้ว”
เจียงเซี่ยนรู้มาโดยตลอดว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
ในเมื่อนางแต่งงานกับหลี่เชียนแล้ว เช่นนั้นตระกูลหลี่เป็นอย่างไร นางก็ใช้ชีวิตอย่างนั้น ตอนที่รู้สึกลำบากก็แอบให้สิ่งที่ดีเลิศกว่าปกติแก่ตนเอง
ได้ยินหลี่เชียนเอ่ยเช่นนี้ นางปรายตามองหลี่เชียนครั้งหนึ่ง
สายตานั้น เหมือนทั้งโกรธและตำหนิ แถมยังเจือความงดงามและน่ารักเล็กน้อย
หลี่เชียนใจสั่น แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและโอบเจียงเซี่ยนไว้ในอ้อมแขน เขาจูบบนศีรษะนาง แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว ดีหรือไม่?”
คนที่อยู่ตรงหน้านี้รู้ใจนางเช่นนี้ ราวกับมุดเข้าไปดูในใจนาง แล้วจะให้นางไม่เชื่อเขาและไม่ชอบเขาได้อย่างไร
เจียงเซี่ยนยิ้มตาหยี และพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ใส่ใจ
หลี่เชียนรู้สึกได้ว่าเจียงเซี่ยนพิงเขา จึงกระชับมือกอดเจียงเซี่ยนแน่นขึ้น
“เป่าหนิง” เขารับประกันกับนาง “อย่างมากที่สุดข้ามาเยี่ยมเจ้าได้ทุกเจ็ดวัน หากเจ้าอยู่ที่บ้านและรู้สึกไม่สนุก ลองสั่งปิงเหอก็ได้ ให้ชีกูพาเจ้าไปเดินเล่นแถวนั้น ข้าจำได้ว่าที่นั่นยังมีลำธารเล็กๆ สามารถตกปลาได้ ตอนเด็กๆ ที่ข้าตามท่านพ่อไป ยังเคยลงไปจับปลาในแม่น้ำด้วย ปลานั้นล้วนตัวไม่ใหญ่ แต่รสชาติกลับอร่อยมาก จะทำน้ำแกงปลาหรือใช้น้ำมันทอดก็อร่อยมาก ข้างๆ ยังมีผักป่า ถึงเวลานั้นสามารถให้ท่านอาหนิวหาลูกชายหรือลูกสาวที่รู้จักผักป่าพาเจ้าไปได้ ยำรสชาติดีมาก และคลายร้อนแก้ร้อน”
“ข้าอยู่ที่นั่นคนเดียวจะสนุกอะไร?” เจียงเซี่ยนถอนหายใจในใจ และพึมพำเสียงเบาอยู่ตรงนั้น
หลี่เชียนหูไว จึงได้ยินชัดมาก
เพราะอยู่กับเขา ดังนั้นเส้นทางที่มาซานซีลำบากกว่านี้ร้อยเท่า นางก็อดทน
เพราะไม่มีเขาแล้ว ต่อให้ทิวทัศน์ของภูเขามังกรเมฆดีแค่ไหนก็ไม่ทำให้นางสนใจ
เขาอดไม่ได้ที่จะจูบบนศีรษะของเจียงเซี่ยนอีกครั้ง และเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าจะมาเยี่ยมเจ้าทุกห้าวัน ไว้ข้าจัดการงานที่ไท่หยวนเรียบร้อยแล้ว จะมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าชั่วคราว”
ไปภูเขามังกรเมฆต้องใช้เวลาสองวัน ต่อให้หลี่เชียนเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า ก็ต้องใช้เวลาสองวันอยู่ดี จริงๆ แล้วเขาอยู่ไท่หยวนได้เพียงสามวัน
เจียงเซี่ยนทนไม่ได้ที่จะเขาลำบากขนาดนั้น จึงเอ่ยว่า “เจ้ามาเยี่ยมข้าทุกแปดวันแล้วกัน ข้าจะได้ใช้โอกาสนี้ตั้งใจฝึกเขียนตัวอักษรพอดี”
ครั้งก่อนจั่วอี่หมิงตอบจดหมายนาง วิพากษ์วิจารณ์ลายมือของนางอย่างอ้อมค้อมมาก สิบปีเหมือนวันเดียวไม่มีความก้าวหน้าใดๆ
นางตัดสินใจว่าต้องล้างความอับอาย
หลี่เชียนไม่อยากแยกกับนางแม้แต่เค่อเดียว ทว่าก็รู้ว่าหากตนเองอยากไปภูเขามังกรเมฆทุกสามวันจริงๆ มีเรื่องของตระกูลจวงแทรกอยู่ตรงกลาง เขายังไม่กล้ารับประกันจริงๆ
“เช่นนั้นถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ!” เขาเอ่ยอย่างคลุมเครือ แต่ในใจกลับตัดสินใจว่าหากว่างก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนเจียงเซี่ยน
——————————————————-
เกาเมี่ยวหรงกำลังนั่งอยู่ในห้องพักของฮูหยินเหอ นางช่วยพวกเสี่ยวฮุ่ยเก็บของ พลางทำหน้ามุ่ยและบ่นกับฮูหยินเหอว่า “ข้ายังคิดว่าท่านหญิงรู้ว่าข้าตามท่านไปภูเขามังกรเมฆด้วยเสียอีก? แต่ดูท่าทางของท่านหญิง เหมือนจะไม่รู้อะไรเลย!”
ฮูหยินเหอลำบากใจเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเอ่ยว่า “ข้าเคยถามท่านหญิงแล้ว ท่านหญิงให้ข้าตามสบาย ข้าก็คิดว่าไม่ควรทิ้งเจ้าไว้ที่ไท่หยวนคนเดียว เจ้าตามพวกเราไปภูเขามังกรเมฆ จะได้อยู่เป็นเพื่อนท่านหญิงกับตงจื้อด้วย”
เกาเมี่ยวหรงได้ยินแล้วความไม่เป็นธรรมชาติก็ฉายวาบผ่านไปบนหน้าอย่างเบาบาง
ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือเปล่า นางมักจะรู้สึกว่าตั้งแต่งานเลี้ยงวันเกิดของคุณหนูสามตระกูลซือ ความสัมพันธ์ของนางกับหลี่ตงจื้อจู่ๆ ก็กลายเป็นเริ่มห่างเหินเล็กน้อย ทว่าจะบอกว่าห่างเหินตรงไหนกันแน่นั้น นางก็บอกไม่ถูกในชั่วขณะ
ฮูหยินเหอเปลี่ยนเรื่อง โดยเริ่มเอ่ยถึงเรื่องการเรียนของหลี่ตงจื้อกับนาง
เกาเมี่ยวหรงทำจิตใจให้สดชื่น และคุยเป็นเพื่อนฮูหยินเหอ
การเก็บเสียงของโรงเตี๊ยมต่างไม่ดี เสียงของชีกูดังมาจากข้างนอก “…เช่นนั้นก็รบกวนแม่นมไปสักครั้งแล้ว”
“ไม่รบกวน ไม่รบกวน” คนที่พูดเป็นแม่บ้านที่ทำงานหนักคนหนึ่งข้างกายฮูหยินเหอ “หายากที่ท่านจะถูกใจฝีมือของข้า ข้าไม่มีอะไรจะพูด แต่ขอให้ท่านวางใจ ข้าไม่มีฝีมืออื่น ทว่าบะหมี่ที่ทำทุกคนกลับชอบกิน ข้าจะรับใช้ท่านหญิงอย่างดีอย่างแน่นอน...”
ฮูหยินเหออดที่จะเอ่ยอย่างแปลกใจไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เสี่ยวฮุ่ยรีบออกไปสอบถาม เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ย้อนกลับมา แล้วยิ้มพลางรายงานฮูหยินเหอว่า “คุณชายใหญ่บอกว่าท่านหญิงหิวแล้ว และสั่งให้ทำบะหมี่หมูเส้นให้ท่านหญิง จึงมีคนแนะนำแม่นมคนหนึ่งของพวกเราให้ชีกูเจ้าค่ะ”
————————————–