มู่หนานจือ - บทที่ 355 กลัดกลุ้ม
ฮูหยินเหอเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “นี่ยังไม่ได้รับประทานอาหารเย็นไม่ใช่หรือ? ต่อให้อยากกินบะหมี่ อาหารเย็นก็ทำบะหมี่ก็ได้ ทำไมยังต้องหาคนไปทำบะหมี่ให้ท่านหญิงโดยเฉพาะอีก?”
อาหารเย็นของพวกนางก็ไม่ได้พึ่งพาโรงเตี๊ยมทั้งหมดเช่นกัน หากคนครัวของโรงเตี๊ยมฝีมือดี ก็จะรับประทานอาหารเย็นในโรงเตี๊ยม หากฝีมือไม่ดี ก็จะให้โรงเตี๊ยมทำแค่อาหารหลักเล็กน้อย แล้วพวกนางจะใช้กับข้าวที่นำมาจากบ้านเป็นเครื่องเคียง หากในโรงเตี๊ยมแม้แต่อาหารหลักก็ทำไม่ดี ก็อาจจะขอให้ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในเมืองส่งอาหารมาโต๊ะหนึ่ง
การที่อีกไม่นานก็จะรับประทานอาหารเย็นแล้ว ทว่าจู่ๆ กลับหาคนในตระกูลไปช่วยทำบะหมี่แบบนี้…ทั้งวุ่นวายและรบกวนคน พบเห็นได้น้อยมากทีเดียว!
เกาเมี่ยวหรงยิ้มพลางเอ่ยว่า “แปลกนิดหน่อย…”
“ท่านพี่อาจจะกลัวพี่สะใภ้ไม่ชินกับอาหารและน้ำกระมัง!” หลี่ตงจื้อที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ มาตลอดเอ่ยอย่างกะทันหัน ขัดจังหวะเกาเมี่ยวหรงที่ยังพูดไม่จบ “ไม่อย่างนั้นท่านพี่ก็คงจะไม่ให้แม่บ้านในตระกูลช่วยทำบะหมี่แล้ว”
ฮูหยินเหอพยักหน้า
เกาเมี่ยวหรงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “หากไม่ชินกับอาหารและน้ำ หาแม่บ้านในตระกูลไปทำบะหมี่ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดีนี่นา! อย่างไรก็ต้องใช้น้ำกับหม้อของโรงเตี๊ยมกระมัง?”
หลี่ตงจื้ออึ้งไป
เสี่ยวฮุ่ยเม้มปากยิ้ม และเอ่ยว่า “คุณหนูเกาพูดถูกแล้วจริงๆ! คุณชายใหญ่ยังสั่งให้เด็กรับใช้อุ้มน้ำแร่ภูเขาที่พวกเรานำมาชงชาจากไท่หยวนไปถังหนึ่งด้วย บอกว่าจะต้มบะหมี่ให้ท่านหญิงเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเหอหัวเราะ และเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่ช่างใส่ใจจริงๆ และท่านหญิงก็โชคดีจริงๆ!” นึกถึงตนเองแต่งงานกับหลี่ฉางชิงมาตั้งหลายปี ไม่เคยมีช่วงเวลาที่รักใคร่ปรองดองกันแบบนี้เลย ก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าเศร้าหมอง และไม่มีอารมณ์คุยกับเกาเมี่ยวหรงและหลี่ตงจื้อแล้ว
นางโบกมือ และเอ่ยกับทั้งสองคนว่า “พวกเจ้าก็เหนื่อยมาตลอดทางแล้วเช่นกัน รีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผม และล้างหน้า เดี๋ยวแม่นมเหมียวจัดอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้ากินแล้วก็รีบพักผ่อน พรุ่งนี้บ่ายพวกเราก็ถึงบ้านแล้ว”
ทั้งสองคนขานรับพร้อมกัน แล้วลุกขึ้นคารวะ และออกจากห้องพักที่ฮูหยินเหออยู่
เกาเมี่ยวหรงถามหลี่ตงจื้อว่า “เจ้าจะมารับประทานอาหารที่ห้องข้าหรือไม่?”
เพราะระหว่างเดินทาง แต่ละเรื่องไม่สะดวก หลี่เชียนอยากดูแลเจียงเซี่ยนด้วยตนเอง จึงให้พ่อบ้านที่ติดตามมาสั่งลงไปว่า ทุกคนต่างคนต่างรับประทานอาหารในห้องของตนเอง
หลี่ตงจื้อเอ่ยว่า “ไม่ต้องแล้ว ข้ารับปากท่านป้ากับพี่หญิง ว่าจะรับประทานอาหารกับพวกนางแล้ว”
เกาเมี่ยวหรงก็ยิ้มและแยกกับหลี่ตงจื้อ
หลี่ตงจื้อไปยังสถานที่ที่ป้าเหออยู่
ทว่าเสี่ยวเหอสาวใช้ประจำตัวนางกลับหันกลับไปเหลือบมองเกาเมี่ยวหรงทีหนึ่งอย่างเร็วมาก และกระซิบบอกข้างหูหลี่ตงจื้อว่า “คุณหนูเกากลับห้องแล้ว พวกเรายังจะไปหาท่านป้าไหมเจ้าคะ?”
เมื่อครู่นี้ป้าเหอยังส่งแม่นมข้างกายมาถามหลี่ตงจื้อว่าจะรับประทานอาหารกับพวกนางหรือไม่ ตอนนั้นหลี่ตงตื้อปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมแล้ว พอเกาเมี่ยวหรงชวน จู่ๆ นางก็บอกว่าจะไปหาป้าเหออีก...ต่อให้เสี่ยวเหอเป็นคนโง่ก็ดูออกเช่นกันว่าเวลานี้หลี่ตงจื้อไม่ค่อยชอบเกาเมี่ยวหรงแล้ว
หลี่ตงจื้อนึกถึงสิ่งที่เกาเมี่ยวหรงเอ่ยในห้องของฮูหยินเหอแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดมาก ไม่อยากอยู่คนเดียว จึงตัดสินใจว่าทำผิดแล้วก็ทำผิดต่อไป และไปหาป้าเหอ
คุยกับท่านป้าและพี่หญิงสักหน่อย จะได้อารมณ์ดีขึ้น
แน่นอนว่าป้าเหอเจอหลี่ตอจื้อย่อมประหลาดใจมาก นางอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ทำไมเจ้าถึงมาอีกล่ะ?”
หลี่ตงจื้อไม่พูดอะไร เพียงแค่ถามป้าเหอว่าอาหารเย็นวันนี้กินอะไร?
“เจ้าเด็กคนนี้!” ป้าเหอเอ่ยอย่างไม่พอใจ และยังอยากถามอีก แต่เหอถงเหนียงขัดขวางไว้ “ท่านแม่ รีบให้สาวใช้ไปดูว่าเย็นนี้กินอะไรเถอะ? ข้าเป็นคนเรียกตงจื้อมาเอง ข้าอยากคุยกับนางหน่อย ท่านก็อย่าบ่นเลย! ท่านรู้นี่ว่าข้าไม่ชอบกินผักดองที่สุดแล้ว หากวันนี้ใช้กับข้าวเป็นอาหาร ท่านก็ช่วยไปสั่งอาหารที่พวกเราต่างชอบกินจากร้านอาหารข้างนอกให้พวกเราสักสองสามอย่างเถอะ!”
ลุงเหอได้รับพรสวรรค์ของตระกูลเหอ จึงทำการค้าเก่งมาก หลายปีนี้ก็ช่วยจัดการงานต่างๆ ให้ตระกูลหลี่ไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นตระกูลเหอจึงไม่ขาดแคลนเงิน ป้าเหออยู่ที่ตระกูลหลี่มีชื่อเสียงในเรื่องความใจกว้าง หลี่ตงจื้อมาแล้ว เพิ่มอาหารสักสองสามอย่างก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลย
ป้าเหอไปสั่งหญิงรับใช้อย่างมีความสุขแล้ว
เหอถงเหนียงรับหลี่ตงจื้อเข้าไปในห้องชุดเล็กที่ตนเองอยู่ และถามหลี่ตงจื้อว่า “เพราะคุณหนูเกาอยู่ในห้องของแม่เจ้า เจ้าไม่สนุก จึงเปลี่ยนใจมาหาพวกเราอย่างกะทันหันหรือเปล่า?”
“เปล่า!” หลี่ตงจื้อเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “ทำไมท่านถึงคิดแบบนั้น? พี่เกาออกมาจากห้องของท่านแม่พร้อมข้า นางกลับห้องตนเองแล้ว”
เหอถงเหนียงก็เบ้ปาก และเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่คิดว่านางจะชอบอยู่ข้างกายท่านอาตลอดเวลา ก็เหมือนครั้งนี้ ท่านอาเพียงแค่ถามนางว่าอยากไปกับพวกเราหรือไม่ นางก็ตอบตกลงทันทีเลย”
หลี่ตงจื้อแก้ต่างให้ฮูหยินเหอว่า “นางมาอยู่ที่ตระกูลหลี่ พวกเราต่างออกไปหลบร้อนข้างนอก อย่างไรก็ไม่อาจทิ้งนางไว้ที่บ้านคนเดียวได้ ดังนั้นท่านแม่ถึงถาม”
“ดังนั้นข้าถึงรู้สึกว่านางมีปัญหานิดหน่อยอย่างไรเล่า!” เหอถงเหนียงเอ่ยว่า “หากเป็นข้า ต่อให้คนอื่นชวนข้า ข้าก็จะไม่ไปด้วยความสมัครใจ!”
หลี่ตงจื้อไม่เอ่ยสิ่งใด
เหอถงเหนียงพึมพำว่า “เมื่อก่อนข้ารู้สึกว่านางดีมากทีเดียว หน้าตาสวย นิสัยดี แถมยังมีความรู้ แล้วก็อ่อนโยนกับคน แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกว่านางเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้ว…มักจะรู้สึกว่าไม่สนิทมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว…ตงจื้อ เจ้ารู้สึกแบบนี้หรือไม่?”
“ไม่!” หลี่ตงจื้อเอ่ย โดยตอบเร็วเล็กน้อย
——————————————————–
เจียงเซี่ยนไม่รู้ว่าบะหมี่ชามหนึ่งของตนเองจะทำให้เกิดเรื่องมากขนาดนี้
บะหมี่ถ้วยนั้นที่ชีกูหาคนมาทำเผ็ดเล็กน้อย ทำให้คนกินแล้วเจริญอาหารมาก
เจียงเซี่ยนให้ไป่เจี๋ยมอบอั่งเปาหนึ่งซองให้เป็นรางวัลแก่แม่บ้านคนนั้น
พอแม่บ้านคนนั้นเปิดดู เป็นแท่งเงินเล็กๆ สี่เฟิน ก็ดีใจจนอวดไปทั่ว
ก็มีแม่บ้านดูถูกนาง “เจ้าเพิ่งจะรู้หรือ! ท่านหญิงทำอะไรไม่ใช่ใจกว้างธรรมดา ครั้งก่อนแม่บ้านฉินไปย้ายดอกไม้ให้ท่านหญิง เห็นดอกไม้กระถางนั้นกิ่งไม้และใบไม้หนาแน่น กลัวจะทำกลีบดอกไม้นั้นขาด จึงอุ้มกระถางดอกไม้นั้นไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวังมาก ตอนที่วางลงไปยังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบโคลนที่กระเด็นออกมาตอนรดน้ำให้สะอาดด้วย บังเอิญถูกท่านหญิงเห็นเข้า ท่านหญิงก็มอบอั่งเปาหนึ่งซองให้เป็นรางวัล และข้างในก็มีแท่งเงินเล็กๆ คู่หนึ่งเหมือนกัน…ขอเพียงทำงานให้ท่านหญิงได้ดี และถูกท่านหญิงเห็นเข้า ก็เคยได้รับรางวัลจากท่านหญิงทั้งนั้น”
คำพูดนี้ไม่ส่งผลต่อความดีใจของแม่บ้านคนนั้น นางเถียงว่า “ถึงอย่างไรข้าก็ได้รางวัลจากท่านหญิง นี่เป็นเรื่องจริง” แล้วก็ขี้เกียจที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับพวกคนที่ไม่บรรลุเป้าหมายและอ้างว่าไม่ดีหรือตนเองไม่ต้องการเพื่อทำให้ความรู้สึกหดหู่ของตนเองสมดุลแล้วเช่นกัน จึงวิ่งไปรายงานฮูหยินเหออย่างเร็วมาก
หลี่เชียนถึงรู้ว่าเจียงเซี่ยนใช้เงินมือเติบขนาดนี้
เขานึกถึงเงินก้อนนั้นที่เจียงเซี่ยนให้เขา…เขาให้คนชงน้ำผึ้งให้เจียงเซี่ยน ให้นางแก้เผ็ด และเอ่ยว่า “เป่าหนิง ครั้งนี้พวกอวิ๋นหลินจะนำสินค้าจากทางฝูเจี้ยนไปยังเสฉวน ถึงเวลานั้นพวกเราจะเจอกันที่เสฉวน เก็บเงินส่วนหนึ่งเอาไว้หมุนในยามปกติ หากเจ้าขาดแคลนเงิน อย่าลืมบอกข้า”
แม้เจียงเซี่ยนจะมีสินเดิมมาก ทว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นที่ดินกับของโบราณ
เขากลัวว่าเงินสดของเจียงเซี่ยนจะไม่พอ
เจียงเซี่ยนเม้มปาก และเอ่ยรอยยิ้มว่า “เจ้าวางใจเถอะ ตอนที่ไม่มีเงินข้าจะหาเจ้าอย่างแน่นอน ใครใช้ให้เจ้าเป็นสามีข้าล่ะ”
หลี่เชียนชอบฟังคำพูดนี้
เขาลูบศีรษะของเจียงเซี่ยน และไปกินอาหารเย็นของตนเองอย่างอารมณ์ดีมาก
เจียงเซี่ยนแอบหัวเราะ
หลี่เชียนคงจะใช้เงินที่หามาได้ในสองครั้งนี้ซื้อเหล็กดิบจากกัวหย่งกู้กระมัง?
ไปเสฉวนเที่ยวหนึ่งไม่ง่าย แน่นอนว่าซื้อได้เท่าไรก็พยายามซื้อให้มากหน่อย
เรื่องนี้…ยังต้องบอกเซี่ยหยวนซีสักหน่อย
————————————–