มู่หนานจือ - บทที่ 357 ตระกูลหนิว
บ้านที่ตั้งอยู่ที่ภูเขามังกรเมฆของตระกูลหลี่ใหญ่มาก แบ่งเป็นสามส่วน ฝั่งตะวันออกเป็นห้องพักแขก ฝั่งตะวันตกเป็นเรือนด้านใน เรือนด้านหลังตรงกลางเป็นห้องหลัก ในความคิดของเจียงเซี่ยน คล้ายกับการจัดวางของพระราชวังต้องห้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านหลังบ้าน ยอดเขาทับซ้อนกัน มองแล้วมีความเย็นมาปะทะหน้า เป็นสถานที่หลบร้อนที่ดีจริงๆ
เจียงเซี่ยนถูกจัดให้อยู่เรือนซวงซิ่งทางฝั่งตะวันตก
ฮูหยินเหอไม่ได้อยู่ที่ห้องหลัก แต่อยู่ที่หอเตี๋ยชุ่ยด้านหลังฝั่งตะวันออก โดยอยู่ร่วมกับป้าเหอ หลี่ตงจื้อ เหอถงเหนียง และเกาเมี่ยวหรง ส่วนหลี่หลิน หลี่จี้ และหลี่จวีอยู่ที่เรือนส่วงเฟิงด้านหน้าฝั่งตะวันออก
ในวังคนน้อยห้องเยอะ จึงเงียบเหงามาก เจียงเซี่ยนชินตั้งนานแล้ว ตอนที่เพิ่งแต่งเข้าตระกูลหลี่ ยังรู้สึกว่าบ้านของตระกูลหลี่คับแคบไปหน่อย เวลานี้มาอยู่ฝั่งตะวันออกที่กว้างขวางอีกครั้ง จึงรู้สึกว่าหายใจสะดวกขึ้นมากทีเดียว
หลี่เชียนดูออกว่านางมีความสุข จึงยิ้มพลางถามนางว่า “ชอบอยู่บ้านหลังใหญ่หรือ?”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แค่ชินเท่านั้นเอง!”
หลี่เชียนยิ้มและพยักหน้า โดยไม่พูดอะไร ทว่ากลับจำไว้ในใจแล้ว
คนครัวทำอาหารกลางวันเสร็จตั้งนานแล้ว ห้องครัวบอกให้สาวใช้มาขอให้เจียงเซี่ยนบอกว่า จะรับประทานอาหารเมื่อไร
ถึงแม้พวกไป่เจี๋ยจะยังจัดบ้านอยู่ แต่เก็บกวาดห้องพักผ่อนทางฝั่งตะวันออกเสร็จก่อนแล้วเพื่อให้เจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนพักผ่อน
เจียงเซี่ยนได้ยินก็ให้พวกนางยกมาทางนี้ และเอ่ยว่า “แล้วทางฮูหยินจัดการอย่างไร?”
“ฮูหยินบอกว่าไม่อยากกินข้าว คุณหนูใหญ่ให้ห้องครัวเตรียมข้าวต้มถั่วเขียว ไว้ตอนที่ฮูหยินอยากกินค่อยยกเข้าไป พวกเสี่ยวฮุ่ยดูแลให้ฮูหยินพักผ่อนแล้ว” คนที่มารายงานเจียงเซี่ยนคืออิ้นไฉ่ นางเอ่ยอย่างคล่องแคล่วว่า “ท่านป้าเหอ คุณหนูเหอ และคุณหนูเกาต่างก็รู้สึกเหนื่อยมากเช่นกัน แค่อยากกินข้าวต้มนิดหน่อย ในห้องครัวเตรียมข้าวต้มไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว กินคู่กับอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างหัวไชเท้าดอง ถั่วลิสงใส่เครื่องเทศทั้งห้า และแตงกวาดอง หากท่านป้า คุณหนูใหญ่ คุณหนูเหอ และคุณหนูเการู้สึกว่าไม่ดี ค่อยปรึกษากันและให้ห้องครัวเปลี่ยนรายการอีกที”
จัดการได้ละเอียดรอบคอบมาก
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และถามหลี่เชียนว่า “เช่นนั้นพวกเราก็กินข้าวต้มสักนิดแล้วกัน?”
แน่นอนว่าหลี่เชียนย่อมไม่มีความเห็นต่าง
อิ้นไฉ่ยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” และกำลังจะตั้งโต๊ะ ทว่าปิงเหอกลับเข้ามารายงานว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านหญิง นายท่านเก้าหนิวมาแล้วขอรับ”
เจียงเซี่ยนมองหลี่เชียนอย่างไม่เข้าใจ
หลี่เชียนอธิบายกับนางว่า “หนิวหวาพี่น้องร่วมสาบานของท่านพ่อ เพราะลำดับที่เก้า ทุกคนจึงพากันเรียกเขาว่านายท่านเก้าหนิว หลายปีมานี้เขาช่วยพวกเราเฝ้าบ้านหลังนี้มาโดยตลอด คนข้างนอกยังคิดว่าเขาเป็นเจ้าของบ้าน จงรักภักดีต่อท่านพ่อมาก ทำงานก็ค่อนข้างมีระเบียบเช่นกัน ก่อนที่พวกเราจะมาท่านพ่อเคยเขียนจดหมายให้เขา ในจดหมายบอกว่าจะมาถึงวันนี้ คิดว่าเขาจะต้องได้ยินข่าวอะไรจึงรีบมาอย่างแน่นอน”
เจียงเซี่ยนจำคนๆ นี้เอาไว้
แต่ชาติก่อนนางไม่เคยได้ยินชื่อคนๆ นี้เลย
นายท่านเก้าหนิวผู้นี้น่าจะหายไปกับฝูงชนแล้ว
หลี่เชียนไปพบหนิวหวาที่เรือนด้านหน้าตรงกลาง เจียงเซี่ยนสั่งให้อิ้นไฉ่เตรียมอาหารกลางวัน
ไม่นาน ชีกูก็เข้ามารายงานว่า “ท่านหญิง ท่านแม่ทัพบอกว่า ภรรยาของนายท่านเก้าหนิวพาลูกสาวมา อยากมาคารวะท่านเจ้าค่ะ!”
นี่คือตระกูลที่สนิทสนมกันมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวของตระกูลหลี่!
เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “รีบเชิญเข้ามา”
อิ้นไฉ่ไปเชิญคนเข้ามา
นายหญิงหนิวดูเป็นผู้หญิงที่กำลังอยู่ในวัยสาวและสวย หน้าตางดงามมาก ส่วนลูกสาวดูเหมือนอายุสิบสองสิบสามปี รูปร่างหน้าตางดงาม หน้าตาสวยกว่ามารดาเล็กน้อย เสียดายที่หน้าตามีความเย่อหยิ่งจองหองที่ปิดไม่มิด จึงทำให้คนยากที่จะรู้สึกชอบได้
สองแม่ลูกคารวะนางอย่างเคารพนบนอบ
เจียงเซี่ยนให้สาวใช้ยกที่นั่งมาให้พวกนาง และพูดคุยกับนายหญิงหนิวเล็กน้อยอย่างสุภาพและมีมารยาท ฉิงเค่อเตรียมของที่จะตกรางวัลพร้อมแล้ว เจียงเซี่ยนจึงให้ฉิงเค่อเอาให้คุณหนูหนิว “ของเล่นเล็กน้อย ขอให้คุณหนูหนิวอย่าได้รังเกียจ”
“ขอบคุณท่านหญิงมาก!” นายหญิงหนิวขอบคุณ
ทว่าคุณหนูหนิวกลับแลดูไม่เห็นด้วย นางรับของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกที่เจียงเซี่ยนให้นางไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว พลางยืนฟังนายหญิงหนิวกับเจียงเซี่ยนคุยกันอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอย สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
เป็นเด็กสาวที่ถูกตามใจจนเสียคนแล้ว
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะถามนายหญิงหนิวว่า “คุณหนูหนิวยังมีพี่น้องหรือไม่?”
“ไม่มีเจ้าค่ะ!” นายหญิงหนิวตอบ สีหน้าแลดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ข้ากับสามีมีลูกแค่นางคนเดียว”
มิน่าเล่า!
เจียงเซี่ยนยิ้มและเปลี่ยนเรื่อง
หลี่เชียนส่งปิงเหอมา บอกว่าจะให้หนิวหวาอยู่รับประทานอาหารกลางวัน
แบบนี้เจียงเซี่ยนก็ต้องให้นายหญิงหนิวกับคุณหนูหนิวอยู่รับประทานอาหารกลางวัน
เจียงเซี่ยนสั่งให้ฉิงเค่อไปบอกในห้องครัว และเชิญนายหญิงหนิวกับคุณหนูหนิวไปดื่มชาในโถงบุปผา
นายหญิงหนิวขอบคุณด้วยเสียงอ่อนโยนอย่างแผ่วเบา
แต่คุณหนูหนิวกลับระเบิดอารมณ์ทันที โดยตะโกนใส่นายหญิงหนิวว่า “ท่านบอกว่ามาคารวะก็กลับไม่ใช่หรือ? ทำไมยังต้องอยู่กินข้าวอีก? ข้าไม่อยากอยู่กินข้าวที่นี่! ข้าจะกลับบ้าน!”
นายหญิงหนิวลำบากใจมาก นางดึงลูกสาวพลางหลอกล่อเสียงเบาว่า “กินข้าวแล้วพวกเราก็กลับไป!”
“ข้าจะกลับไป!” คุณหนูหนิวไม่ไว้หน้ามารดาของตนเองแม้แต่นิดเดียว สีหน้าหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว “ท่านไม่รักษาคำพูด! ข้าจะกลับไป!”
ฮูหยินหนิวโกรธ และเรียกเหมือนเตือนว่า “หนิวเป่าจู!”
ทว่าคุณหนูหนิวกลับไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว และลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกทันที “ข้ากลับแล้ว!”
ฮูหยินหนิวโกรธจนตัวสั่น นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและดึงแขนของลูกสาวไว้ แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องตามข้าออกไปข้างนอกอีกแล้ว อยู่ในบ้านตลอดไปเลย!”
สีหน้าของคุณหนูหนิวเปลี่ยนเป็นดูแย่มากทันที
เจียงเซี่ยนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรสักนิด จึงยิ้มพลางแก้หน้าให้นายหญิงหนิว “คุณหนูคงจะมีธุระอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นท่านพาคุณหนูหนิวกลับไปเถอะ ตอนที่ข้าอายุเท่าคุณหนูหนิวก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ไม่ชอบออกไปเข้าสังคมกับผู้ใหญ่ อยากจะนอนอ่านนิยายอยู่บนเตียงทุกวัน”
“เอ๋!” คุณหนูหนิวมองเจียงเซี่ยน สีหน้าอ่อนลงมาก
ผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ได้ชอบอ่านนิยายเหมือนไป๋ซู่ใช่หรือไม่?
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม
หน้าของนายหญิงหนิวแดงจนเหมือนเลือดจะหยดลงมาได้แล้ว
“เช่นนั้นข้ากับนางขอตัวก่อน” นางกลัวว่าลูกสาวจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก เสียหน้าไปหมดเกลี้ยงแล้ว เอ่ยกับเจียงเซี่ยนอย่างเกรงใจด้วยความกระวนกระวายใจเล็กน้อย นางกับคุณหนูหนิวก็ขอตัวก่อน
เจียงเซี่ยนเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
นางยิ้มพลางส่ายหน้า และถามฉิงเค่อว่า “นายท่านเก้าหนิวไม่กลับหรือ?”
ฉิงเค่อส่งคนไปถาม ไม่นานก็มาตอบนางว่า “ไม่กลับเจ้าค่ะ กำลังดื่มกับท่านแม่ทัพอย่างมีความสุขอยู่เลย!”
เขาไม่รู้ว่าภรรยากับลูกสาวของตนเองกลับแล้วอย่างนั้นหรือ?
เจียงเซี่ยนส่ายหน้า และคิดว่านายท่านเก้าหนิวก็เป็นคนที่มีความสามารถเช่นกัน
นางรับประทานอาหารกลางวันคนเดียว และไปนอนที่ห้องด้านในที่เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่น ก็ถูกทับจนหายใจไม่ออกจึงตื่นขึ้นมา
พอลืมตามอง หลี่เชียนที่ดื่มเหล้ามากำลังกึ่งทับอยู่บนตัวนาง และหอมแก้มนางอย่างเมาเล็กน้อย
เจียงเซี่ยนโกรธมาก จึงผลักเขาออก
หลี่เชียนหัวเราะ และฉวยโอกาสนอนลงข้างกายนาง พลางจับมือนางโดยไม่สนใจการขัดขืนของนาง และเรียกว่า “เป่าหนิง” แล้วเอ่ยว่า “ข้าโชคดีจริงๆ! ที่ได้เจอเจ้า และแต่งงานกับเจ้า…”
เจียงเซี่ยนหน้าร้อนผะผ่าว และตวาดด่าเขาเสียงเบาว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไรอีก? รีบไปดื่มน้ำแกงสร่างเมาไป”
“ไม่ไป! ข้าไม่ไป!” หลี่เชียนจับมือของนางไว้ไม่ปล่อย “เจ้าป้อนข้า ข้าถึงดื่ม!”
“เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องดื่มแล้วกัน!” เจียงเซี่ยนพูดไป หน้าร้อนมาก แต่กลับลุกขึ้นนั่งและเรียกให้ฉิงเค่อไปยกน้ำแกงสร่างเมามา
———————————