มู่หนานจือ - บทที่ 360 ต่างคนต่าง
สุดท้ายเจียงเซี่ยนกินหมั่นโถวแผ่นเล็กในจานของหลี่เชียน หลี่เชียนกินเนื้อที่เจียงเซี่ยนย่างให้เขา เพียงแต่หมั่นโถวแผ่นเล็กกรอบอร่อยถูกปาก ทว่าเนื้อกลับชิ้นเล็กไปหน่อย ทั้งสองหัวเราะเรื่องนี้กันนานมาก หลี่เชียนก็ห้ามเจียงเซี่ยนไปปิ้งย่าง ให้นางนั่งอยู่ใต้ต้นฉัตรจีนต้นใหญ่ข้างๆ แล้วเขาย่างพวกอาหารมังสวิรัติที่จืดชืดมาให้เจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนกินอย่างเอร็ดอร่อยมาก เห็นหลี่จวีโรยผงยี่หร่าลงบนวัตถุดิบที่ตนเองย่างไม่หยุด ก็อดที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “อากาศร้อนขนาดนี้ พวกเรากินแบบนี้ จะต้องเป็นร้อนในอย่างแน่นอน”
“ไม่หรอก” หลี่เชียนยกมะเขือยาวมาอีก และยิ้มพลางเอ่ยว่า “เจ้ากินแต่อาหารมังสวิรัติ”
ทว่าหลี่เชียนกลับไม่ได้กินดี เขามัวแต่ย่างของให้นางกิน
“ข้ากินไม่ลงแล้ว” เจียงเซี่ยนรับมะเขือยาวไป และส่งสัญญาณให้หลี่เชียนกิน “วันนี้กินเยอะเกินไปแล้ว”
เยอะกว่าที่นางกินปกติ
หลี่เชียนไม่กล้าบังคับนาง กลัวว่านางจะไม่สบาย จึงให้เจียงเซี่ยนถือจานไว้ และกินมะเขือยาวอย่างรวดเร็ว
เจียงเซี่ยนก็กำชับเขาว่า “เจ้าย่างเนื้อให้ตนเองเยอะหน่อย”
หลี่เชียนชอบกินเนื้อ
“รู้แล้ว!” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และถือจานกลับไปที่เดิม
เกาเมี่ยวหรงที่กำลังย่างเนื้ออยู่ก็เอ่ยว่า “หือ” และเอ่ยว่า “ท่านพี่หลี่เชียน ท่านหญิงไม่กินแล้วหรือ?”
หลี่เชียนยิ้มพลางขานรับ และเดินไปหาพวกหลี่หลิน
หลี่จวีรีบเอ่ยว่า “ท่านพี่ ข้าย่างเนื้อให้ท่านเยอะมากเลย”
หลี่เชียนยิ้มพลางขอบคุณเขา
เขาวิ่งไปหยิบเครื่องปรุงมาให้หลี่เชียนอย่างดีใจมาก และถามหลี่เชียนอย่างประจบประแจงว่า “ท่านพี่ อยากเติมอันไหน?”
“เจ้าคิดว่าอันไหนอร่อยก็เติมอันนั้นให้ข้า” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เมื่อก่อนตอนที่ติดตามกองทัพไปทำสงคราม ไม่เคยกินอะไรบ้าง?
เขาเติบโตในค่ายทหารตั้งแต่เด็ก จึงไม่จุกจิกเรื่องอาหารการกิน
หลี่หลินได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมา และขยิบตาให้หลี่เชียน พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าเป็นพี่น้องกับเจ้ามาเกือบยี่สิบปี ยังไม่รู้ว่าเจ้ามีความสามารถนี้ด้วย มิน่าเล่าท่านหญิงถึงสามารถใช้ชีวิตที่ซานซีกับเจ้าได้อย่างสบายใจ! นี่ก็เป็นความสามารถเช่นกัน!” เอ่ยถึงตอนท้าย เขาก็แสร้งทำเป็นถอนหายใจ
“มีแต่เจ้านี่แหละที่พูดเก่ง!” หลี่เชียนที่วัยรุ่นยังฝึกความหน้าด้านของชาติก่อนไม่สำเร็จ เวลานี้จึงอดไม่ได้ที่จะถองหลี่หลินอย่างเขินอายเล็กน้อย
หลี่หลินหัวเราะ
หลี่จี้ที่ย่างและกินอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างเงียบๆ เช่นกัน
เกาเมี่ยวหรงก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่รู้ว่าท่านพี่หลี่หลินพูดอะไร? ถึงทำให้ท่านพี่หลี่เชียนหัวเราะไม่หยุด”
หลี่ตงจื้อพลิกปิ้งย่างในมืออย่างกลุ้มใจ เหมือนไม่ได้ยิน จึงไม่พูดอะไร
ส่วนเหอถงเหนียงมองไปที่พวกหลี่เชียนหลายครั้ง สุดท้ายก็เอ่ยว่า “อาจจะพูดเรื่องตลกกระมัง”
แล้วก็ข้ามเรื่องนี้ไป
จนกระทั่งพวกเขากินได้พอประมาณแล้ว ไป่เจี๋ยพาพวกสาวใช้นำจับเลี้ยงมาให้ และเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “จับเลี้ยงที่ท่านแม่ทัพสั่งให้พวกเราต้มเจ้าค่ะ และจับเลี้ยงนี้เคยให้ท่านหมอฉางดูแล้ว ท่านหมอฉางบอกว่าท่านดื่มได้ แต่ห้ามดื่มมาก ดื่มได้เพียงถ้วยเล็กแค่นี้ ท่านลองดูเจ้าค่ะ!”
นางเอ่ยจบก็ยื่นจับเลี้ยงถ้วยเล็กมา
น้ำชาสีอำพันกระเพื่อมอยู่ในถ้วยเครื่องเคลือบสีขาว
นางถามไป่เจี๋ยว่า “ชานี้ต้มจากยาหรือ?”
“ใช่แล้ว!” คนที่ตอบนางกลับเป็นหลี่เชียนที่ไม่รู้ว่าเดินมาตั้งแต่เมื่อไร
ไป่เจี๋ยรีบย่อตัวคารวะ
หลี่เชียนนั่งลงข้างกายนางอีกครั้ง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นเครื่องดื่มของทางก่วงตงและฝูเจี้ยน...ที่นั่นอากาศร้อนมาก ทุกคนก็ต้มชาแบบนี้เป็นเครื่องดื่มคลายร้อน จะได้ไม่เป็นไข้แดด ตอนที่ข้าเพิ่งเริ่มไปไม่ยอมดื่ม ตอนหลังถูกท่านพ่อบังคับให้ดื่มสองสามครั้ง ก็ค่อยๆ ชินกับรสชาตินี้แล้ว”
เจียงเซี่ยนจิบคำเล็กๆ ขมจนเกือบจะพ่นออกมา
หลี่เชียนก็หยอกนางว่า “ดื่มนิดเดียวแค่นี้ วันนี้เจ้ากินของปิ้งย่าง ระวังจะเป็นร้อนใน”
เจียงเซี่ยนทำหน้ากลุ้มและดื่มจับเลี้ยง
ไม่รู้ว่าหลี่เชียนเสกพวกผลซิ่งเชื่อมที่นางชอบที่สุดออกมาจากไหน “กินแล้วเปลี่ยนรสชาติ”
เจียงเซี่ยนกินติดกันสามชิ้นถึงจะหยุด ทว่าพอนางหยุด และเงยหน้าขึ้นกลับพบว่าสายตาของหลี่ตงจื้อ เหอถงเหนียง และเกาเมี่ยวหรงต่างจับจ้องมาที่นาง เจียงเซี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย
หลี่ตงจื้อมองพวกเขาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน สายตาทอประกายแสงแห่งความสุข
แต่เหอถงเหนียงกลับทำหน้าอิจฉามาก แล้วเหลือบมองไปทางเตาปิ้งย่างของพวกหลี่หลินอย่างไวมาก
มีแต่เกาเมี่ยวหรงที่เม้มปากยิ้ม และหันหน้าไปถามหลี่หลินด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “พวกท่านกินอิ่มหรือยัง? พวกเราจะไปนั่งใต้ต้นไม้สักครู่หรือไม่”
สถานที่ที่พวกเขาเลือกปิ้งย่างอยู่บนเนินเล็กๆ จากบนเนินเล็กๆ มองลงไป สามารถมองเห็นลานบ้านบางส่วนที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางป่าได้ เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ จึงล้อมด้วยเหล่าต้นไม้ใหญ่ที่ใหญ่ขนาดหนึ่งคนโอบและวางพวกม้าหินกับโต๊ะหินให้คนพักผ่อนอย่างสะเปะสะปะ เวลานี้ลมเย็นพัดเบาๆ อีก พัดจนคนเย็นสบายและสดชื่น ข้อเสนอของนางจึงได้รับการตอบรับจากทุกคนทันที ผู้หญิงอยู่ด้วยกัน ผู้ชายอยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างหาที่นั่ง
เจียงเซี่ยนถึงพบว่านางกับหลี่เชียนนั่งอยู่ระหว่างคนสองกลุ่ม
นี่อาจจะเป็นเพราะแต่งงานแล้ว
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย และปล่อยให้สายลมที่เย็นสบายปะทะหน้าเบาๆ
หลี่เชียนเห็นนางสีหน้าเต็มไปด้วยความพอใจและสบายใจ ก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน แล้วสั่งให้ไป่เจี๋ยนำจับเลี้ยงไปให้คนอื่น และชงน้ำผึ้งให้เจียงเซี่ยนถ้วยหนึ่ง
หลี่หลินหัวเราะ ในเสียงหัวเราะมีความหยอกล้ออย่างปรารถนาดี
หลี่เชียนไม่สนใจ
แต่เจียงเซี่ยนกลับหน้าแดงอีก และอดที่จะรู้สึกมีความสุขไม่ได้
ทุกคนคุยไปคุยไป หลี่หลินก็เอ่ยถึงเรื่องที่จะเชิญสตรีเข้ามาเล่านิทานในจวน
หลี่จวีก้าวออกมาเป็นคนแรก และเอ่ยว่า “ไปเล่านิทานที่โถงบุปผาทางฝั่งท่านแม่ ตรงนั้นเย็นสบาย!”
“ที่ที่เย็นสบายที่สุดในจวนน่าจะเป็นศาลาริมน้ำกระมัง?” เกาเมี่ยวหรงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ตรงฝั่งตะวันออกมีศาลาริมน้ำ”
“จริงหรือ!” หลี่จวีเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ และหันไปถามหลี่เชียนว่า “ที่นั่นพายเรือได้หรือไม่? มีฝักบัวให้เก็บหรือไม่?”
เห็นได้ชัดว่ายังไม่เดินเล่นเรือนของตนเองจนรู้ก็ถูกลากมาปิ้งย่างแล้ว
เจียงเซี่ยนยิ้ม
“พายเรือได้ และเก็บบัวได้” หลี่เชียนยิ้มพลางตอบหลี่จวีว่า “แต่หากพวกเจ้าจะไปพายเรือ ต้องบอกฮูหยินสักหน่อย พาสาวใช้กับแม่บ้านข้างกายไปด้วย แล้วข้าจะจัดพวกสาวใช้ที่ว่ายน้ำเป็นให้รับใช้อยู่ข้างๆ แม้จะเป็นหน้าร้อน แต่หากตกลงไปในสระบัว ก็เป็นหวัดได้ง่ายมากเช่นกัน แถมหวัดในฤดูร้อนรักษายากกว่าหวัดในฤดูหนาวมาก”
หลี่เชียนที่บ่นแบบนี้ ก็เป็นหลี่เชียนที่เจียงเซี่ยนไม่เคยเห็นอีก
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่า หลี่เชียนเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง ทุกครั้งที่นางคิดว่าตนเองอ่านจบแล้ว ทว่าพอพลิกหน้าไป ก็มีเนื้อหาใหม่อีก
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับหลี่เชียนที่เป็นแบบนี้ นางคงจะไม่มีวันเบื่อกระมัง?
เจียงเซี่ยนมองหลี่เชียนที่รูปร่างผอมเพรียว และรู้สึกว่าบนโลกนี้ไม่มีบุรุษที่หล่อมากกว่าเขาแล้ว
นางมองหลี่เชียนด้วยสายตาหลงใหลเล็กน้อย
เกาเมี่ยวหรงหันหน้าไป กลับเจอกับสายตาที่มองมาของหลี่หลินพอดี
นางยิ้มอย่างสุภาพและเหมาะสม
แต่หลี่หลินกลับหันหน้าไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ทุกคนคุยกันอีกครู่หนึ่ง ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
หลี่เชียนเสนอให้กลับไป แน่นอนว่าทุกคนไม่มีความเห็นต่าง และลงจากเนินไปด้วยกัน
เหอถงเหนียงหน้าตากลัดกลุ้ม และเกือบจะก้าวพลาดจนล้มลงบนพื้น หากไม่ใช่ว่าหลี่ตงจื้อดึงไว้ทัน ก็คงจะต้องเชิญหมอแล้ว
นางหน้าแดงและขอโทษทุกคน เหมือนจะร้องไห้ออกมา
พวกเจียงเซี่ยนพากันปลอบใจนางเล็กน้อย ทว่านางก็ยังคงรู้สึกหดหู่มากอยู่ดี
———————————–