มู่หนานจือ - บทที่ 361 ป่วย
ผู้หญิงบางคนอ่อนไหวมากโดยธรรมชาติ เรื่องที่เล็กน้อยก็สามารถทำให้นางรู้สึกหดหู่และเสียใจนานมากได้
เจียงเซี่ยนทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้เพียงส่งสัญญาณให้หลี่ตงจื้อดูแลเหอถงเหนียงให้มาก แล้วนางก็กลับเรือนกับหลี่เชียน
ถึงอย่างไรพวกปิ้งย่างก็ไม่ใช่อาหารจริงๆ เจียงเซี่ยนอิ่มแล้ว แต่หลี่เชียนยังคงหิวอยู่ เจียงเซี่ยนจึงกินข้าวในห้องพักผ่อนเป็นเพื่อนหลี่เชียน แล้วทั้งสองคนถึงจะนั่งดื่มชาตรงทางเดินด้วยกัน
แสงจันทร์อันสุกสกาวส่องในลานบ้าน ดอกปิ่นหยกส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลในอากาศ ทั้งสองคนคุยกันเสียงเบา บรรยากาศทั้งรักใคร่กลมเกลียวและอบอุ่น ทำให้เจียงเซี่ยนอยากจะให้เวลาหยุดอยู่ตอนนี้ ให้นางกับหลี่เชียนได้สบตากันแบบนี้ตลอดไป
หลี่เชียนก็เหมือนจะรู้สึกเช่นกัน เขาจูงมือนางไปเดินเล่นข้างศาลาริมน้ำ
เจียงเซี่ยนกลัวยุง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอากาศแบบนี้ ทว่าแรงดึงดูดในการเดินเล่นเคียงข้างกันกับหลี่เชียนมีมากเกินไป นางครุ่นคิดเล็กน้อยก็ตกลง
แต่หลี่เชียนกลับสั่งให้ปิงเหอไปหยิบลูกบอลหลิงหลงมา และแขวนไว้ตรงเอวให้นาง
เจียงเซี่ยนถามว่า “นี่คืออะไร?”
นางอดไม่ได้ที่จะหยิบลูกบอลหลิงหลงขึ้นมาดู
ลูกบอลหลิงหลงลูกนั้นทำจากไม้ไผ่ และขัดจนเกลี้ยงเกลา ไม่รู้ว่าข้างในใส่อะไรไว้ มันส่งกลิ่นที่บอกไม่ถูก ทั้งไม่ทำให้คนชอบและไม่ทำให้คนเกลียดออกมา
หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยาเม็ดโกฐจุฬาลัมพา!”
ยาเม็ดโกฐจุฬาลัมพาใช้สำหรับป้องกันยุง
เจียงเซี่ยนไม่ถามก็รู้ว่าสิ่งนี้ใช้สำหรับทำอะไรแล้วเช่นกัน
หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าเป็นคนขอให้ท่านหมอฉางช่วยทำให้ ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร วันนี้จะได้ลองดูพอดี”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่คล้องแขนของหลี่เชียนเอง
หลี่เชียนยิ้ม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และคุยเล่นกับเจียงเซี่ยน พลางไปที่ศาลาริมน้ำ
ศาลาริมน้ำในตอนกลางคืน ดอกไม้โรยไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทว่ากลิ่นหอมอันเข้มข้นของดอกบัวกลับยังคงกระจายไปรอบด้านเช่นเดิม ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ไม่คิดอะไรทั้งนั้น พวกเขาค่อยๆ เดินเล่นไปตามทางเดินหินของสระบัวอย่างเงียบๆ รอบหนึ่ง ถึงจะกลับห้องไปหวีผมและล้างหน้า
คืนนั้นเจียงเซี่ยนไม่ได้นอนหงายอย่างเรียบร้อยเหมือนเช่นเคย แต่นอนตะแคงกอดเอวของหลี่เชียน ฝังศีรษะไว้ในอ้อมกอดของเขา และหลับไปอย่างเร็วมาก
จู่ๆ หลี่เชียนก็คิดว่า ในเมื่อเขารับปากตระกูลเจียงแล้วว่าจะไม่แตะต้องเจียงเซี่ยนก่อนที่เจียงเซี่ยนจะอายุครบสิบห้าปีเต็ม เช่นนั้นการที่เขาร่วมเรียงเคียงหมอนกับเจียงเซี่ยนก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีมากนัก…
เจียงเซี่ยนไม่ฝันทั้งคืน ตอนเช้าก็ตื่นแต่เช้า และปลุกหลี่เชียนที่ยังคงนอนอยู่ “เจ้าตื่นเร็ว! เจ้าบอกว่าวันนี้ต้องรีบกลับไท่หยวนไม่ใช่หรือ? หากสายเกินไป ก็เข้าประตูเมืองไม่ได้แล้ว”
ตั้งแต่แต่งงานกัน นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่เชียนตื่นหลังเจียงเซี่ยน
เขาลืมตา และยิ้มพลางเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “อรุณสวัสดิ์”
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับตกตะลึงกับรอยยิ้มและสายตาที่อบอุ่นปนอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยของเขา ครู่ใหญ่ถึงจะได้สติกลับมา แต่กว่านางจะได้สติกลับมา หลี่เชียนก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าบ้วนปากแล้ว
เดี๋ยวเขาก็จะจากไปแล้ว…
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
ตั้งแต่นางมาซานซี ยังไม่เคยแยกกับหลี่เชียนเลย
นางตามหลี่เชียนไปที่ห้องน้ำ แล้วพิงอยู่หน้าประตูพลางคุยกับเขา “ตอนเช้ากินอะไร? มีบะหมี่กับข้าวต้ม เสบียงอาหารของพวกเจ้าเมื่อวานข้าสั่งให้พวกฉิงเค่อเตรียมเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางพวกเจ้าก็อย่ารับประทานอาหารที่ร้านอาหารเล็กๆ ข้างทางเลย ของที่ร้านอาหารทำได้ไม่ดีเท่าที่บ้าน...”
เจียงเซี่ยนกำลังพูดอยู่ แต่สายตากลับจับจ้องไปที่หน้าของหลี่เชียนอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
นางถึงพบว่าใต้ตาของหลี่เชียนคล้ำเล็กน้อย
“นี่เจ้าเป็นอะไรไป?” เจียงเซี่ยนเดินไปหาโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ และยกมือลูบดวงตาของหลี่เชียนทันที “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ?”
“พอใช้ได้!” หลี่เชียนตอบอย่างคลุมเครือเล็กน้อย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าตามข้าเข้ามาทำไม? ไปดูสิว่าอาหารเช้าเสร็จหรือยัง? รับประทานอาหารเช้าแล้วข้าก็ต้องไปแล้ว กว่าจะได้เห็นเจ้าอีกตั้งหลายวัน!”
เมื่อก่อนหลี่เชียนไม่เคยให้นางทำเรื่องพวกนี้
เจียงเซี่ยนรู้สึกสงสัย จึงสบตาหลี่เชียนตรงๆ และเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจ้าไม่เป็นไรจริงๆ หรือ? วันนี้เจ้าต้องขี่ม้าทั้งวันนะ!”
“ข้าไม่เป็นไรจริงๆ!” หลี่เชียนตอบไป แต่ในใจกลับอดที่จะคิดไม่ได้ว่า หากเมื่อคืนเจียงเซี่ยนไม่พลิกไปพลิกมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาเหมือนโรตี เขาจะหลับตอนฟ้าสว่างได้อย่างไร
“รีบไปเตรียมของออกไปข้างนอกให้ข้าเถอะ” หลี่เชียนแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างไม่พอใจ ทว่าตอนที่เห็นริมฝีปากแดงเปล่งปลั่งของเจียงเซี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะฉกจูบทีหนึ่ง
เจียงเซี่ยนหน้าแดงเหมือนเมฆหลากสี และไม่มีเวลาสนใจที่จะซักไซ้เรื่องใต้ตาดำของหลี่เชียนแล้วเช่นกัน นางหันตัวและเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
รับประทานอาหารเช้าแล้ว หลี่เชียนก็บอกลาฮูหยินเหอ และพาพวกผู้ติดตามจากไป
เจียงเซี่ยนเหมือนถูกสูบวิญญาณ ทำอะไรก็รู้สึกเบื่อ
ทว่าพวกหลี่หลินกลับเล่นอย่างเต็มที่ ไม่เพียงแต่พายเรือกับตกปลาที่สระบัวข้างศาลาริมน้ำ ทว่ายังไปเก็บแตงโมกับลูกพลัมของคนอื่นในหมู่บ้านข้างๆ กินด้วย หลี่ตงจื้อบอกว่า พวกเขาเหยียบผักที่คนอื่นปลูกไว้ในดินพังหมด ดีที่ชดใช้เงินไม่น้อยให้ครอบครัวเกษตรกรเหล่านั้นแล้ว ครอบครัวเกษตรกรเหล่านั้นไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ยังยินดีให้พวกเขาไปเก็บแตงโมกับลูกพลัมในที่ดินของครอบครัวเกษตรกรเหล่านั้นมากด้วย
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็ยิ้มตลอด และถามหลี่ตงจื้อว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าได้ไปหรือไม่?”
“ท่านแม่ไม่ให้!” หลี่ตงจื้อเอ่ย “บอกว่าไม่มีเด็กสาวของตระกูลไหนที่บ้าอยู่ข้างนอกทุกวันเหมือนเด็กผู้ชาย”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “เช่นนั้นสองสามวันนี้พวกเจ้าทำอะไรอยู่?”
นางไม่อยากไปไหนทั้งนั้น จึงบอกฮูหยินเหอ และนอนอ่านหนังสือนิยายที่ขามาเอามาจากเมืองไท่หยวนอยู่บนเตียงตลอดเวลา
หลี่ตงจื้อเอ่ยอย่างรังเกียจเล็กน้อยว่า “เหมือนกับตอนอยู่ไท่หยวน ทุกวันหากไม่เขียนหนังสือก็ท่องหนังสือ ไม่สนุกแม้แต่นิดเดียว”
นางพูดจาสบายๆ มาก และไม่ปิดบังแม้แต่ความรู้สึกของตนเองกับเจียงเซี่ยน เหมือนเห็นเจียงเซี่ยนเป็นพี่สาว นี่ทำให้เจียงเซี่ยนประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าคนที่ทำให้คนประหลาดใจมากกว่าคือเหอถงเหนียง ไม่เจอเพียงแค่ไม่กี่วัน นางดูเหมือนผอมลงนิดหน่อย และใจลอยเล็กน้อย นางคุยกับหลี่ตงจื้อนานมาก นางก็เหม่อลอยนานมาก เจียงเซี่ยนอยากดึงนางเข้ามาในวงสนทนา แต่นางฝืนคุยกับพวกนางสองสามคำ ก็เริ่มเหม่อลอยอีก
เจียงเซี่ยนอดที่จะมองหลี่ตงจื้อไม่ได้ ความนัยที่แฝงในนั้นคือเหอถงเหนียงเป็นอะไรไป?
หลี่ตงจื้อส่ายหน้า ส่งสัญญาณบอกว่าตนเองไม่รู้
เจียงเซี่ยนจึงจำเป็นต้องตามใจนาง
หลี่ตงจื้อบอกเจียงเซี่ยนว่า หลายวันนี้เกาเมี่ยวหรงเล่นไพ่เป็นเพื่อนฮูหยินเหอกับป้าเหอตลอด และถามเจียงเซี่ยนว่าจะไปเล่นด้วยหรือไม่
“อากาศร้อนเกินไปแล้ว ข้าไม่อยากขยับตัว” เจียงเซี่ยนเอ่ย
หลี่ตงจื้ออดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองนอกหน้าต่างที่ต้นไม้แน่นขนัดจนบดบังแสงอาทิตย์ และถอนหายใจอย่างแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน โดยไม่เอ่ยถึงเรื่องเล่นไพ่อีก และใช้เวลาอยู่ที่เรือนของนางทั้งบ่าย จนกระทั่งรับประทานอาหารเย็นแล้วถึงจะกลับไป
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นตอนที่รับประทานอาหารเที่ยง เจียงเซี่ยนได้ยินข่าวว่าเหอถงเหนียงป่วย แถมอาการป่วยรุนแรง ฮูหยินเหอกับป้าเหอส่งคนไปเชิญหมอในเมืองที่อยู่ใกล้ที่นี่ที่สุดแล้ว
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็รีบไปเยี่ยมเหอถงเหนียง
เหอถงเหนียงนอนอยู่บนเตียง หน้าร้อนจนแดงก่ำ ป้าเหอนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ ตลอด
กว่าจะได้เจอหมอก็ไม่ง่ายเลย กินยาไปห้าชุด เหอถงเหนียงก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ป้าเหอพนมมือ พลางท่องอมิตตาพุทธติดกันหลายครั้ง และตัดสินใจไปแก้บนที่วัดกับฮูหยินเหอ
เกาเมี่ยวหรงอาสาไปวัดเป็นเพื่อนฮูหยินเหอกับป้าเหอ หลี่หลินได้ยินแล้วก็ลากหลี่จี้ไปคุ้มกันพวกฮูหยินเหอไปวัดด้วยกัน
ฮูหยินเหอก็รู้สึกแบบนี้ค่อนข้างเหมาะสมเช่นกัน และถามเจียงเซี่ยนว่าจะไปหรือไม่
————————————