มู่หนานจือ - บทที่ 365 ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
เจียงเซี่ยนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ และพลันคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด จึงลองหยั่งเชิงว่า “เก็บเงินที่ทดแทนแรงงานเกณฑ์ไม่ได้ พวกเจ้าคงจะไม่ได้แอบเล่นตุกติกใช่หรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ!” ปิงเหอเชิดคางขึ้นอย่างภูมิใจเล็กน้อย “ไม่อย่างนั้นคนพวกนั้นจะใจกล้าขนาดนั้นได้อย่างไร ทำให้ใต้เท้าจวงเก็บเงินกลับมาไม่ได้แม้แต่อำเภอเดียว!”
เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ติงหลิวไม่มีทางที่จะไม่สนใจอย่างแน่นอน
เจียงเซี่ยนพึมพำว่า “เช่นนั้นทางตระกูลจวงมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?”
ปิงเหอลูบศีรษะ และเอ่ยว่า “เหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรขอรับ!”
นี่ไม่ปกติ
ใต้เท้าจวงสามารถเป็นถึงผู้ช่วยผู้ว่าราชการมณฑลได้ ก็ไม่มีทางจะเป็นคนโง่ เรื่องราวชัดเจนขนาดนี้ ต่อให้เขาไม่ไปร่ำไห้ร้องทุกข์กับติงหลิว ก็ควรจะโต้แย้งกับตระกูลหลี่เช่นกันว่าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น…
เจียงเซี่ยนถามปิงเหอ “ช่วงนี้ตระกูลจวงมีงานเลี้ยงหรือแขกที่ค่อนข้างพิเศษมาหรือไม่?”
ปิงเหอคิดแล้วเอ่ยว่า “งานเลี้ยง…สองวันก่อนแม่ยายของใต้เท้าจวงฉลองวันเกิด ถึงแม้ตระกูลจวงจะไม่ได้ไปอวยพรวันเกิดให้ฮูหยินเฒ่าด้วยตนเอง แต่จัดพ่อบ้านไปส่งของขวัญวันเกิด ว่ากันว่าล้อรถนั้นกดพื้นจนเป็นรอย ทุกคนยังบอกว่า ครั้งนี้ตระกูลจวงลงทุนเยอะมาก...”
เขายังพูดไม่จบ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นในใจของเจียงเซี่ยนแล้ว
นางเอ่ยแทรกปิงเหอว่า “เรื่องนี้ท่านแม่ทัพของพวกเจ้าว่าอย่างไร?”
“เรื่องอวยพรวันเกิดหรือขอรับ?” ปิงเหอพูดอยู่ นัยน์ตาก็ฉายแววเจ้าเล่ห์อีกครั้ง “ท่านแม่ทัพของพวกเราบอกแล้วว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยสงบ ตระกูลจวงทำตัวเอิกเกริก หากเจอโจรระหว่างทางก็ยุ่งยากแล้ว!”
ก็รู้ว่าเจ้าหมอนี่จะทำแบบนี้!
เจียงเซี่ยนกลืนไม่ค่อยเข้าคายไม่ค่อยออก
ทว่ากลับเป็นห่วงหลี่เชียนมากกว่า
ติงหลิวไม่ช่วยออกหน้าให้ใต้เท้าจวง เช่นนั้นคนที่ใต้เท้าจวงสามารถพึ่งพาได้ในเวลานี้ก็คือน้องชายของภรรยาเขาที่ดำรงตำแหน่งสูงที่เมืองหลวงแล้ว
ฉวยโอกาสที่อวยพรวันเกิดให้แม่ยายส่งของขวัญจำนวนมากไปขอความช่วยเหลือจากน้องชายของภรรยา…หลี่เชียนสามารถขัดขวางได้ครั้งหนึ่ง สามารถขัดขวางครั้งที่สองได้ แต่กลับขัดขวางได้ไม่หมดทุกครั้ง
หากอยากให้เรื่องนี้จบอย่างสมบูรณ์ เวลานี้มีแต่ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ทว่าจะให้ใครไปทำเรื่องนี้ดี?
เจียงเซี่ยนลูบลายพันกิ่งดอกไม้สีเขียวขจีบนถ้วยชาพลางคิด ทันใดนั้นภาพของเฉาเซวียนก็ปรากฏขึ้นในความคิดของนาง
นางลืมคนๆ นี้ไปได้อย่างไร!
ชาติก่อน เขาช่วยงานนางไม่น้อย
แถมยังสามารถทำได้เรียบร้อยและเหมาะสมทุกจุด ตรงใจนางทุกประการ
ชาตินี้ถึงแม้เรื่องราวจะเปลี่ยนไป แต่ความสามารถที่คนๆ หนึ่งมีกลับไม่มีทางเปลี่ยน ทว่าจะเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
จ้าวอี้ว่าราชการด้วยตนเอง ต่อไปเฉาเซวียนจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ก็สู้ให้เฉาเซวียนปรากฏตัวในสนามรบล่วงหน้าดีกว่า ฝึกฝนเร็วหน่อย ก็มีความสามารถในการรักษาชีวิตเอาไว้มากขึ้นเล็กน้อย
เจียงเซี่ยนก็ตัดสินใจอย่างมีความสุขแบบนี้แล้ว
นางเขียนจดหมายให้เฉาเซวียนฉบับหนึ่ง ให้ปิงเหอขอให้คนที่น่าเชื่อถือมากส่งไปยังเมืองหลวง และเอ่ยกับปิงเหอด้วยสีหน้าจริงจังและระมัดระวังว่า “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของตระกูลหลี่ เจ้าต้องระมัดระวังและรอบคอบ หากรู้สึกว่าตนเองไม่มั่นใจ ก็บอกเซี่ยหยวนซี ให้เขาช่วยออกความคิด”
ปิงเหอนึกถึงตั๋วเงินปึกนั้นที่เจียงเซี่ยนให้เซี่ยหยวนซี แล้วก็รู้สึกตื่นเต้นจนจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขายืนตัวตรง และเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ตายหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธ จะไม่ทำให้ฮูหยินผิดหวังอย่างแน่นอนขอรับ”
นี่ก็ไม่ได้ให้เขาไปเป็นหน่วยกล้าตายเสียหน่อย!
เจียงเซี่ยนหัวเราะ และส่งปิงเหอออกไป
แล้วเขียนจดหมายให้หลี่เชียน
ในจดหมายมีแต่เรื่องช่วงนี้นางกินอะไรบ้างดื่มอะไรบ้างและเล่นอะไรบ้าง ส่วนเรื่องที่ให้ปิงเหอส่งจดหมายนั้น ไม่ยอมเอ่ยถึงอย่างเด็ดขาด
—————————————————–
ทว่าตอนที่เฉาเซวียนได้รับจดหมายฉบับนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบด่า ‘แม่’ ในใจ
เจียงเซี่ยนถูกตามใจจนเสียคนแล้วจริงๆ!
นางคิดว่านางเป็นใครกัน?
ถึงใช้เขาเป็นเครื่องมือ!
ทำไมนางไม่ให้สามีของนางมาทำเรื่องนี้ล่ะ?
สามีของคนอื่นไม่ใช่สามีอย่างนั้นหรือ?!
เฉาเซวียนโยนจดหมายไปข้างๆ และไปที่กรมวัง
งานแต่งงานของจ้าวอี้ แค่ปรับปรุงวังคุนหนิงก็ใช้เงินแปดแสนกว่าตำลึงแล้ว แต่ละคนต่างยุ่งมาก
เขาถูกอ๋องเจี่ยนลากไปเป็นแรงงาน พาขุนนางของกรมคลังสองคน รับผิดชอบรายการบัญชีที่จ้าวอี้แต่งงานในครั้งนี้
จ้าวอี้ฉวยโอกาสเสนอว่าจะปรับปรุงวังเฉียนชิงใหม่ด้วย เหตุผลคือตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต วังเฉียนชิงก็ไม่เคยเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกเลย
วังจี่เต้าเตือนจ้าวอี้ว่าท้องพระคลังว่างเปล่า ควรจะใช้ชีวิตประหยัด ทว่าสยงจวิ้นหรงกลับบอกว่างานแต่งงานของฮ่องเต้มีเพียงครั้งเดียว ต่อให้ลำบากแค่ไหน ก็ควรทำให้ฮ่องเต้สมปรารถนา
ทั้งสองคนแยกกันที่ห้องทรงอักษรอย่างไม่สบอารมณ์
แต่เฉาเซวียนกลับจิตใจหนักอึ้ง
เจียงเซี่ยนบอกเขาในจดหมายว่า ถึงเมื่อก่อนสยงจวิ้นหรงจะเพียงแค่อยากช่วยให้จ้าวอี้เป็นฮ่องเต้ที่มีพระปรีชาสามารถเท่านั้น ทว่าหลังจากเขาเข้าสำนักราชเลขาธิการและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัครมหาเสนาบดีและเข้าสู่ราชสำนัก เรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจทำตามเขาได้แล้ว…เขาสามารถเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตไม่เห็นแก่ตัวได้ แต่เหล่าขุนนางใหญ่และลูกศิษย์ที่ติดตามเขาล่ะ? ไม่มีความปรารถนาไม่มีความต้องการ ใครจะติดตามเขา? หากเขาไม่มีผู้ติดตามสักกลุ่ม ทำไมจ้าวอี้จะต้องให้ความสำคัญกับเขา? ทำไมจะต้องให้เขาเข้าสำนักราชเลขาธิการ?
นางพูดถูกทุกอย่าง
เวลานี้สยงจวิ้นหรงคนเดิมเปลี่ยนไปแล้ว
เพื่อแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กับวังจี่เต้า เขาไม่สนใจแคว้นแล้ว หากเป็นสิ่งที่วังจี่เต้าเห็นด้วย เขาก็จะคัดค้าน หากเป็นสิ่งที่วังจี่เต้าคัดค้าน เขาก็จะเห็นด้วย เพียงเพื่อให้วังจี่เต้าเสียหน้าต่อหน้าจ้าวอี้
เฉาเซวียนอดที่จะมองไปทางวังฉือหนิงไม่ได้
ไทฮองไทเฮาเลี้ยงดูเจียงเซี่ยนอย่างไรกันแน่?
นางรู้หรือไม่ว่าตนเองเลี้ยงเฉาไทเฮาน้อยออกมา?
จ้าวอี้เคยรู้จริงๆ หรือไม่ว่าเขาสูญเสียคนแบบไหนไปกันแน่?
หากวันหนึ่งเขารู้ว่าเจียงเซี่ยนเคยทำอะไร จะเสียดายและประนีประนอมกับเฉาไทเฮาหรือไม่?
เฉาเซวียนปะปนไปด้วยหลากหลายความรู้สึกจนบอกไม่ถูก แต่พอเงยหน้ากลับเห็นสยงจวิ้นหรงเดินมาโดยมีเหล่าบัณฑิตจากสำนักฮั่นหลินล้อมอย่างแน่นหนา
เขาคิดแล้วก็หักใจเข้าไปหา
ใครใช้ให้เจียงเซี่ยนบอกในจดหมายว่า ไม่ว่าจะหาวังจี่เต้าหรือสยงจวิ้นหรงก็ได้หมด ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็กำลังจัดตั้งกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมกลุ่มเล็ก ดังนั้นจะต้องไม่ปฏิเสธเขาอย่างแน่นอน ทว่าไม่ว่าอย่างไรตอนนั้นสยงจวิ้นหรงก็เคยสอนเขาเขียนหนังสือเช่นกัน จึงผูกสัมพันธ์ได้ ส่วนวังจี่เต้านั้น จิ้นซื่อยังถูกมองเป็นอนุภรรยา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงญาติทางฝั่งมารดาของฮ่องเต้อย่างเขา อย่างไรสยงจวิ้นหรงก็ยังคุยง่ายหน่อย
——————————————————
แน่นอนว่าเจียงเซี่ยนที่อยู่ไกลยังภูเขามังกรเมฆของซานซีย่อมไม่รู้ถึงความวุ่นวายใจของเฉาเซวียน นางหวีผมและแต่งตัวหน้ากระจกอย่างอารมณ์ดีมาก ลองเสื้อผ้าที่เหล่าสาวใช้ถืออยู่ในมือครั้งแล้วครั้งเล่า ก็รู้สึกไม่พอใจ
เพราะหลี่เชียนจะมาเยี่ยมนางแล้ว
นางเอ่ยกับฉิงเค่อว่า “พวกเราต้องหาช่างตัดเสื้อมาหรือเปล่า ต้องเริ่มตัดเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวแล้วใช่หรือไม่?”
ตามฤดูกาล เวลานี้ในวังก็ต้องตัดเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวแล้วจริงๆ
ฉิงเค่อยิ้มพลางเอ่ยว่า “หลายวันก่อนส่งคนไปสอบถามมาแล้ว มีคนได้รับเลือกสามสี่คน กำลังอยากปรึกษาท่านอยู่เลยเจ้าค่ะ!”
“เช่นนั้นก็เชิญคนเข้ามาให้เร็วที่สุด” เจียงเซี่ยนเอ่ยพลางเลือกเสื้อผ้าสีเหลืองอ่อน รู้สึกว่าแบบนี้สามารถขับให้ผิวของนางแดงเปล่งปลั่งขึ้นเล็กน้อยได้ ทว่าตอนที่นางเริ่มสวมเสื้อผ้า ก็เปลี่ยนใจอีก จึงเอ่ยว่า “อีกสองสามวันดีกว่า…ไว้ท่านแม่ทัพไปแล้ว ข้าว่างไม่มีอะไรทำพอดี ให้พวกช่างตัดเสื้อมาตัดเสื้อผ้าที่บ้าน” พอเอ่ยจบ นางก็ชะงักไปอีกครั้ง และเอ่ยว่า “มีขนาดของท่านแม่ทัพหรือไม่? ต้องตัดให้ท่านแม่ทัพสักสองสามชุดด้วย แล้วก็ฮูหยิน ท่านป้า ตงจื้อ และคุณหนูเหอ อย่าลืมล่ะ!”
ฉิงเค่อยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” และช่วยติดเครื่องประดับผมรูปดอกไม้ไข่มุกที่เลือกออกมาให้เจียงเซี่ยน ถึงจะออกไป
เจียงเซี่ยนก็กึ่งพิงอยู่บนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่างและอ่านนิยายพลางรอหลี่เชียน
————————————-