มู่หนานจือ - บทที่ 366 หลี่เสว่
จนกระทั่งพระจันทร์ขึ้น หลี่เชียนถึงจะกลับมาด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย
ไม่ใช่ว่าหลี่เชียนไม่มีช่วงเวลาที่อ่อนเพลียมาก เพียงแต่ต่อให้เขาอ่อนเพลียมากแค่ไหน ก็จะจัดการความรู้สึกให้เรียบร้อย และปรากฏตัวต่อหน้าเจียงเซี่ยนอย่างเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ปรากฏตัวต่อหน้าเจียงเซี่ยนด้วยสีหน้าอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแบบนี้ เป็นคนมาสองชาติ ก็ยังเป็นครั้งแรก
เจียงเซี่ยนตกใจมาก จนแทบจะกระโจนใส่หลี่เชียน “เจ้าเป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!” หลี่เชียนกอดเจียงเซี่ยน และรู้สึกได้ว่าร่างกายของนางกำลังสั่นไปหมด จึงรีบตบหลังนางเหมือนปลอบใจ พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าไม่เป็นไร แค่อยากกลับมาเร็วหน่อย จึงรีบไปหน่อยเท่านั้น”
เจียงเซี่ยนสังเกตเขาอย่างละเอียดพักหนึ่ง พอเห็นว่าเขาเพียงแค่อ่อนเพลียเล็กน้อยจริงๆ ก็โล่งอก แล้วจูงมือเขาไปที่ห้องด้านใน หลังจากสั่งให้ไป่เจี๋ยไปตักน้ำมาดูแลให้หลี่เชียนเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เรียกให้เซียงเอ๋อร์ไปห้องครัวให้แม่ครัวทำอาหารมาใหม่โต๊ะหนึ่ง
หลี่เชียนรู้ว่าเจียงเซี่ยนจะเป็นห่วงเขา ดังนั้นถึงรีบเดินทางขนาดนี้ ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนจะร้อนใจขนาดนี้ เห็นเขากลับมาช้า ก็แทบจะร้องไห้แล้ว
มีแต่คิดถึงคนๆ หนึ่งอย่างจดจ่ออยู่ตลอดเวลาเท่านั้นถึงจะเป็นแบบนี้
หลี่เชียนใจอ่อนยวบ แล้วก็รู้สึกผิดต่อเจียงเซี่ยน
เขาอดไม่ได้ที่จะดึงเจียงเซี่ยนมานั่งข้างกายเขา แล้วลูบผมของนางเบาๆ พลางเรียกอย่างลังเลว่า “เป่าหนิง”
เจียงเซี่ยนเห็นเขาเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้อีก จึงเดาว่าอาจจะเกี่ยวกับที่เขากลับช้า นางสงสารที่เขาลำบาก ไม่อยากแกล้งเขา จึงยิ้มและเอ่ยปากก่อน “เจ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆ! ข้าไม่ใช่ผู้หญิงที่อัปลักษณ์และชั่วร้ายเสียหน่อย เจ้ายังกลัวว่าข้าจะกินเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ?”
หลี่เชียนยิ้มออกมา พลางมองเจียงเซี่ยนที่ผิวขาวราวกับหิมะใต้แสงไฟ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะลูบหน้าของนาง และเอ่ยเสียงเบาว่า “หากเจ้าเป็นผู้หญิงที่อัปลักษณ์และชั่วร้ายก็ดี อย่างมากที่สุดทะเลาะกัน ชนะก็พอ เจ้าเป็นแบบนี้ ข้ากลับทำให้เจ้าโกรธ โมโห ทำร้ายร่างกาย…”
เรื่องอะไรสามารถทำให้นางโมโหได้?
หรือว่าจะเป็นข้อพิพาทที่เกิดจากความรักในอดีตของเขาอย่างนั้นหรือ?
นอกจากนี้แล้ว ยังมีอะไรสามารถทำให้นางโมโหได้อีก!
เจียงเซี่ยนหายใจติดขัด และเสียใจอยู่ลึกๆ ที่เมื่อครู่ตนเองพูดเร็วเกินไป…
หลี่เชียนเหมือนอารมณ์ไม่ดีมาก จึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของเจียงเซี่ยน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยว่า “เจ้ายังจำที่ข้าเคยบอกเจ้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ก่อนที่ท่านลุงจะเสียชีวิต แต่งงานกับท่านป้าหลายปีก็ไม่มีลูก จึงเก็บเด็กคนหนึ่งกลับมา ชื่อหลี่เสว่…”
“จำได้สิ!” สิ่งที่หลี่เชียนบอกนาง นางจำได้หมด
เพียงแต่คนที่ชื่อหลี่เสว่นี้ไม่ปรากฏตัวตอนที่นางแต่งงาน คิดว่าคงเกิดอะไรขึ้น ทว่านางก็ไม่อาจถามอะไรมากได้ ตอนหลังจึงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
“หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางอย่างนั้นหรือ?” เจียงเซี่ยนถาม
หลี่เชียนเอ่ยอย่างลังเลว่า “ตอนที่พวกเราไปฝูเจี้ยน นางหมั้นแล้ว เป็นตระกูลที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับพวกเรา ท่านพ่อไม่รู้ว่าพวกเราจะไปฝูเจี้ยนนานแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมาได้หรือไม่ จึงให้พี่หญิงกับพี่เขยแต่งงานกัน หลังจากพวกเขาแต่งงานก็ใช้ชีวิตสุขสบายทีเดียว ยังมักจะได้รับจดหมายที่พี่หญิงฝากคนนำมาอยู่บ่อยๆ ด้วย แต่พอพวกเรากลับถึงซานซีถึงรู้ว่า ที่แท้พี่เขยป่วยตายไปตั้งแต่สามปีก่อน ส่วนลูกชายคนหนึ่งกับลูกสาวคนหนึ่งที่พี่หญิงให้กำเนิดก็ตายแล้วเหมือนกัน…”
เจียงเซี่ยนตกตะลึง และเอ่ยว่า “เจ้าไปจัดการที่บ้านของพี่เขยเจ้ามาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เวลานี้ตระกูลหลี่เป็นขุนนาง ต่อให้หลี่เสว่หมั้นกับตระกูลที่ยากจนและฐานะต่ำต้อยแค่ไหน ตามหลักแล้วครอบครัวสามีของหลี่เสว่ก็ไม่กล้าแย้งตระกูลหลี่
“ใช่แล้ว!” หลี่เชียนลูบหน้าผากอย่างอ่อนเพลีย และเอ่ยเสียงเบาว่า “ลูกสาวที่แต่งออกไปเหมือนน้ำที่สาดออกไป ตระกูลของพวกเขาอยากให้พี่หญิงรักษาพรหมจรรย์ พี่หญิงก็ยอม เดิมทีเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ ตระกูลของพวกเราจึงไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้เช่นกัน แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากตระกูลของพวกเขารู้ว่าตอนนี้ท่านพ่อเป็นแม่ทัพซานซี แถมข้ายังแต่งงานกับท่านหญิง ก็อยากให้พี่หญิงแต่งงานกับพ่อหม้ายที่อายุเกือบห้าสิบปีในตระกูลของเขา พี่หญิงไม่ยอม…”
เจียงเซี่ยนตกตะลึง และเอ่ยว่า “อย่างน้อยที่สุดปีนี้พี่หญิงก็เป็นผู้หญิงที่กำลังอยู่ในวัยสาวและสวยใช่หรือไม่?”
“อืม!” หลี่เชียนฝืนยิ้มพลางพยักหน้า “ปีนี้พี่หญิงยี่สิบแปดแล้ว”
เจียงเซี่ยนถูกเจตนาร้ายนี้ทำร้ายอีกครั้งแล้ว จึงเอ่ยอย่างโมโหว่า “พวกเขาช่างคิดออกมาได้จริงๆ!”
“ดังนั้น…” หลี่เชียนมองเจียงเซี่ยน และเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยว่า “ข้าไม่ได้ปรึกษาเจ้า ก็รับคนกลับมาแล้ว แต่ข้าไม่ให้นางเข้ามาอยู่ ทว่าจัดให้นางอยู่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมือง ไว้พรุ่งนี้ข้ากลับไปค่อยพานางไปไท่หยวน…”
เขาอยากเจอเจียงเซี่ยนเร็วหน่อย จึงมาภูเขามังกรเมฆก่อน
เจียงเซี่ยนไม่เข้าใจ
นางแต่งงานเป็นเรื่องมงคล คนที่เป็นหม้ายต้องหลบเลี่ยง
แต่พวกนางแต่งงานกันเกือบสองเดือนแล้วไม่ใช่หรือ?
หลี่เชียนเอ่ยว่า “พวกเราต้องกลับบ้านเกิดไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และบันทึกชื่อลงในบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายประจำตระกูล ถึงจะถือว่าเสร็จสิ้นพิธีแต่งงาน”
ที่แท้ก็รู้สึกผิดกับนางเรื่องนี้หรือ!
เจียงเซี่ยนถอนหายใจยาวเหยียด ในใจเหมือนย้ายหินก้อนใหญ่ออกไปทันที และรู้สึกสบายใจขึ้น “พามาแล้วก็พามาแล้วสิ! แต่ก็ทิ้งคนไว้ในโรงเตี๊ยมแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน ข้าว่าแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะให้ไป่เจี๋ยไป ไม่ ให้ชีกูกับไป่เจี๋ยไปด้วยกันดีกว่า เด็กสาวอย่างไป่เจี๋ยอาจจะคุยกับพี่หญิงไม่รู้เรื่อง ชีกูเหมาะสมกว่าไป่เจี๋ย ข้าจะให้พวกนางสองคนไปด้วยกัน ดูว่าพี่หญิงต้องการอะไรหรือไม่ พวกเราจะได้ดูแล ส่วนกลับถึงไท่หยวน ข้าว่าเจ้าต้องปรึกษาเรื่องนี้กับท่านพ่อ ดูว่าท่านพ่อคิดอย่างไร หากสามารถรับกลับมาได้จะดีที่สุด ในบ้านก็ไม่ขาดแคลนอาหารสามมื้อกับเสื้อผ้าสี่ฤดูของนางเช่นกัน”
นางเติบโตมากับพวกผู้หญิงที่เป็นหม้ายตั้งแต่เด็ก จึงรู้ความทุกข์ของคนเหล่านี้ดีที่สุด ตอนหลังนางก็กลายเป็นคนที่เป็นหม้ายเหมือนกัน จึงรู้สึกมากขึ้น และสงสารผู้หญิงแบบนี้ที่สุด
“ขอบคุณมาก!” หลี่เชียนอดไม่ได้ที่จะจับมือของนาง และขอบคุณนางเสียงเบา
คนที่เป็นหม้ายไม่มงคล ไม่ใช่ทุกครอบครัวจะยอมรับลูกสาวแบบนี้กลับมาอยู่บ้านถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นสะใภ้กับภรรยาของน้องชาย กลัวว่าจะส่งผลต่อการแต่งงานของลูกๆ ส่วนใหญ่จึงไม่ยอม
“พูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ?” เจียงเซี่ยนยิ้มและปัดมือของเขาออก แล้วเอ่ยว่า “นี่พี่หญิงยอมอย่างนั้นหรือ? แต่จะว่าไปแล้ว พี่เขยกับลูกเสียไปอย่างไร เจ้าได้ไปสืบหรือไม่?”
“สืบแล้ว!” หลี่เชียนถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “พี่เขยขึ้นไปตัดฟืนบนเขาในฤดูหนาวและตกลงไปตายในหุบเขา ส่วนลูกสองคนป่วยตายทั้งคู่”
หลี่เสว่ผู้นี้ชะตาชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรคจริงๆ
“เช่นนั้นหลี่หลินรู้เรื่องนี้หรือไม่?” เจียงเซี่ยนถาม
“ตอนที่ข้ากลับมาบอกเขาแล้ว” หลี่เชียนเอ่ยว่า “เขาไปในเมืองแล้ว”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า
ตอนที่ทั้งสองคนนอนยังถอนหายใจให้หลี่เสว่อยู่นานมาก
วันรุ่งขึ้นเจียงเซี่ยนเอ่ยถึงเรื่องนี้ตอนที่ไปคารวะฮูหยินเหอ
ตอนที่ฮูหยินเหอแต่งเข้ามา หลี่เสว่โตแล้ว นางจึงพาหลี่หลินไปอยู่เรือนหนึ่งตามลำพัง ปกตินอกจากมาคารวะฮูหยินเหอก็ไม่ค่อยพูด บวกกับแม่แท้ๆ ของหลี่เชียนเป็นคนอบรมสั่งสอนหลี่เสว่จนโต ฮูหยินเหอกลัวนางเล็กน้อย จึงไม่ค่อยสนิทกับหลี่เสว่เช่นกัน ตอนหลังตระกูลหลี่ไปฝูเจี้ยนแล้ว หลี่เสว่แต่งงาน นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องสนิทกันแล้ว เวลานี้ได้ยินสิ่งที่หลี่เสว่พบเจอ ก็เพียงแค่ถอนหายใจอย่างเห็นใจเล็กน้อย และฝากชีกูนำเงินไปให้หลี่เสว่สองร้อยตำลึง
แต่ไหนแต่ไรมาป้าเหอก็จะทำเพื่อเกียรติยศต่อหน้าทุกคนในตระกูลหลี่มาโดยตลอด จึงให้ชีกูนำเงินห้าสิบตำลึงไปอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมามาก และยังจะไปเยี่ยมหลี่เสว่ด้วย ทว่ากลับถูกฮูหยินเหอห้ามไว้ โดยเอ่ยว่า “ดูว่าใต้เท้าจัดการเรื่องนี้อย่างไรแล้วค่อยว่ากันดีกว่า”
————————————-