มู่หนานจือ - บทที่ 369 ชั่วคราว
แต่จินเซียวกลับตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะอยู่กับหลี่เชียน...‘ธุรกิจ’ ที่เขาร่วมมือกับหลี่เชียนนั้น เพียงแค่สองเดือน ก็หาเงินได้มากมายแล้ว
นี่ล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือจนถึงตอนนี้ตระกูลเซ่ายังคงถูกหยอกจนหัวหมุน และไม่รู้ว่าใครปล้นของของพวกเขาไปกันแน่
ฝีมือของหลี่เชียนแค่คิดก็รู้แล้ว
แถมเขายังรู้ว่า หลี่เชียนจะไปเสฉวนก่อนปีใหม่ และจะนำเหล็กดิบกลับมาชุดหนึ่ง
คนที่มาจากตระกูลทหารอย่างพวกเขา ความดีความชอบในการรบคือทุน เกียรติยศ และชีวิต อาวุธในมือใครยอดเยี่ยม คนนั้นก็ได้เปรียบไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เมื่อก่อนราชสำนักคุมของพวกนี้ทั้งหมดอย่างเข้มงวด เวลานี้สถานการณ์ไม่เหมือนเมื่อก่อน ขอเพียงหาทางได้ และจ่ายราคาสูงไหว ก็สามารถคิดหาทางลักลอบทำเล็กน้อยได้
เขาอยากร่วมหุ้น
ถึงเวลานั้นไม่ว่าจะเก็บไว้ใช้เองหรือขาย ต่างก็จะเป็นการซื้อขายที่ดีที่ต้นทุนน้อยกำไรมาก
หากควบคุมได้ดี ไม่แน่พวกเขาอาจจะสามารถจัดหาเหล็กดิบได้ระยะยาว จนกลายเป็นหนึ่งในตระกูลที่สำคัญที่สุดในแถบชายแดน
เพียงแค่คิดว่ามีความเป็นไปได้นี้ เลือดทั้งตัวของจินเซียวก็เดือดพล่านขึ้นมาหมด
ตระกูลจินถูกตระกูลเซ่ากดขี่มานานเกินไป เขาก็ถูกบรรยากาศในครอบครัวกดขี่มานานเกินไปเช่นกัน
เขาจำเป็นต้องลุกขึ้นยืน ยืนให้สูงกว่าบิดา มองให้ไกลกว่าบิดา ทำให้จินเฉิงกับจินย่วนสามารถหลบอยู่ใต้ปีกของเขาได้โดยไม่ถูกทำร้าย
“จงเฉวียน ให้ข้าตามเจ้าเข้าเมืองหลวงด้วยเถอะ?” เขาอ่อนน้อมถ่อมตน “เจ้าก็รู้เช่นกันว่า ข้าหาทางไม่ได้เลย อย่างไรข้าก็ไม่สามารถไปขอร้องน้องเขยข้าตอนที่น้องสาวข้าเพิ่งจะแต่งไปจวนอันลู่โหวและยังไม่ยืนหยัดได้กระมัง? ถึงเวลานั้นน้องสาวข้าอยู่บ้านสามีจะวางตัวอย่างไร? อีกอย่าง…เติ้งเฉิงลู่เป็นคนอ่อนโยน ตระกูลเติ้งไม่ถามเรื่องข้อราชการของราชสำนักมานานแล้ว ให้เขาช่วยเป็นคนกลางให้ข้า สู้ข้าคิดหาทางเองดีกว่า!”
สิ่งที่จินเซียวเอ่ยก็เป็นความจริงเช่นกัน
แต่หลี่เชียนยังคงลังเลเล็กน้อย
จินเซียวจึงเอ่ยว่า “จงเฉวียน ข้าบอกความจริงกับเจ้าแล้วกัน! เงินเดือนทหารของปีสองปีนี้ตระกูลของพวกเรายังเอาออกมาได้ ท่านพ่อให้ข้าไปเมืองหลวง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยังอยากผูกมิตรกับพวกขุนนางที่สามารถช่วยตระกูลของพวกเราในช่วงเวลาสำคัญได้ ก็ไม่ต้องการขุนนางที่ใหญ่มากเช่นกัน แค่รู้ข่าวเร็วก็พอ ส่วนจะได้เงินหรือไม่นั้น กลับเป็นเรื่องรอง”
หลี่เชียนไม่กล้าสัญญากับเขา จึงเอ่ยว่า “หากข้าไป ก็จะไปกับเจ้า!”
จินเซียวดีใจมาก
สิ่งที่เขาต้องการก็คือคำพูดนี้
หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยถึงเรื่องเหล็กดิบ
จินเฉิงช่วยหลี่เชียนทำงานอยู่ หลี่เชียนก็ไม่ได้ปิดบังจินเฉิง จินเซียวจะรู้เรื่องนี้ก็ไม่แปลกเช่นกัน
“ตอนนี้ยังพูดยาก” หลี่เชียนเอ่ยอย่างถ่อมตนว่า “สำคัญคือขึ้นอยู่กับว่ากัวหย่งกู้จะไว้หน้าหรือไม่แล้ว หากคุยกันได้ เจ้าก็รู้เช่นกันว่า ทางข้าไม่ขาดแคลนเงิน เหล็กดิบชุดนี้นำกลับมา ข้าจะใช้เอง หากเจ้าอยากร่วมหุ้นจริงๆ ก็ถือหุ้นเล็กน้อยแล้วกัน”
เขาผูกขาดคนเดียว ตอนที่ชนกลุ่มน้อยทางเหนือบุกมา ใครจะช่วยเขา?
ดีที่สุดคือกำลังที่แท้จริงของหลายตระกูลต่างเข้มแข็งขึ้นมา
จินเซียวดีใจจนออกนอกหน้า รู้สึกว่าเที่ยวนี้มาได้คุ้มเกินไปแล้ว
ทั้งสองคนเริ่มคุยกันว่าตระกูลไหนตีเหล็กได้ดี
ถึงอย่างไรตระกูลหลี่ก็ไปจากซานซีเกือบสิบปีแล้ว ไม่เหมือนกับตระกูลจินที่เป็นเจ้าถิ่นที่นี่ จินเซียวแนะนำช่างตีเหล็กสองคนให้หลี่เชียนอย่างเร็วมาก และสัญญาว่าถึงเวลานั้นจะพาสองคนนี้มาทำอาวุธให้ตระกูลหลี่ชุดหนึ่ง
พอเอ่ยถึงเรื่องที่สนใจ เวลาก็ผ่านไปเร็วเป็นพิเศษ
มีสาวใช้มาถ่ายทอดคำพูดให้หลี่เชียนตามคำสั่งของเจียงเซี่ยน “วันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูเหอ ท่านหญิงบอกว่า กินบะหมี่อายุยืนที่เรือนของท่านป้าแล้วจะมาเจ้าค่ะ!”
หลี่เชียนก็แปลกใจเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเหอถงเหนียง
เวลานี้ไม่ใช่โอกาสดีที่จะถาม หลี่เชียนจึงพยักหน้า และจะปล่อยสาวใช้คนนั้นไป ทว่าจินเซียวกลับเอ่ยกับหลี่เชียนว่า “คุณหนูเหอ? หลานสาวของครอบครัวฮูหยินเหอหรือ?”
ตาของหลี่เชียนเสียไปตั้งนานแล้ว ก่อนที่จินเซียวจะมาก็สืบจนแน่ชัดแล้ว
หลี่เชียนเอ่ยว่า “อืม” และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจียหนานชอบนางมากทีเดียว มักจะรับนางกับตงจื้อมาอยู่เป็นเพื่อนข้างกาย”
จินเซียวได้ยินก็ยิ้มและเอ่ยว่า “บังเอิญเจอดีกว่าไปเชิญจริงๆ ในเมื่อข้าเจอแล้ว ก็ต้องเป็นพี่ชายสักครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้” เขาพูดไปก็ตะโกนเรียกเด็กรับใช้ที่ติดตามรับใช้ข้างกายเข้ามา ให้เด็กรับใช้ไปซื้อกุญแจอายุยืนทองคำบริสุทธิ์คู่หนึ่งที่ร้านขายเครื่องประดับเงินทอง “ฉลองวันเกิดให้น้องหญิง”
หลี่เชียนหัวเราะ และเอ่ยว่า “น้องสาวข้าปีนี้เพิ่งจะแปดขวบ แต่ลูกพี่ลูกน้องของข้าคนนี้กลับอายุครบสิบห้าปีเต็มแล้ว เจ้ามอบกุญแจอายุยืนไม่เหมาะสมกระมัง?”
จินเซียวหน้าแดง และโทษหลี่เชียนว่า “ใครใช้ให้เจ้าไม่พูดให้ชัดเจน ‘ท่านหญิงมักจะรับมาอยู่เป็นเพื่อนข้างกาย’ ไม่ว่าใครได้ยินคำพูดนี้ก็จะคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเจ้าปีนี้อายุแค่แปดเก้าขวบเช่นกัน!”
หลี่เชียนหัวเราะอีกพักหนึ่ง
จินเซียวลูบจมูกอย่างเขินอาย ทว่าหลังจากนั้นจู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลังจากสั่งให้เด็กรับใช้ไปซื้อเครื่องประดับบนศีรษะที่ร้านขายเครื่องประดับเงินทองมอบให้เหอถงเหนียง ก็ขอให้หลี่เชียนไล่คนรับใช้ในห้องออกไป และเอ่ยอย่างจริงจังว่า “จงเฉวียน เจ้าว่าจินเฉิงน้องชายข้าเป็นอย่างไร?”
หลี่เชียนอึ้งไป และเอ่ยว่า “ไม่เลวทีเดียว!”
นี่เป็นความจริง
แม้จินเฉิงจะเงียบขรึมและพูดน้อยมาก แต่กลับไม่ใช่คนที่ไม่มีอะไรในใจ ตรงกันข้าม เขาไม่เพียงแต่คิดอะไรละเอียดรอบคอบ ทว่ายังทำอะไรจริงจัง สุขุม และระมัดระวัง การจัดการเรื่องราวพูดไม่ได้ว่าทำอะไรรอบคอบมากแต่เฉลียวฉลาดและมีไหวพริบ แบบฉบับลูกชายคนรองที่เกิดจากอนุภรรยา จินเซียวมีเขาช่วยเหลืออยู่ข้างกาย ต่อไปงานต่างๆ ของตระกูลจินก็สามารถมอบอำนาจทั้งหมดให้จินเฉิงได้อย่างสิ้นเชิง ไม่ต้องกังวลแล้ว
เทียบกันแล้ว ทางหลี่เชียนกลับขาดคนแบบนี้
หลี่จี้ซื่อสัตย์ ทว่าก็ซื่อมากเกินไปเช่นกัน ทำงานเล็กยังได้ แต่งานใหญ่กลับใช้ไม่ได้
เขายังต้องคิดหาทางหาคนที่สามารถช่วยเขาจัดการงานต่างๆ ได้
พอคิดถึงตรงนี้ หลี่เชียนก็ปวดศีรษะเล็กน้อย สีหน้าจึงฉายแววจนปัญญามากขึ้นอย่างไร้สาเหตุ
จินเซียวเห็นสถานการณ์ก็อดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “จงเฉวียน ข้าคุยเรื่องจริงจังกับเจ้า จินเฉิงทำงานกับเจ้ามาระยะหนึ่งแล้ว เจ้ารู้จักเขามากกว่าข้า เขาเป็นอย่างไรกันแน่?”
“ไม่เลวจริงๆ!” หลี่เชียนเอ่ยอย่างจริงจังและระมัดระวังว่า “เจ้ากับข้าเป็นเพื่อนกัน ส่วนจินเฉิงก็เป็นน้องชายของเจ้า และผู้ช่วยที่มีความสามารถของเจ้าในอนาคต ข้าจะตอบเจ้าอย่างขอไปทีได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นก็ดี!” จินเซียวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และถามหลี่เชียนว่า “ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าหมั้นหรือยัง?”
“น่าจะไม่กระมัง?” หลี่เชียนไม่กล้ายืนยัน ก่อนเจียงเซี่ยน เขาไม่เคยสนใจเหอถงเหนียงด้วยซ้ำ
จินเซียวได้ยินก็หัวเราะ และเอ่ยกับหลี่เชียนว่า “จงเฉวียน พวกเราสองตระกูลแต่งงานกันดีกว่า?”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ตอนแรกหลี่เชียนยังไม่ทันได้คิด ทว่าพอเอ่ยออกไป เขาก็เข้าใจทันที หลังจากเข้าใจก็อดที่จะเอ่ยอย่างตกตะลึงไม่ได้ว่า “เจ้าหมายถึง…จินเฉิงกับน้องเหอ?”
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!” จินเซียวเอ่ยอย่างเบิกบานใจว่า “เจ้าดูสิ เจ้าก็คิดว่าจินเฉิงของพวกเราไม่เลว และคุณหนูเหอกำลังวัยรุ่นพอดี หากได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายและทำให้สิ่งที่ดูดีอยู่แล้วดูดียิ่งขึ้นไม่ใช่หรือ?”
หลี่เชียนรีบเอ่ยว่า “เรื่องนี้เจ้าต้องปรึกษาแม่ทัพจินสักหน่อยกระมัง?”
“ท่านพ่อต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน” จินเซียวเอ่ยอย่างมีแผนการอยู่ในใจก่อนแล้วว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เจ้ากับท่านหญิงช่วยหาคู่ครองที่ดีขนาดนี้ให้น้องสาวข้า ท่านพ่อก็ต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน!”
แม้จินเฉิงจะดี แต่กลับเป็นลูกชายที่เกิดจากอนุภรรยา ส่วนลูกสาวของตระกูลเหอนั้นแม้ฐานะครอบครัวจะต่ำไปหน่อย ทว่ากลับเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาเอก
บวกกับแม่นางเหอได้รับความโปรดปรานจากเจียหนานมาก ได้กลายเป็นญาติที่เกี่ยวดองกันกับตระกูลหลี่อีก ทำไมจะไม่ยินดีที่จะทำล่ะ?
จินเซียวคิดว่าต่อให้บิดาของเขาไม่เห็นด้วย เขาก็สามารถโน้มน้าวให้บิดาของเขาเห็นด้วยได้
“เจ้าอย่าสนใจทางข้าเลย เจ้าแค่ให้คนไปถามตระกูลเหอว่าตกลงหรือไม่ก็พอ” เขาเอ่ยว่า “หากเจ้าเกรงใจที่จะถาม ก็ขอให้ท่านหญิงทำแทนก็ได้นี่นา! นางน่าจะสนิทกับฮูหยินเหอและนายหญิงเหอมาก?”
—————————————