มู่หนานจือ - บทที่ 371 เจ็บปวดและเสียใจ
ข่าวไปถึงหูของเกาเมี่ยวหรง นางประหลาดใจจนอ้าปากค้างนานมาก และอดที่จะยืนยันกับเซียงจื่อไม่ได้ “ที่เจ้าพูดเป็นความจริงทั้งหมดหรือ? คุณชายหลี่เชียนเป็นพ่อสื่อ ให้คุณหนูเหอหมั้นกับคุณชายรองของตระกูลจิน?”
“เป็นความจริงเจ้าค่ะ!” เซียงจื่ออดที่จะเอ่ยอย่างอิจฉาไม่ได้ว่า “ท่านไม่เห็นหน้าของท่านป้า แทบจะยิ้มเป็นดอกไม้แล้ว แถมยังบอกว่า ตระกูลของพวกเขาจะแต่งลูกสาวด้วยเงินห้าพันตำลึง! ทุกคนต่างบอกว่าตระกูลจินกับตระกูลเหอเกี่ยวดองกัน ถือได้ว่าเป็นวาสนาในการแต่งงานที่ดี” พอเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็อดที่จะมองเกาเมี่ยวหรงอย่างเป็นห่วงไม่ได้ และเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณหนู ท่านก็ต้องคิดเพื่อตนเองเช่นกันถึงจะถูก!”
ตระกูลเกาไม่มีทั้งสินเดิมจำนวนมากและชื่อเสียงอันโด่งดัง
คุณชายหลี่หลินของตระกูลหลี่เป็นคนดีแค่ไหนกัน!
ไม่เพียงแต่ใส่ใจคุณหนูของพวกนาง ทว่ายังเป็นหลานชายคนโตของตระกูลหลี่ด้วย ต่อไปสามารถก่อตั้งตระกูลเองและย้ายออกไปอยู่คนเดียวได้ แถมยังไม่มีพ่อแม่สามีคอยคุม ข้างนอกไม่รู้ว่ามีคนอยากแต่งงานกับคุณชายหลี่หลินตั้งเท่าไร หากไม่ใช่ว่าใต้เท้าหลี่เลือกมาก คุณชายหลี่หลินก็แต่งงานไปตั้งนานแล้ว ยังมีเรื่องของคุณหนูของพวกนางที่ไหนกัน!
แต่คุณหนูของพวกนางไม่เห็นคุณค่า
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณหนูคิดอย่างไรกันแน่?
สีหน้าของเกาเมี่ยวหรงดูแย่เล็กน้อย
นางรู้ว่าเซียงจื่อคิดอย่างไร
ทว่าจะให้นางแต่งงานกับหลี่หลินแบบนี้ และใช้ชีวิตพึ่งพาตระกูลหลี่ไปตลอดชีวิต นางยอมไม่ได้
นางเคยสาบานว่า นางจะแต่งงานกับตระกูลที่ดี จะไม่ใช้ชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยคนอื่นและชีวิตไม่แน่นอนอีกแล้วอย่างเด็ดขาด
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ นางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและไปที่ที่ป้าเหออาศัยอยู่
ป้าเหอไม่มีฮูหยินเหอบ่นอยู่ข้างหูแล้วก็รู้สึกอารมณ์ดีมากขึ้น จนแทบอยากจะย้ายทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดจนเกลี้ยงเพื่อเตรียมสินเดิมให้เหอถงเหนียง
ตอนที่เกาเมี่ยวหรงไป ป้าเหอกำลังตรวจนับสินเดิมที่ป้าเหอเตรียมให้ลูกสาวตลอดหลายปีมานี้กับแม่นมที่ติดตามอยู่ข้างกาย
นางเห็นแล้วก็รู้สึกเศร้าอย่างหยุดไม่ได้ ทว่ากลับไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่นิดเดียว และล้อป้าเหอเล่นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้ามาผิดเวลาหรือเปล่า?”
“ดูที่เจ้าพูดสิ” ป้าเหอเจอเรื่องที่น่าเฉลิมฉลองกลับรู้สึกเบิกบานใจ เวลานี้มองใครก็สนิทสนมมากขึ้นเล็กน้อย นางรีบรับเกาเมี่ยวหรงเข้ามา และหยิบปิ่นระย้าหงส์ทองที่บรรจุอยู่ในไม้จันทน์แดงบนโต๊ะชาให้เกาเมี่ยวหรงดู “เป็นอย่างไร? ไม่เสียหน้าใช่หรือไม่! เก้าตำลึงเต็มๆ ทับทิมสองเม็ดบนดวงตานี้ ตอนนั้นข้าจ่ายไปหกสิบตำลึง แม้จะไม่ใหญ่ แต่กลับคุณภาพดีที่สุด เทียบได้กับเตียงป๋าปู้[1]หนึ่งหลังแล้ว” พอเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็เหมือนนึกอะไรได้อีก จึงเรียกแม่นมที่ติดตามอยู่ข้างกาย และสั่งแม่นมว่า “เจ้าอย่าลืมบอกท่านพี่นะ! เตียงป๋าปู้ต้องทำสี่หลัง บวกกับสองหลังที่ข้าเตรียมให้อาถงก่อนหน้านี้ ก็หกหลังพอดี อย่าเสียดายเงิน ตระกูลจินเป็นตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจ ลูกเขยใหม่แค่พี่น้องก็มีหกคนแล้ว ต่อไปอาถงจะยืนหยัดได้หรือไม่ สินเดิมนี้เป็นด่านแรก...” นางพูดอยู่ก็คิดได้ว่าเกาเมี่ยวหรงยังอยู่ตรงนี้ จึงรีบยิ้มให้เกาเมี่ยวหรงอย่างรู้สึกเสียใจ
เกาเมี่ยวหรงส่งสัญญาณให้นางไม่ต้องถือสา
ป้าเหอก็คิดว่านางไม่ถือสาจริงๆ เช่นกัน และเริ่มสั่งแม่นมคนนั้นต่อ “แล้วก็ผ้าของสินเดิม ไปซื้อที่เจียงหนานทั้งหมด ผ้าของทางนั้นมีแบบมาก สวย แถมยังถูกกว่าเมืองหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกน้ำมันงากับหวี ก็ต้องเขียนไว้ในรายการด้วย อย่าลืมซื้อกลับมาจากทางนั้น…”
เกาเมี่ยวหรงอดที่จะแอบเบ้ปากในใจไม่ได้
สมกับเป็นตระกูลพ่อค้าจริงๆ
แต่งลูกสาวยังจะอยากได้ราคาถูก
นางทนไม่ได้ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ของน้องหญิง ท่านไม่กลับไท่หยวนหรือ?”
ไท่หยวนต้องทำอะไรสะดวกกว่าภูเขามังกรเมฆอย่างแน่นอน
ทว่าป้าเหอกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เห็นด้วยว่า “หมั้นก่อน ยังจะไม่แต่งงานในชั่วขณะ…การแต่งงานของคุณชายใหญ่ของตระกูลจินยังไม่กำหนดเลย! ไม่อย่างนั้นข้ามีเวลาค่อยๆ ซื้อสินเดิมให้อาถงที่ไหนกันล่ะ!” แล้วก็ถอนหายใจอีก “ข้าคิดไม่ถึงว่าอาถงจะได้แต่งงานดีขนาดนี้ สินเดิมอันเดิมก็ไม่ค่อยพอใช้ ปกติไม่ได้เตรียมไว้และรีบจัดหาอย่างฉุกละหุกเช่นนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพลาดอะไรไปหรือไม่” นางเอ่ยจบ ก็ครุ่นคิดอย่างลุ่มลึกครู่หนึ่ง และเอ่ยว่า “ไม่ได้ สินเดิมของอาถง ข้าต้องให้ท่านหญิงช่วยดูสักหน่อย นางมีประสบการณ์!”
นางมีประสบการณ์อะไร?
เลี้ยงอาหารยังต้องให้สาวใช้ข้างกายช่วยกำหนดรายการอาหาร…
เกือบจะพูดจาประชดประชันออกไปแล้ว
เกาเมี่ยวหรงอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก แต่สุดท้ายนางก็ยังไม่สามารถควบคุมตนเองได้อยู่ดี จึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ท่านป้าลำบากแล้ว! ลูกเขยใหม่เป็นลูกชายคนรอง ในบ้านคงจะไม่ได้เตรียมไว้เพียบพร้อมขนาดนั้น ท่านป้าจะกังวลมากหน่อยก็สมควรเช่นกัน”
แอบเสียดสีเหอถงเหนียงว่าแต่งงานกับลูกชายที่เกิดจากอนุภรรยา ป้าเหอแต่งลูกสาวยังต้องให้เงินด้วย
ทว่าป้าเหอที่ปกติเฉลียวฉลาดมาก เวลานี้อารมณ์ดีเกินไป จึงไม่เพียงแต่ฟังที่เกาเมี่ยวหรงเสียดสีไม่ออก กลับเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ข้าไม่เคยเลือกฐานะครอบครัวของลูกเขยใหม่ ข้าดีใจเป็นเพราะลูกเขยใหม่เคยร่วมงานกับท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพถูกใจ จึงเป็นพ่อสื่อให้อาถงของพวกเรา ผู้ชายกลัวเข้าสู่สายงานผิด ผู้หญิงกลัวแต่งงานผิดคน ขอเพียงลูกเขยใหม่เป็นคนดี เรื่องอื่นกลับเป็นเรื่องรอง หากเจ้าไม่เชื่อ ดูตระกูลเหอสิ บรรพบุรุษไม่รู้ว่ามีคนที่มีความสามารถตั้งเท่าไร แต่พอถึงรุ่นนายท่านของพวกเรา สุดท้ายก็ยังตกอับอยู่ดี ถึงแม้เทียบกับคนธรรมดาจะไม่หนาวและหิว แต่ก็ต่างกับภาพอันสวยงามตอนที่ท่านพ่ออยู่ และคนแถวนั้นต่างก็ต้องขอข้าวตระกูลเหอกินมาก จะเห็นได้ว่ากิจการของตระกูลจะเจริญรุ่งเรืองหรือไม่ คนที่เกิดในตระกูลดีมีที่ที่ช่วยได้มาก ได้เดินทางคดเคี้ยวน้อยลงหน่อย แต่ก็ไม่ได้พี่งพาอาศัยตระกูลดีทั้งหมดเช่นกัน ยังขึ้นอยู่กับว่าส่วนตัวมีความสามารถนี้หรือไม่ด้วย ไม่อย่างนั้นภูเขาทองก็สามารถกินจนเกลี้ยงได้เช่นกัน”
เกาเมี่ยวหรงยิ้มพลางพยักหน้า ในใจคิดถึงหลี่หลิน
ทว่าไม่ได้คล้อยตามสิ่งที่ป้าเหอเอ่ย
หากนางแต่งงานกับหลี่หลิน ชีวิตนี้ก็อย่าได้คิดที่จะเหนือกว่าคนอื่นเลย แล้วนางก็จะถูกหลี่เชียนกดหัวตลอดไป
เกาเมี่ยวหรงนั่งต่อไปไม่ค่อยได้แล้ว
นางคุยกับป้าเหอเล็กน้อย ก็ลุกขึ้นบอกลา
ป้าเหอกำลังยุ่งอยู่ จึงไม่ได้รั้งนางไว้เช่นกัน และให้สาวใช้ประจำตัวส่งนางออกไปข้างนอก ส่วนตนเองหันตัวไปที่เรือนของเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนกำลังก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ
ป้าเหอชะงักฝีเท้า และบอกไป่เจี๋ยเสียงเบามากว่า “เช่นนั้นเดี๋ยวข้าค่อยมา!”
นางรู้จักตัวอักษรง่ายๆ เพียงไม่กี่ตัว จึงเคารพยำเกรงคนที่เคยเรียนหนังสือมาก
ไป่เจี๋ยยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ท่านหญิงของพวกเราแค่ว่างเลยเขียนหนังสือเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
เจียงเซี่ยนได้ยินก็แอบเบะปาก และวางพู่กันในมือลง แล้วเชิญป้าเหอเข้ามา นางเรียกให้สาวใช้เทน้ำและหยิบสบู่มาให้นางล้างมือ แล้วถามป้าเหอว่า “ท่านหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”
ป้าเหอหัวเราะและยิ้มพลางอธิบายจุดประสงค์ที่มา “…ช่วยข้าดูรายการสินเดิมของอาถงหน่อย!”
“เรื่องพวกนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ต่อไปตระกูลหลี่จะมีชายหญิงแต่งงานมากมาย มีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง นางถึงไม่อยากไปเรียนรู้ของพวกนี้ จึงผลักเรื่องพวกนี้ไปให้ฉิงเค่อ ถึงอย่างไรนางก็จะเก็บฉิงเค่อไว้เป็นแม่บ้านข้างกาย “ท่านลองให้นางดู นางรู้มากกว่าข้า นางเกือบจะได้เป็นนางในในวังแล้ว ไทฮองไทเฮาเห็นนางทำงานจริงจังและรอบคอบ จึงเลือกให้นางมารับใช้ในห้องข้า ไม่เหมือนนางในกับสาวใช้ทั่วไป”
“นั่นก็จริง!” ป้าเหอมองฉิงเค่ออีกครั้ง สายตาก็สูงขึ้นมาก และไปหาฉิงเค่ออย่างแฝงความเคารพมาก
เจียงเซี่ยนบอกปัดป้าเหอแล้วก็ดื่มชาและพักครู่หนึ่ง แล้วก็เริ่มก้มหน้าเขียนหนังสือบนโต๊ะอีก
อิ้นไฉ่อดไม่ได้ที่จะถามไป่เจี๋ยเสียงเบามาก “ท่านหญิงเป็นอะไรไปหรือ?”
————————————–
[1] เตียงป๋าปู้ เตียงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเครื่องเรือนจีนโบราณ