มู่หนานจือ - บทที่ 373 น้ำใจ
เจียงเซี่ยนลูบจมูกอย่างเขินอาย และถามหลี่เชียนว่า “ตระกูลจวงยังก่อกวนพวกเจ้าไม่เลิกหรือไม่?”
หลี่เชียนไม่คิดจะปิดบังเรื่องรอบตัวกับเจียงเซี่ยน ปิงเหอกับเซี่ยหยวนซีต่างก็ชอบเข้าใกล้เจียงเซี่ยน เจียงเซี่ยนจะรู้ว่าช่วงนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่แปลก เขาจึงยิ้มพลางถูจมูกของนาง และเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ตระกูลจวงเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตระกูลของพวกเราเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ เขายังไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรพวกเราได้!”
แลดูไม่เลิกราอย่างเด็ดขาดมากทีเดียว
ครั้งนี้เจียงเซี่ยนไม่สามารถหลบสิ่งที่หลี่เชียนทำได้ จึงย่นจมูก และเอ่ยว่า “แต่มีแมลงวันส่งเสียงหึ่งๆ อยู่ข้างหู ก็น่ารำคาญมากเช่นกัน”
หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร แมลงวันตัวนี้ไม่ช้าก็เร็วข้าก็ต้องตบตาย”
เจียงเซี่ยนกลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรแล้ว
หลี่เชียนความรู้สึกไวกับเรื่องของเจียงเซี่ยนมาก พอเห็นสถานการณ์ก็เอ่ยอย่างลังเลว่า “เจ้ามีความคิดอะไรหรือเปล่า?”
ไม่ใช่มีความคิดอะไร ทว่าทำไปตั้งนานแล้ว
เจียงเซี่ยนหัวเราะเล็กน้อย และเอ่ยว่า “เดิมทีก็ไม่อยากยุ่งหรอก แต่ติงหลิวเอาแต่เงียบ ข้าเลยหงุดหงิดเขานิดหน่อย ตระกูลจวงนั่นพึ่งพาอาศัยเวินเผิงน้องชายของภรรยาที่เป็นรองตุลาการศาลต้าหลี่มาตลอดไม่ใช่หรือ? เขาอยากไปเป็นผู้ช่วยหัวหน้าสำนักตรวจการที่สำนักตรวจการมาตลอด จากสำนักตรวจการไปสำนักราชเลขาธิการ ข้าจึงเขียนจดหมายให้เฉาเซวียนฉบับหนึ่ง ให้เขาไปหาวังจี่เต้าหรือสยงจวิ้นหรง คิดหาทางย้ายที่ให้เวินเผิง”
เจียงเซี่ยนสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ไม่กี่วันก่อนเฉาเซวียนส่งจดหมายมาหาข้า บอกว่าผู้ว่าราชการมณฑลอวิ๋นหนานตายในหน้าที่ ตำแหน่งผู้ว่าราชการมณฑลอวิ๋นหนานจึงว่างลง ข้าคิดว่า…ในเมื่อเวินเผิงเก่งเช่นนี้ อยู่ในตำแหน่งรองตุลาการศาลต้าหลี่ยังว่างขนาดนี้ สู้แนะนำให้เวินเผิงไปเป็นผู้ว่าราชการมณฑลอวิ๋นหนานดีกว่า”
ทำให้เวินเผิงทรมานในหน้าที่ของผู้ว่าราชการมณฑลอวิ๋นนานด้วยสักสองสามปี
หลี่เชียนประหลาดใจ
เขารู้ว่าเจียงเซี่ยนจะบอกอะไรแล้ว
เจียงเซี่ยนมองหลี่เชียนครั้งหนึ่ง และลังเลอยู่ชั่วครู่
นางทำแบบนี้ หลี่เชียนจะรู้สึกว่านางเย็นชาไร้ความปราณีมากหรือไม่
ทว่าความคิดนี้วนเวียนอยู่ในสมองของนางเพียงครู่หนึ่ง นางก็ตัดสินใจแล้ว
ในเมื่อนางต้องอยู่กับหลี่เชียนไปจนแก่เฒ่า เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงหลี่เชียนได้ ไม่อย่างนั้นนางไม่ต้องเล่นละครต่อหน้าหลี่เชียนเสมออย่างนั้นหรือ?
นั่นไม่ใช่ชีวิตที่นางต้องการ
หากหลี่เชียนเกลียดนิสัยเหล่านี้ของนาง ก็เกลียดตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า
อย่างไรก็ดีกว่าค่อยเกลียดตอนที่รักกันอย่างลึกซึ้ง จนแยกทางกันเพราะเหตุนี้มาก
พอคิดว่าวันหนึ่งนางจะเลิกกับหลี่เชียน ในใจนางก็เสียดแทงจนเจ็บปวด
แต่สิ่งนี้ก็ยับยั้งนางไม่ให้เสียสติ จนเปลี่ยนตนเองเป็นอีกคนหนึ่งเพื่อทำให้หลี่เชียนรัก
ความรักแบบนั้นเป็นความรักที่จอมปลอม
นางไม่ต้องการ!
สีหน้าของเจียงเซี่ยนก็เย็นชาขึ้นเล็กน้อย “เฉาเซวียนคิดว่าความคิดของข้าไม่เลว และคิดว่าสยงจวิ้นหรงมีความสนิทสนมกับเขาอยู่บ้าง จึงไปหาสยงจวิ้นหรง สยงจวิ้นหรงกำลังต่อสู้กับวังจี่เต้าอย่างมีความสุข และไม่อยากล่วงเกินพวกเราจนเกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก จึงถือโอกาสแสดงน้ำใจ แนะนำเวินเผิง ข้าคำนวณเวลาแล้ว อีกไม่กี่วันกรมขุนนางก็น่าจะมีข่าวแล้ว เจ้าก็อย่าสนใจตระกูลจวงเลย ไม่มีเวินเผิงแล้ว พวกเขาเป็นเพียงคนเลวที่สูญเสียอำนาจ เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา และข้าก็บอกเฉาเซวียนแล้วเช่นกันว่า ให้เขาถ่ายทอดคำพูดให้สยงจวิ้นหรง บอกว่าใต้เท้าจวงอยู่ที่นี่ทำได้ดีมาก งานของซานซีจุกจิกและซับซ้อน หากผู้ว่าราชการมณฑลของซานซีเปลี่ยนคน ก็ยังขาดใต้เท้าจวงไม่ได้ ควรให้เขาอยู่ที่นี่อีกสักสองสามปี”
ก็หมายความว่า หลังจากตบหน้าตระกูลจวงแล้ว ยังไม่อาจให้ตระกูลจวงหนีไปได้ ต้องให้ตระกูลจวงอยู่ใต้จมูกของพวกคนที่รู้เรื่องราว และโกรธแค้นเรื่องนี้ทุกคืน
หลี่เชียนยิ้มพลางส่ายหน้า และอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใช้มือปิดใบหน้าเล็กที่เย็นชาและตึงเครียดของเจียงเซี่ยน แล้วจูบลงบนศีรษะของนางทีหนึ่ง และเอ่ยเสียงเบาว่า “คนโง่! ทำได้ดี!”
เจียงเซี่ยนเงยหน้ามองหลี่เชียนอย่างตกใจ
นัยน์ตาสีดำสนิทของหลี่เชียนเหมือนทะเลดวงดาวที่ห่อหุ้มนางอย่างอบอุ่นและลึกซึ้ง
นางใจสั่น
เขาไม่คิดว่านางไม่มีความเป็นคนหรือ?
หลี่เชียนราวกับรู้ว่านางกำลังเกรงกลัวอะไร จึงยิ้มพลางจูบปลายจมูกของนางอีกครั้ง แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงข้าจะเป็นลูกชายคนโตและหลานชายคนโตของครอบครัวเรา ต้องรับใช้ตระกูล และดูแลน้องชายกับน้องสาว แต่กลับมีคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งเอาใจใส่ข้าอยู่เสมอ ไม่อยากให้ข้าถูกรังแกแม้แต่นิดเดียว ข้าก็จะรู้สึกอบอุ่นและถูกใจเช่นกัน”
เจียงเซี่ยนหน้าแดงก่ำทันที เหมือนความรักทั้งหมดวางอยู่ตรงหน้าหลี่เชียน นางพูดติดอ่างอย่างร้อนตัวว่า “ใคร…ใครไม่อยากให้เจ้าถูกรังแกแม้แต่นิดเดียวกัน ตระกูลจวงล่วงเกินข้า หากข้าปล่อยพวกเขาไป คนอื่นยังคิดว่าข้าอ่อนแอ และรังแกง่ายน่ะสิ!”
หลี่เชียนเป็นคนที่มีอะไรก็พูดตรงๆ แต่เจียงเซี่ยนที่เขินอายแบบนี้กลับน่ารักอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้ในสายตาของเขา!
“จริงหรือ?” เขาประคองหน้าของเจียงเซี่ยน แล้วแนบหน้าผากกับนาง เสียงทุ้มต่ำและหนักแน่น ทว่าก็เจือรอยยิ้มที่ผ่อนคลายและมีความสุขเล็กน้อย “เช่นนั้นตอนที่ฮูหยินจวงบุกเข้ามา ทำไมเจ้าไม่คิดจะเปิดโปงเบื้องหลังของนาง? ตอนที่ฮูหยินจวงก่อกวนทุกคน ทำไมเจ้าไม่แตะต้องเวินเผิง? แต่ตอนที่ข้าเกิดความขัดแย้งกับใต้เท้าจวงกลับนั่งไม่ติด?”
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าหน้าของตนเองกำลังจะไหม้แล้ว
“เป่าหนิง คนดีของข้า!” เสียงของหลี่เชียนเบาลงเล็กน้อย ราวกับถอนหายใจเบาๆ ข้างหูนาง “เจ้าต้องปกป้องข้าแบบนี้ตลอด! ต้องไม่ว่าเมื่อไร เกิดอะไรขึ้น ก็ปกป้องข้าแบบนี้!” พอเอ่ยจบ หลี่เชียนก็กอดนางไว้ในอ้อมกอดแน่น
ในหูของเจียงเซี่ยนได้ยินเพียงเสียงหัวใจเต้นของตนเอง
เหมือนบนโลกนี้มีแค่นางคนเดียว ทำให้นางรู้สึกลนลาน และทำให้นางมีความสุข
นางรัดเอวของหลี่เชียนแน่น และฝังตนเองอยู่ในอ้อมกอดของเขา
—————————————
ข่าวที่เวินเผิงย้ายตำแหน่งไปถึงหูของคนตระกูลจวงเร็วกว่าที่เจียงเซี่ยนคิดสองสามวัน
ตอนนั้นใต้เท้าจวงก็ลุกขึ้นทันที “อะไรนะ? ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการมณฑลอวิ๋นหนาน? เช่นนั้นยังได้กลับเมืองหลวงหรือไม่?”
คนที่แจ้งข่าวให้เขาคือหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลจวง ที่ช่วยตระกูลจวงไปส่งของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์และย้ายตำแหน่งให้เวินเผิง
เขาได้ยินก็ทำหน้าย่น และเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าได้ยินคนของตระกูลเวินบอกว่า เหมือนมีคนกำลังจัดการท่านลุงเวินอยู่ แถมฮูหยินเฒ่าตระกูลเวินยังบอกว่า ต้องตกลงเรื่องแต่งงานกับตระกูลของอาลักษณ์หวัง ก่อนที่ท่านลุงเวินจะไปรับตำแหน่งด้วย”
ใต้เท้าจวงรู้สึกไม่สบายใจ
ตระกูลเวินอยากเกี่ยวดองกับตระกูลหวังมาตลอด แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลหวังอายุยังน้อย ตระกูลเวินเกรงว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวังจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสิบสองปี จึงประวิงเรื่องนี้มาตลอด ทว่าเวลานี้กลับไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้และจะตกลงเรื่องแต่งงานกับตระกูลหวังก่อน แสดงว่าเวินเผิงรู้ว่าหลังจากตนเองไปอวิ๋นหนานแล้วก็ยากที่จะกลับมาแล้ว
เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ตระกูลหลี่วางตัวดุดันและบีบคั้นจนทำให้คนลำบากใจ หากเขาไม่โต้กลับอีก คนอื่นคงจะคิดว่าเขาไม่มีความสามารถและกลัวตระกูลหลี่…
ความคิดนี้ฉายวาบผ่านไปในสมองของใต้เท้าจวง แต่กลับทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
หรือว่าตระกูลหลี่เป็นคนก่อเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ!
ใต้เท้าจวงคิด และส่ายหน้าอย่างเยาะเย้ยตนเอง
เขานี่ก็ถือว่าระแวงเกินไปแล้วเช่นกัน!
ภูมิหลังของตระกูลหลี่เป็นอย่างไร? หากเขามีความสามารถแบบนี้ ก็อยู่คุมสามค่ายที่เมืองหลวงไปตั้งนานแล้ว ยังจะถูกคนเตะมารับตำแหน่งแม่ทัพที่เหมือนไม่มีค่าและความหมายอะไรทว่าก็ทิ้งไม่ลงที่ซานซีหรือ?
แต่ใครลอบวางแผนทำร้ายเวินเผิงกันแน่?
ใต้เท้าจวงนึกถึงศัตรูทางการเมืองของเวินเผิง และนึกถึงกลุ่มในราชสำนักที่มักจะบดขยี้กันอยู่เสมอ อย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเป็นใคร
เขาจึงลืมเรื่องพวกนี้ไปให้หมด และเขียนจดหมายไปถามเวินเผิงว่าต่อไปคิดจะทำอย่างไร มีอะไรที่เขาสามารถช่วยได้หรือไม่
ความจริงแล้วกำลังสืบเบาะแสของเวินเผิง ว่าต่อไปเขาควรจะทำอย่างไร
—————————————