มู่หนานจือ - บทที่ 380 ปรึกษา
ไม่นานเจียงเซี่ยนก็ลืมพวกความคิดที่วุ่นวายไปจนหมดสิ้น และยิ้มพลางถามหลี่เชียนว่า “ความดีความชอบที่ไม่ธรรมดา? ความดีความชอบแบบไหนถึงจะเรียกว่าความดีความชอบที่ไม่ธรรมดาได้ล่ะ?”
หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่าเหมือนเจิ้นกั๋วกง!”
เจียงเซี่ยนตกใจ
ชาติก่อนหลังจากหลี่เชียนเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี ก็หาโอกาสไปเมืองหลวง และบุกเข้าวังฉือหนิงอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ทำไมชาตินี้เขากลับอยากเป็นเพียงเจิ้นกั๋วกงก็พอใจแล้ว?
หลี่เชียนมักจะมองความงุนงงของเจียงเซี่ยนออกได้เสมอ
เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ามีความทะเยอทะยาน แต่ความทะเยอทะยานของข้ามีไว้เพื่อปกป้องคนที่ข้ารักและให้ความสำคัญ สำหรับตัวข้าเอง กินอิ่มใส่เสื้อผ้าอุ่น มีภรรยาที่มีคุณธรรมกับลูกที่กตัญญู และคนรู้ใจสักสองสามคนก็พอแล้ว”
“จริงหรือ?” เจียงเซี่ยนสงสัยมาก
“จริง!” หลี่เชียนกอดเจียงเซี่ยน และหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยว่า “เมื่อก่อนข้าอาจจะยังอยากให้ชื่อเสียงอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ตลอดไป และชื่อเสียงอันดีเล่าลือไปตลอดกาล ทว่าตั้งแต่ข้าแต่งงานกับเจ้า จู่ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ก็ดีมากเหมือนกัน สร้างความดีความชอบต่อแคว้นอย่างใหญ่หลวงและทำงานใหญ่สำเร็จ ก็มีอันตรายเช่นกัน ตอนนี้ข้ามีห่วงแล้ว จะไม่เกรงกลัวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว”
เจียงเซี่ยนยากที่จะปิดบังความประหลาดใจได้
เป็นเพราะนางหรือ?
ค่อยๆ กัดกร่อนความกล้าหาญของเขา?
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชาติก่อน และฝืนเก็บความคิดเหล่านี้ไว้ในใจอีกครั้ง
หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วว่า “เจ้าบอกให้ข้าไปส่านซีไม่ใช่หรือ? ทำไม? เป็นเพราะเกิดอะไรขึ้นที่ส่านซีหรือเปล่า?”
“เปล่า!” เจียงเซี่ยนก็ไม่อยากวนเวียนอยู่กับปัญหานี้ต่อไปเช่นกัน “อยากไปส่านซี ยังต้องคิดหาทางเตรียมการสักหน่อย” ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย “แต่มันควบคุมตะวันตกเฉียงเหนือง่ายกว่า เวลานี้ระบบกฎเกณฑ์ของราชสำนักถูกทำลายไปอย่างมาก ต่อไปมีแต่จะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพวกเราอยู่ใกล้เมืองหลวง ก็ยิ่งใกล้การเลือกข้าง เรื่องราวในราชสำนักเปลี่ยนไปอย่างมากในชั่วพริบตา เวลานี้พวกเรากำลังอ่อนแอ ไม่มีทางเป็นกลางได้อย่างสิ้นเชิง แทนที่จะวนเวียนอยู่ระหว่างกลุ่มเหล่านี้ สู้อยู่ห่างจากเมืองหลวงหน่อยดีกว่า สร้างรากฐานที่มั่นคงและบริหารงานที่ส่านซี เพียงแค่ไม่กี่ปี ก็น่าจะได้ผล”
ดวงตาทั้งสองข้างของหลี่เชียนเป็นประกาย เขาเดินกลับไปกลับมาบนระเบียงคดสองสามรอบอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงจะหยุดยืนตรงหน้าเจียงเซี่ยน
“เป่าหนิง เจ้าเป็นคนรู้ใจของข้าจริงๆ!” สายตาที่เขามองเจียงเซี่ยนจริงใจและลึกซึ้ง “เจ้าคิดไปในทางเดียวกันกับข้าเลย แต่ข้าไม่กล้าคิดไปส่านซี…ที่ข้าคิดคือกานซู่ ที่นั่นไม่อุดมสมบูรณ์และอยู่ห่างไกล ทุกคนต่างไม่อยากไป หากที่ที่พวกเราต้องการเป็นกานซู่ ค่อนข้างง่าย ถึงเวลานั้นข้ากับท่านพ่อคนหนึ่งอยู่ข้างในอีกคนอยู่ข้างนอก จะได้ต่างฝ่ายต่างสามารถแลกเปลี่ยนในสิ่งที่ตนเองไม่มีได้ ต่อให้ท่านพ่อถูกบังคับให้พึ่งพาราชเลขาธิการหรือหัวหน้าขันทีคนไหน ข้าอยู่กานซู่ ก็สามารถกลายเป็นทางหนีทีไล่ของท่านพ่อได้เช่นกัน และหลายปีมานี้เงินเดือนทหารนับวันยิ่งจัดสรรยาก หากท่านพ่อสามารถเข้าทางเมืองหลวงได้ ข้าก็จะได้ลดภาระไปหน่อยเช่นกัน…”
ชาติก่อนเป็นเพราะมีเจียงเซี่ยนเปิดทางให้เขา หลี่เชียนถึงได้ไปดำรงตำแหน่งที่ส่านซีง่ายแบบนั้น
แต่ชาตินี้ไม่มีความช่วยเหลือแบบนั้นแล้ว
ทว่าเจียงเซี่ยนใช้แต่ของดีมาโดยตลอด จึงชินกับการใช้ของที่ดีที่สุดแล้ว ในเมื่อกานซู่สู้ส่านซีไม่ได้ เช่นนั้นก็ย่อมต้องคิดหาทางคว้าส่านซีมาให้ได้
นางเอ่ยอย่างกล้าหาญว่า “ในใต้หล้ามีแต่เรื่องที่ไม่กล้าคิด ไม่มีเรื่องที่ทำไม่ได้ ในเมื่อส่านซีดีกว่ากานซู่ เช่นนั้นก็เลือกส่านซี” เอ่ยถึงตรงนี้ นางก็ชะงักไป และเอ่ยอีกว่า “เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนถึงจะทำให้เจ้าไปส่านซีได้ เจ้าไปสืบดูก่อน ควรทำอะไรก็ทำอันนั้น สรุปว่าต้องคิดทุกวิถีทางเพื่อทำให้เจ้าไปส่านซี ต่อให้เป็นพวกผู้บัญชาการไม่ได้ ก็ต้องเป็นผู้ช่วยหรือรอง แล้วค่อยคิดหาทางให้ได้มันมาอย่างช้าๆ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เจียงเซี่ยนมีความกล้าเช่นนี้ แล้วเขาจะหวาดกลัวได้อย่างไร!
“ได้!” หลี่เชียนเอ่ยอย่างกล้าหาญและมีปณิธานอันกว้างไกลว่า “ทำอย่างไร ข้าจะคิดหาทางเอง ตอนที่ติดขัด ข้าค่อยมาปรึกษาเจ้า ดูว่าทางเจ้ามีคนช่วยจัดการได้หรือไม่”
“แบบนี้ไม่ดี!” เจียงเซี่ยนปฏิเสธวิธีทำของหลี่เชียนทันที “เจ้าคิดหาทางได้แล้วก็บอกข้า พวกเราปรึกษากันดูว่าสามารถหาใครได้ หากรอให้เจ้าเจออุปสรรคแล้วค่อยมาหาข้า บางทีก็สายไปแล้ว หลังจากจ้าวอี้อภิเษกสมรส จะต้องแตะต้องสำนักราชเลาธิการอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นสถานการณ์ในราชสำนักระส่ำระสาย มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อพวกเรา พวกเราต้องคว้าโอกาสเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเรื่องดีก็อาจจะกลายเป็นเรื่องร้ายได้เช่นกัน”
ในจุดนี้ หลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนคิดตรงกัน
เพียงแต่เขายังไม่ชินเล็กน้อย ไม่อยากให้เจียงเซี่ยนเห็นด้านที่ไร้กำลังและอ่อนแอของเขา ทว่าในใจเขารู้ดีว่า หากไม่มีความช่วยเหลือของเจียงเซี่ยน เขาก็ไม่มีทางที่จะวางแผนส่านซีได้อย่างสิ้นเชิง
กลายเป็นนกอินทรีย์ที่กล้าหาญบินร่อนอยู่ที่ขอบฟ้า ปกป้องเป่าหนิงของเขาอยู่ใต้ปีก ทำให้นางไม่ได้รับความทุกข์ในโลกนี้อีกแล้ว…เขากระหายความสำเร็จแบบนี้มาก
ต่อไปปฏิบัติกับเป่าหนิงของเขาอย่างดี
ทำให้นางไม่ต้องคิดกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว
หลี่เชียนแอบสาบานกับตนเอง และกอดเจียงเซี่ยนไว้ในอ้อมกอดอย่างแรง
มีคนไอหนักๆ
หลี่เชียนรีบปล่อยเจียงเซี่ยน
ทั้งสองคนหันกลับไปพร้อมกัน เห็นหลี่จี้ที่หน้าแดงก่ำ และหญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมยาวสีดำชายชุดเลี่ยมผ้าป่านสีขาวอยู่ข้างหลังหลี่จี้
“พี่ใหญ่! พี่สะใภ้!” หลี่จี้คารวะพวกเขาอย่างนอบน้อม
หลี่เชียนพยักหน้าเล็กน้อย แต่กลับยิ้มให้ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังหลี่จี้ “พี่หญิง มาได้อย่างไร?”
หลี่เสว่?!
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองผู้หญิงคนนั้น
อาจจะเพราะเป็นลูกเลี้ยง หน้าตาของหลี่เสว่จึงไม่มีจุดที่คล้ายกับพี่น้องของหลี่เชียนเลย นางหน้ายาว คิ้วยาวตาเล็ก ผิวขาวเกลี้ยงเกลา ทว่าหน้าตากลับไม่เห็นความอ่อนแอและขี้ขลาดแม้แต่นิดเดียว กลับเพราะสายตาของนางเด็ดเดี่ยวและเยือกเย็น จึงแสดงความเด็ดเดี่ยวและหนักแน่นที่ไม่อนุญาตให้พลาดออกมา
นี่แตกต่างจากผู้หญิงที่ไม่เป็นมิตรในจินตนาการของนางอย่างสิ้นเชิง
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นางชอบหลี่เสว่แบบนี้
ในชีวิตมีอุปสรรคมากมาย มีแต่คนที่จิตใจเด็ดเดี่ยวเท่านั้นที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้ และถึงจะใช้ชีวิตสบายกว่าคนอื่น
ตอนนี้หลี่เสว่อาจจะลำบากมาก แต่ขอเพียงนางทนช่วงนี้ไปได้ ต่อไปนางจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
เจียงเซี่ยนเข้าไปคารวะหลี่เสว่ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเรียกว่า “พี่หญิง” อย่างแสดงความเป็นมิตร
ความตื่นตระหนกฉายวาบผ่านไปในดวงตาของหลี่เสว่อย่างเบาบาง ทว่าไม่นานนางก็สงบลง แล้วยิ้มพลางคารวะเจียงเซี่ยนตอบ และเอ่ยกับหลี่เชียนอย่างเป็นมิตรว่า “ท่านนี้คือท่านหญิงใช่หรือไม่? ใจกว้างและอ่อนโยน หน้าตางดงามจริงๆ น้องเชียนมีวาสนาแล้ว!”
หลี่เชียนหัวเราะ รับคำชมของหลี่เสว่ทั้งหมด แล้วอธิบายกับเจียงเซี่ยนเสียงเบา “ทางพี่เขย ท่านพ่อส่งคนไปแล้ว เรื่องบางเรื่องยังตกลงกันไม่เรียบร้อย แต่ความต้องการของท่านพ่อ…คืออยากรั้งพี่ใหญ่ไว้ที่บ้าน ครั้งนี้จึงให้นางตามพวกเรามาด้วย”
พวกนางไปจากภูเขามังกรเมฆ อย่างไรก็ทิ้งหลี่เสว่ไว้ที่นั่นคนเดียวไม่ได้กระมัง?
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า แล้วเอ่ยกับหลี่เชียนและหลี่เสว่อย่างตรงไปตรงมาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพี่หญิงก็อยู่ให้สบายใจเถอะ! ไม่ทราบว่าพี่หญิงยังมีของอะไรที่อยากให้คนย้ายมาหรือไม่ ฉวยโอกาสที่ช่วงนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ทัพต่างว่าง ส่งคนไปช่วยพี่หญิงย้ายมา ถึงเวลานั้นพวกเราจะได้กลับไท่หยวนพร้อมกัน”
หลี่เสว่คิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนจะยอมรับนางแบบนี้
ก่อนหน้านี้หลี่ฉางชิงไม่ให้คำตอบที่แน่นอนสักที ก็เพราะกลัวเจียงเซี่ยนไม่ชอบ
วันนี้พวกเขาก็เจอหลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนโดยบังเอิญเช่นกัน
คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่นางกังวลมาตลอดก่อนหน้านี้ จะลงเอยแบบนี้
หลี่เสว่ขอบตาแดงเล็กน้อย
ทว่าความประหลาดใจกลับฉายวาบผ่านไปในดวงตาของหลี่จี้อย่างเบาบาง
————————————