มู่หนานจือ - บทที่ 387 สองคน
เจียงเซี่ยนไม่พอใจท่าทีของหลิวตงเยว่ จึงเลิกคิ้วพลางเอ่ยว่า “นี่เจ้าหมดอาลัยตายอยากหรือ? จริงจัง หน่อย ข้าต้องคิดหาทางลากหลี่จี้ออกมา ข้าจะทำให้เขาแสดงทักษะมากมายออกมา!”
หลิวตงเยว่ได้ยินก็ทำหน้าจริงจัง และรีบเอ่ยว่า “ท่านหญิงวางใจ ข้าจะตั้งใจ…สั่งสอนคุณชายรองอย ย่างแน่นอนขอรับ!”
เจียงเซี่ยนถึงพยักหน้าอย่างพอใจ และเอ่ยว่า “หากคุณชายรองไม่ยอมให้เจ้าสั่งสอน เจ้าก็ไม่ต้องฝืนเช่น นกัน รีบมาบอกข้าก็พอแล้ว”
หลิวตงเยว่สามารถเป็นลูกบุญธรรมของหลิวเสี่ยวหม่านได้ เช่นนั้นก็ต้องเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดเป็นพิ เศษอย่างแน่นอน
ขันทีกับนางในในวังหากเจอเรื่องแบบนี้ จะถูกแต่งตั้งให้รับตำแหน่งสำคัญ
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเจียงเซี่ยนจะทำอะไร แต่กลับรู้สึกได้ว่าหลี่จี้คงจะเข้าตาเจียงเซี่ยนแล้ว ต้อ องหาทางออกให้หลี่จี้แล้ว
ความสามารถของเจียงเซี่ยนนั้นเขาเห็นมาด้วยตาตนเอง หลี่จี้ได้รับความโปรดปรานจากเจียงเซี่ยน เช่นนั นหลี่จี้ก็ไม่มีทางที่จะเป็นลูกชายที่เกิดจากอนุภรรยาที่ไม่สำคัญเหมือนตอนนี้อย่างแน่นอน
หลิวตงเยว่ออกมาจากเรือนของเจียงเซี่ยน ก็ไปที่เรือนของหลี่จี้
——————————————————
หลี่จี้กำลังคุยกับเด็กรับใช้ของเขา “ท่านหญิงก็ไม่ได้บอกให้ข้าทำอะไรบ้าง? หรือไปที่ไหน? ข้าอยา ากเก็บสัมภาระก็ไม่รู้ว่าควรจะเก็บเมื่อไรด้วยซ้ำ แต่จะว่าไป…ข้าได้ยินว่าพี่สะใภ้มีที่ดินหลายแห่ งซึ่งล้วนเป็นที่ดินของราชสำนัก อยู่ใกล้ชานเมืองหลวง ข้าโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยเห็นที่ดินของราชสำน นักเลย อยากไปดูจริงๆ และข้าคิดว่า…ข้าต้องหาผู้ดูแลที่ดินที่รู้เรื่องที่ดินดีมาถามสักหน่อย หนึ่ งหมู่สามารถผลิตเสบียงอาหารได้กี่จิน? ช่วงไหนปลูกอะไรดี? ข้าไม่รู้เลย! อย่าไปที่ที่ดินแล้ว พวก กนั้นพูดมาข้าฟังไม่รู้เรื่องเลย จนทำให้ท่านหญิงเสียหน้าจะดีกว่า”
เด็กรับใช้คนนั้นรีบเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้น…ข้าไปสอบถามให้ท่านว่าใครรู้เรื่องพืชทางการเกษตรบ้าง แล้วเชิญมาคุยกับคุณชายรอง?”
หลี่จี้พยักหน้า
ทว่าสาวใช้กลับมาแจ้งว่าหลิวตงเยว่เด็กรับใช้ข้างกายท่านหญิงเจียหนานขอพบ
มีข่าวลือว่าหลิวตงเยว่เป็นขันที เมื่อก่อนตอนที่หลิวตงเยว่ติดตามอยู่ข้างกายเจียงเซี่ยน เขาสัง งเกตชายหนุ่มที่ผิวเนียนเกลี้ยงเกลาและขาวนวลคนนั้นไม่น้อย พอได้ยินว่าอีกฝ่ายมาพบตนเอง หลี่จี้จึง งแปลกใจมาก และเอ่ยว่า “เขาอยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ? กลับมาเมื่อไร?”
หลิวตงเยว่ช่วยหลี่เชียนทำงานอยู่ คนอื่นไม่รู้ ยังคิดว่าเขาถูกเจียงเซี่ยนส่งไปที่ไหนแล้ว
สาวใช้เอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ”
ตั้งแต่เจียงเซี่ยนจัดระเบียบงานบ้าน ปากของสาวใช้กับเด็กรับใช้ต่างก็แน่นขึ้น สถานการณ์ของแต่ละเรื อนก็สืบยากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝั่งเจียงเซี่ยน ไม่ว่าจะฮูหยินเหอหรือหลี่จี้ ก็ไม่รู้อย่าง งสิ้นเชิงว่าสถานการณ์ทางฝั่งนางเป็นอย่างไรกันแน่ แน่นอนว่า นี่เป็นเพราะหลี่ฉางชิงกับหลี่เชียน น แล้วก็เกี่ยวข้องกับที่เจียงเซี่ยนห้ามหญิงรับใช้ในบ้านสืบข่าวของนางอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน
หลี่จี้คิดว่าตนเองเห็นแก่เจียงเซี่ยน ก็ควรจะไปต้อนรับหลิวตงเยว่ด้วยตนเองสักหน่อยถึงจะถูก
แน่นอนว่าหลิวตงเยว่เห็นหลี่จี้ย่อมประหลาดใจมาก และรีบเข้ามาคารวะ
หลี่จี้ไม่ได้ถ่อมตนกับหลิวตงเยว่ รับการคารวะของเขาแล้ว ก็เชิญเขาไปดื่มชาในห้องโถง
หลิวตงเยว่อธิบายจุดประสงค์ที่ตนเองมา และเอ่ยว่า “หากช่วงนี้คุณชายรองว่าง เช่นนั้นอีกสามวันพวกเ เราก็ออกเดินทางไปเมืองหลวง ท่านว่าได้หรือไม่?”
อีกสามวัน…เป็นวันมงคลที่สำนักหอดูดาวหลวงกำหนดให้กลับไท่หยวน
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!” หลี่จี้ยิ้มพลางคิดเหมือนกับหลิวตงเยว่
หลี่จี้ส่งหลิวตงเยว่ออกไปข้างนอกด้วยตนเอง
หลิวตงเยว่กลับถึงเรือนของตนเองก็ใช้วิธีที่เรียนมาจากเซี่ยหยวนซีเริ่มวางแผนการเดินทาง เช้าตรู่ว วันรุ่งขึ้นก็ส่งแผนการเดินทางไปให้เจียงเซี่ยนดู
เจียงเซี่ยนอ่านแผนการเดินทางแต่ละบรรทัด แล้วจู่ๆ ก็คิดว่า หากหลิวตงเยว่ไม่เข้าวัง ก็จะกลายเป็น นเสาหลักของราชสำนักเหมือนกันหรือไม่?
นางสงสัยเล็กน้อย
ทว่าหลิวตงเยว่กลับเข้ากับหลี่จี้ได้ดีมาก
และหลี่จี้เป็นคนสบายๆ แม้จะมีความแตกต่างกับหลิวตงเยว่ แต่วิธีการพูดที่อ้อมค้อมมาก ก็ทำให้คนย ยอมรับความคิดเห็นของเขาได้ง่ายมาก
ดังนั้นหลิวตงเยว่จึงประเมินหลี่จี้สูงมาก
แน่นอนว่า นี่ล้วนเป็นเรื่องราวหลังจากนั้น
เวลานี้หลี่เสว่ที่ได้ยินข่าวตั้งใจมาเยี่ยมหลี่จี้โดยเฉพาะ นางจับมือของเขาและกำชับเขานานมาก ใ ให้เขาอย่าดูถูกหลิวตงเยว่เพราะหลิวตงเยว่เป็นผู้ติดตามของเจียงเซี่ยน ให้เขาพูดน้อยทำมาก ต้อง งเรียนรู้ว่าคนอื่นวางตัวและจัดการเรื่องราวอย่างไร และต้องเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลี่จี้ซาบซึ้งใจมาก แต่ก็รู้สึกว่าจะขอบคุณครั้งเล่าครั้งเล่าก็เขินเล็กน้อย จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว ว่า “พี่หญิงวางใจ ข้าจะเชื่อฟังตงเยว่อย่างแน่นอน”
หลี่เสว่ก็ทำได้เพียงวางใจชั่วคราวเช่นกัน
หลี่เชียนก็เรียกหลี่จี้ไปคุยเหมือนกัน “พี่สะใภ้ของเจ้าเชื่อใจเจ้า เจ้าก็เอาความกล้าออกมาหน่อย อ อย่าทำงานพัง จนสู้แม้แต่หลิวตงเยว่ไม่ได้!”
หลี่จี้รับปากอย่างเคารพนบนอบ
ออกมาจากเรือนของหลี่เชียน ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือบังเอิญ เขากลับเจอหลี่หลิน
หลี่หลินยิ้มพลางถามเขาว่า “ได้ยินว่าท่านหญิงให้เจ้ากับผู้ติดตามของนางไปช่วยนางเก็บค่าเช่าที่ด ด้วยกัน? คิดไม่ถึงว่าท่านหญิงจะไม่มีแม้แต่ผู้ติดตามส่วนตัวสักคน ยังต้องให้เจ้าไปควบคุมดูแลอีก”
เขาพูดอย่างสนใจเล็กน้อย
หลี่จี้อดทนแล้วอดทนอีก ก็ยังอดกลั้นคำพูดที่มาถึงใกล้ปากแล้วต่อไป และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สะ ะใภ้เห็นข้าอยู่บ้านว่างไม่มีอะไรทำ ก็ติดตามผู้ติดตามของนางไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย ถึงอย่างไรผู้ติดต ตามของพี่สะใภ้ก็ออกมาจากในวัง ข้ายังได้ยินว่า…ฮูหยินอยากให้พี่สะใภ้ช่วยหานางในที่ออกมาจากใ ในวังสักคนมาเป็นแม่นมสอนตงจื้อ คิดว่าคนที่ออกมาจากในวังจะต้องแตกต่างกับคนในครอบครัวธรรมดาอย ย่างพวกเราอย่างแน่นอน”
“นั่นก็จริง!” หลี่หลินยิ้มและเดินเฉียดตัวผ่านหลี่จี้ไป
หลี่จี้รู้สึกว่าไหล่ที่ถูกหลี่หลินเฉียดผ่านไปร้อนผะผ่าวจนเจ็บ
ดีที่อีกสามวัน พวกเขาก็ออกเดินทางไปไท่หยวน
นี่เป็นครั้งที่สี่ที่เจียงเซี่ยนออกจากบ้านไปไกล
ครั้งแรกคือถูกหลี่เชียนหลอกมาซานซี
ระหว่างทางนางรู้สึกว้าวุ่นใจ และแอบด่าหลี่เชียนอย่างสาดเสียเทเสีย ทั้งระวังและจนปัญญากับเขา จน นกินก็ไม่ได้กินดี และนอนก็ไม่ได้นอนดีจริงๆ
ครั้งที่สองคือไปภูเขามังกรเมฆ
นางแต่งงานกับหลี่เชียนแล้ว หลี่เชียนคุ้มกันนางไปด้วยตนเอง ทั้งสองคนพูดคุยและหัวเราะกัน ระหว ว่างเห็นแม่น้ำสายหนึ่งใสมาก เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าหินไข่ห่านในแม่น้ำนั้นสวยมาก หลี่เชียนยังเค คยให้คนหยุดรถ และไปหยิบหินหลายก้อนในแม่น้ำมาให้นางเลือก หากไม่ใช่ว่าฮูหยินเหอตามมาด้วย นางก ก็วิ่งไปดูถึงริมน้ำตั้งนานแล้ว
ครั้งที่สามคือจากภูเขามังกรเมฆไปเฝินหยาง
ไม่เพียงแต่ฮูหยินเหออยู่ หลี่ฉางชิงก็อยู่เช่นกัน ทุกคนต่างวางตัวเรียบร้อย แต่ละคนต่างนั่งอยู่ใน รถม้าของตนเอง และไม่ออกมาง่ายๆ
ครั้งที่สี่คือจากเฝิงหยางไปไท่หยวน
ครั้งนี้ก็เป็นแบบนี้ เหล่าสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงนั่งอยู่ในรถม้าของตนเอง ส่วนพวกหลี่เ เชียนขี่ม้าตามหลี่ฉางชิง และเดินอยู่ข้างหนึ่งของรถม้า
เจียงเซี่ยนแง้มม่านและมองออกไปข้างนอก
ดวงอาทิตย์ในตอนเที่ยงของฤดูใบไม้ร่วงยังคงร้อนแผดเผามาก บนหลังของหลี่เชียนมีคราบเหงื่อ
เจียงเซี่ยนก็ปล่อยม่านลงอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย และจู่ๆ ก็เอ่ยว่า “หากฝนตกลงมาก็ดี”
ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อไม่รู้ว่าทำไมนางถึงพูดออกมาแบบนี้ จึงต่างทำได้เพียงเอ่ยอย่างระมัดระวังมากว่า “ “หากฝนตกลงมา จะต้องเย็นสบายมากอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนไม่เอ่ยสิ่งใด
นางคิดว่าหากฝนตกลงมา หลี่ฉางชิงจะต้องให้พวกลูกชายมาหลบในรถม้าอย่างแน่นอน
เสียดายที่หลายวันนี้ปฏิทินหวงลี่แม่นมาก จนพวกเขากลับไท่หยวนแล้ว ก็ไม่มีฝนตกแม้แต่หยดเดียว เจี ยงเซี่ยนมองอย่างไรก็รู้สึกว่าหลี่เชียนตากแดดจนตัวดำไปหมดแล้ว เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ถกเรื่ องนี้กับหลี่เชียน นายหญิงใหญ่ตระกูลหยวนก็มาเยี่ยม และบอกว่าเชิญคนทั้งตระกูลหลี่ไปร่วมพิธี
พวกเขากลับมาถึงไท่หยวนทันก่อนที่คุณหนูสามตระกูลหยวนจะออกเรือน