มู่หนานจือ - บทที่ 388 ไม่มั่นคง
เจียงเซี่ยนไม่ได้ตั้งใจกลับไท่หยวนให้ทันเวลานี้
เรื่องที่คุณหนูสามตระกูลหยวนออกเรือนนั้น นางลืมไปตั้งนานแล้ว
ตระกูลหยวนเป็นเพียงคหบดีในชนบทของเมืองนี้ ยังไม่มีค่าพอให้นางใส่ใจ ตอนนั้นที่มอบของขวัญแต่งงาน ให้คุณหนูสามตระกูลหยวน ก็เพียงแค่เห็นแก่ที่คุณหนูสามตระกูลหยวนเคยปฏิบัติกับตงจื้ออย่างดีเช่นกัน น
ดังนั้นตอนที่เทียบเชิญของตระกูลหยวนวางลงบนโต๊ะนาง นางจึงอดที่จะถามฉิงเค่อไม่ได้ว่า “คุณหนูสามตร ระกูลหยวนยังไม่ออกเรือนหรือ?”
“พรุ่งนี้ถึงจะเป็นวันจริงเจ้าค่ะ!” ฉิงเค่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และเสียบดอกปิ่นหยกที่เพิ่งจะเด็ดจากใน นสวนดอกไม้ลงในคนโทเครื่องลายครามที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของเจียงเซี่ยนทีละกิ่ง “ท่านหญิงจะไปร่วม งานแต่งไหมเจ้าคะ?”
“ไม่ไป!” เจียงเซี่ยนไม่คิดด้วยซ้ำ แล้วนอนตะแคงลงบนหมอนอิงใบใหญ่อีกครั้งและอ่านนิยายที่ออกใหม่ขอ องไป่เสี่ยวเซิง “สืบว่าไป่เสี่ยวเซิงคนนี้เป็นใครได้หรือยัง?”
นิยายของไป่เสี่ยวเซิงเป็นของที่ก่อนหน้านี้ฉิงเค่อช่วยซื้อกลับมาจากข้างนอกให้นาง
ชาติก่อนนางไม่รู้ว่ามีคนๆ นี้อยู่
ชาตินี้อ่านหนังสือของเขาเล่มหนึ่งแล้วก็อยากอ่านเล่มที่สอง…นางอยากรู้จริงๆ ว่า คนแบบไหนถึงสาม มารถเขียนภาษาที่ไม่เหมือนใครแบบนี้ออกมาได้ แถมยังได้รับคำชมแบบนี้!
ฉิงเค่อส่ายหน้า และยิ้มพลางเอ่ยว่า “ร้านหนังสือต่างลือว่าเขาอาจจะเป็นซิ่วไฉที่สอบตกหรือขุนนางท ที่ลาออก แต่จริงๆ แล้วทำอะไรนั้น ไม่มีใครรู้เจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนทำเสียงไม่พอใจเบาๆ และโยนหนังสือไปข้างๆ พลางบ่นว่า “หนังสือทุกเล่มต่างก็เขียนคล้ายๆ กัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทุกคนถึงอยากซื้ออ่าน ร้านหนังสือพวกนั้นก็ไม่รู้จักยกยอคนออกมาอีกส สักคน” นางคิดเพ้อเจ้อ และเอ่ยกับฉิงเค่อว่า “เจ้าว่า…ข้าเปิดร้านหนังสือเป็นอย่างไร? ยังสามารถพิ มพ์สำเนาเอกสารราชการของราชสำนักแทนได้ด้วย เหยียบไป่เสี่ยวเซิงนั่นไว้ใต้เท้าแรงๆ”
ฉิงเค่อเม้มปากยิ้ม และไม่ตอบ
ก่อนหน้านี้ท่านหญิงยังบอกว่าจะเขียนหนังสือเล่มหนึ่งด้วยตนเอง ให้ไป่เสี่ยวเซิงนั่นรู้ว่าอะไรคือคุ ณหนูจากตระกูลขุนนางที่แท้จริง อะไรคือธรรมเนียมของตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจ ทว่าพอท่านแม่ทัพม มา ท่านหญิงก็ลืมเรื่องนี้ไปจนหมดสิ้น หลังจากท่านแม่ทัพไป ท่านหญิงก็กลายเป็นเหมือนมะเขือยาวที่ถูก น้ำค้างแข็ง นอนอย่างไร้ชีวิตชีวาอยู่สองสามวัน กว่านางจะนึกถึงไป่เสี่ยวเซิง และคิดได้ว่าต้องเขียนห หนังสือ ก็รู้สึกว่าไม่สนุกแล้ว
เจียงเซี่ยนยังเคยคิดทบทวนจริงๆ ว่าจะเปิดร้านหนังสือหรือไม่ แต่ฉางเหริ่นตงพาพี่ชายคนนั้นของเขาม มาแล้ว
พี่ชายคนนั้นของเขาชื่อฉางจิง ดูอายุใกล้เคียงกับฉางเหริ่นตง ผอมสูง สุภาพและหล่อเหลา ดูเหมือนบัณฑิ ต ไม่เหมือนหมอ
เจียงเซี่ยนให้ฉางเหริ่นตงพาเขาไปพบหลี่เชียน
อีกไม่นานหลี่เชียนก็จะเข้าเสฉวนแล้ว นางอยากให้ฉางจิงตามหลี่เชียนไปด้วย หลี่เชียนสุขภาพแข็ง งแรงก็มีหลักประกันมากขึ้นหน่อยเช่นกัน
ฉางเหริ่นตงเบิกตาโต และเอ่ยว่า “ท่านหญิง จะให้พี่ชายของข้าไปเสฉวนกับท่านแม่ทัพจริงๆ หรือขอรับ? ?”
ลูกสาวที่ออกเรือนแล้วจะคิดถึงสามี
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยในใจ
เจียงเซี่ยนยิ้มตาหยีพลางมองเขา และเอ่ยว่า “ท่านหมอฉางเป็นหมอ หมอต้องไปเก็บยาด้วยตนเองไม่ใช่หร รือ? เสฉวนภูเขาสูงตระหง่านแม่น้ำไหลยาว เส้นทางลำบาก หากท่านหมอฉางสามารถตามไปได้ ก็เป็นประสบการณ์ ที่หายากเช่นกัน!”
ฉางเหริ่นตงโกรธจนเบิกตาโต ทว่าฉางจิงกลับไม่ใส่ใจ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “ท่านหญิงก็พูดมีเห หตุผลเช่นกัน เช่นนั้นข้าจะตามท่านแม่ทัพไปเสฉวนแล้วกัน” แล้วกำชับฉางเหริ่นตง “ส่วนจะเปิดร้านขายยาที ไหนนั้น ก็รบกวนเจ้าช่วยดูทุกที่แล้ว”
“ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น!” เจียงเซี่ยนห้ามฉางเหริ่นตงเหมือนจู่ๆ ก็เปลี่ยนใจกลางคัน “เปิดร้านขายยาไม ม่ใช่เรื่องวันสองวัน ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ทำ”
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปซีอาน เรื่องบางเรื่องก็ต้องวางแผนใหม่
เจียงเซี่ยนอยากเปิดร้านขายยาที่ซีอาน แบบนี้…หลี่เชียนก็มีหมอที่ฝีมือในการรักษาเลิศล้ำสองคน นแล้ว
เส้นเลือดที่ขมับของฉางเหริ่นตงเต้นตลอด
แต่ฉางจิงกลับขานรับอย่างอารมณ์ดี และลากฉางเหริ่นตงเดินออกจากเรือนของเจียงเซี่ยน ถึงจะเอ่ยเสียงเบ บาว่า “เจ้าโกรธอะไร? มิน่าเล่าฝีมือในการรักษาของเจ้าดีขนาดนั้น ท่านอากลับไม่วางใจให้เจ้าเป็นหมอ อยู่ข้างนอก เวลานี้ใต้หล้าวุ่นวายแบบนี้ เจ้าได้ติดตามท่านหญิงอย่างปลอดภัย ก็ดีมากแล้ว อย่าถูกคน ไล่ออกและกลับบ้านเหมือนครั้งที่แล้วอีก”
ฉางเหริ่นตงได้ยินสีหน้าก็ดูแย่มากขึ้น และเอ่ยอย่างยอมไม่ได้ว่า “ก่อนที่เจ้าจะมา ท่านหญิงเจียหนาน นพูดไว้ดิบดี แถมยังให้ข้าเขียนจดหมายเร่งให้เจ้ารีบมาตลอด สุดท้ายพอเจ้ามานางก็เปลี่ยนใจแล้ว เจ้าจ จะว่าข้านิสัยไม่ดีได้อย่างไร”
ฉางจิงถอนหายใจ และจำต้องเอ่ยว่า “เจ้ายังดูไม่ออกอีกอย่างนั้นหรือ? ท่านหญิงเร่งให้ข้ารีบมาที่ไหนก กัน นางอยากให้ข้าคุ้มครองท่านแม่ทัพไปเสฉวน ส่วนเรื่องเปิดร้านขายยานั้น คงจะต้องรอข้ากลับมาจากเ เสฉวนแล้วค่อยว่ากัน”
ฉางเหริ่นตงลองคิดดูดีๆ ก็เป็นเพราะแบบนี้จริงๆ
เขาอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “เดิมทีข้าแค่คิดว่าท่านหญิงเพียงแค่ให้ความสำคัญแม่ทัพหลี่ คิดไม่ถึงว่า นางกลับเอาใจใส่แม่ทัพหลี่ และใส่ใจเรื่องแบบนี้อยู่ตลอดเวลา”
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” ฉางจิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สามีภรรยาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะสามารถแสดงพลังออกมาได้ มากมาย ถึงพวกเราจะเป็นคนของท่านหญิง ทว่าก็ไม่จำเป็นต้องแข่งกับคนของท่านแม่ทัพ สามารถแสดงฝีมือใ ในการรักษาที่บรรพบุรุษถ่ายทอดมาออกมาได้อย่างเต็มที่ และจัดระเบียบจรรยาบรรณหมอที่บรรพบุรุษถ่ายทอดมา าใหม่” เขาพูดไปก็ถอนหายใจเบาๆ และเอ่ยว่า “สังคมในเวลานี้นับวันยิ่งวุ่นวาย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะ ะสิ้นสุดเมื่อไร หากยุคที่ระส่ำระสายมาแล้ว สิ่งที่บรรพบุรุษถ่ายทอดมามากมายก็จะขาดการสืบทอด พวกเราเขี ยนวิธีการรักษาที่ถ่ายทอดมาในตระกูลออกมาอย่างละเอียด และถ่ายทอดต่อไป หากสามารถทำให้ยุคที่ระส่ำระ ะสายนี้ตายน้อยลงได้สักคนก็ตายน้อยลงหลายคน ก็ถือว่าเป็นบุญกุศลเช่นกัน”
ฉางเหริ่นตงไม่เอ่ยสิ่งใด
เขาก็รู้สึกได้เช่นกันว่ายุคที่ระส่ำระสายจะมาแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าจะมาเยือนจริงๆ เมื่อไร และไม่รู้เหมือนกันว่ายุคที่ระส่ำระสายนี้จะดำเนินไปนานแค่ไหน เขาจะได้เห็นวันนั้นของยุคที่เจริญรุ่งเรืองและสงบสุขหรือไม่
ทั้งสองคนค่อยๆ เดินออกจากจวนสกุลหลี่
——————————————————–
ฮูหยินหลู่ไม่เห็นเจียงเซี่ยนในงานแต่งงานของคุณหนูสามตระกูลหยวนก็แปลกใจมาก จึงหาโอกาสทักทายฮูหยิน นเหอและถามถึงเจียงเซี่ยน
ฮูหยินเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สองสามวันนี้นางรู้สึกไม่สบาย จึงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน!”
ฮูหยินหลู่ได้ยินก็อดที่จะเอ่ยอย่างเป็นห่วงไม่ได้ว่า “นางไม่สบายตรงไหน? หาหมอหรือยัง? หมอว่าอย่ างไร?”
ฮูหยินเหอเอ่ยอย่างอ้อมค้อมว่า “หลังจากท่านหญิงมาซานซี ก็พาหมอมาด้วยคนหนึ่ง ร่างกายของท่านหญิงเ เป็นอย่างไร หมอคนนั้นก็ช่วยดูแลอยู่ตลอด ฟังจากน้ำเสียงของท่านหมอ ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ไม่ส สบายเล็กน้อยเท่านั้น”
ฮูหยินหลู่รีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นตอนนี้ท่านหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เห็นว่าพักผ่อนสองวันก็หาย”
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี” ฮูหยินหลู่ดูโล่งอก และเอ่ยว่า “เช่นนั้นอีกสองวันข้าค่อยไปเยี่ยมนาง นางจะได้ไม่ถูกคนส่งเสียงรบกวนระหว่างที่ป่วย จนพักผ่อนไม่เพียงพอ”
“ฮูหยินหลู่มีน้ำใจแล้ว” ฮูหยินเหอยิ้มพลางคุยกับฮูหยินหลู่
ฮูหยินหลู่จึงถามถึงเรื่องแต่งงานของเหอถงเหนียง “หมั้นเมื่อไร?”
ถึงตระกูลเหอกับตระกูลจินจะผ่านสัญญาแต่งงานแล้ว แต่ยังไม่ได้มอบสินสอดอย่างเป็นทางการ
ตระกูลเหอพอใจกับการแต่งงานนี้มาก ฮูหยินเหอได้ยินฮูหยินหลู่พูดขึ้นมา บนหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ มแล้ว “ต้องรอให้คุณหนูใหญ่ตระกูลจินแต่งงานแล้วก็จะมอบสินสอดอย่างเป็นทางการ ถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ ตระกูลจินก็แต่งไปตระกูลที่สร้างความดีความชอบต่อแคว้นอย่างใหญ่หลวง และลูกสาวของทางนั้นก็มีวาสนา าในการแต่งงานที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ ตอนนี้ตระกูลจินต้องแต่งคุณหนูใหญ่ตระกูลจินก่อน ใต้เท้าจินกั บฮูหยินจินถึงมีกะจิตกะใจสนใจเรื่องของคุณชายรอง”
“ก็จริง” ฮูหยินหลู่เห็นด้วยมาก แล้วคล้องแขนของฮูหยินเหออย่างสนิทสนมและเป็นมิตร แล้วเอ่ยว่า “ต ตอนที่คุณหนูเหอหมั้น ท่านต้องส่งเทียบเชิญให้ข้านะ ให้ข้าไปสนุกด้วย!”