มู่หนานจือ - บทที่ 392 ไม่รับ
เหอถงเหนียงถามไป่เจี๋ยที่มาเชิญพวกนางอย่างระมัดระวังมาก “ทำไมคุณหนูจวงถึงมาขอโทษพวกเรา?”
เด็กสาวทั้งสองถูกเลี้ยงอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของบ้าน ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้างจึงไม่ค่อยรู้ ฮูหยินจวงมาตีถ ถึงบ้าน และถูกเจียงเซี่ยนโยนออกไป พวกนางกังวลอยู่นานมาก ตอนหลังเห็นว่าไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทั้งสองคนถ ถึงเลิกกังวล จึงไม่รู้ว่าหลี่ฉางชิงกับหลี่เชียนคิดว่าตระกูลจวงล่วงเกินเจียงเซี่ยน และเหยียบหน้าตระกูลหลี จึงลอบกัดใต้เท้าจวงในเรื่องงานราชการ เดิมทีนี่ก็ไม่มีอะไรเช่นกัน ทั้งสองตระกูลบุ๋นกับบู๊เส้นทางแตกต่างกั น ตระกูลหลี่อย่างมากที่สุดก็แค่ไม่ร่วมมือกับใต้เท้าจวงในงานของตนเอง ทว่าเทียบกับที่เจียงเซี่ยนมาตัดไฟต ตั้งแต่ต้นลมไม่ได้ ตบตระกูลเวินที่พึ่งของตระกูลจวงลงไปในฝ่ามือเดียว ทำให้ทุกคนในวงการราชการไท่หยวนต่างระแ แวดระวังและรู้สึกมีอันตราย จนถึงกับซ้ำเติม ด้วยการหาเรื่องใต้เท้าจวง จนใต้เท้าจวงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกโจ จมตีทุกด้านอย่างโดดเดี่ยวโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือ ทำให้พวกคนที่เดิมทีเพียงแค่อยากสังเกตการณ์สักระยะแล้วค่อย ยไตร่ตรอง กลัวว่าจะล่วงเกินเจียงเซี่ยนด้วยเหตุนี้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับใต้เท้าจวงขึ้นมา บีบให้ใต้เท้าจวงจำเป็นต ต้องผลักภรรยาของตนเองออกมา คิดหาทางคืนดีกับเจียงเซี่ยน
สองสามปีก่อนไป่เจี๋ยยังค่อนข้างขี้อาย ทำเรื่องดีแล้วไม่แพร่งพรายออกไป สองปีนี้ติดตามเจียงเซี่ยน รู้แล้วว่าค ควรพูดก็พูด ควรทำก็ทำ ดังนั้นพอได้ยินจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะท่านหญิงลงมือสั่งสอนพวกนาง ง ทำให้พวกนางรู้ว่าท่านหญิงไม่ใช่คนที่สามารถล่วงเกินได้ตามใจชอบ จึงจำเป็นต้องมาขอโทษเจ้าค่ะ!”
ในสายตาของหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง นี่ก็เท่ากับชนะแล้ว!
ทั้งสองคนสบตากัน โดยต่างก็มองเห็นความดีใจและเหมือนยกภูเขาออกจากอกในดวงตาของอีกฝ่าย
หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปโถงบุปผาที่เจียงเซี่ยนรับแขก
ฮูหยินจวงกำลังกล่าวคำขอโทษต่อหน้าเจียงเซี่ยน เจียงเซี่ยนฟังเป็นบางคำ โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
พอเห็นหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงเดินเข้ามา ฮูหยินจวงก็รีบหยุดพูด และยิ้มพลางเข้าไปจูงมือของหลี่ตงจื้อ อ แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “คุณหนูหลี่ตงจื้อ เรื่องก่อนหน้านี้เป็นความผิดของพี่จวงของเจ้า เวลานี้นางก็เสีย ยใจกับสิ่งที่ทำลงไปแล้วเช่นกัน ครั้งนี้เจ้าก็ให้อภัยนางเถอะ? ต่อไปยังเป็นคู่พี่น้องที่สนิทกันได้หรือไม่?”
หลี่ตงจื้อมองไปที่เจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนยิ้มให้นาง ในดวงตาเต็มไปด้วยการให้กำลังใจและความมั่นใจ
นี่พี่สะใภ้คงจะให้นางตัดสินใจเองกระมัง?
หลี่ตงจื้อคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรวบรวมความกล้าขึ้นมา และเอ่ยกับฮูหยินจวงเสียงดังว่า “เดิมทีพี่จวงก็ไม่ไ ได้ล่วงเกินข้าเช่นกัน เพียงแต่เพราะคำพูดที่ว่าพี่สะใภ้ของข้าไม่น่าฟังเกินไป ข้าถึงโกรธจนไม่ไหวและทะเลาะกับน นาง นางไม่จำเป็นต้องขอโทษข้า แค่ขอโทษพี่สะใภ้ของข้าก็พอแล้ว”
ทุกคนต่างประหลาดใจ
รวมถึงเจียงเซี่ยนด้วย
อายุยังน้อยก็มีความรู้ความเข้าใจแบบนี้!
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่า น้องสาวต่างมารดาของหลี่เชียนคนนี้ช่างเหมือนหลี่เชียนจริงๆ แถมอาจจะมีจุดยืนกับท่าที ในเรื่องความรักกับความเกลียดชัดเจนมาก และมีความรับผิดชอบมากกว่าหลี่เชียนด้วย
ฮูหยินจวงยิ้มอย่างลำบากใจเล็กน้อย แต่นางก็ยังเรียกคุณหนูจวงมาตรงหน้าเจียงเซี่ยน และเอ่ยว่า “คุณหนูหลี่ตง งจื้อพูดถูก เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีความขัดแย้งอะไรเช่นกัน เพียงเพราะลูกสาวของข้าคนนี้พูดสิ่งที่ไม่ควรพูด…เจ จ้ายังไม่รีบขอโทษท่านหญิงอีก!”
คุณหนูจวงอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ทว่ากลับจำเป็นต้องก้มศีรษะ
นางหลุบตาลงอย่างทั้งอายและโกรธ ไม่อยากให้เจียงเซี่ยนเห็นความรู้สึกของนาง และเอ่ยด้วยเสียงหดหู่ว่า “ขอโท ทษ ข้าผิดเอง! ต่อไปข้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ!”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า และถามหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง “แบบนี้ได้หรือไม่?”
เด็กสาวทั้งสองต่างก็เป็นพวกจิตใจเมตตา ยิ่งกว่านั้นหลี่ตงจื้อยังตีคนแล้ว คุณหนูจวงขอโทษพวกนางต่อหน้าคนม มากขนาดนี้ ในความคิดของพวกนางก็พอแล้วเช่นกัน ดังนั้นเด็กสาวทั้งสองจึงพยักหน้าติดกันหลายครั้ง โดยต่างก็ยอมรั บคำขอโทษของคุณหนูจวงแล้ว
ฮูหยินจวงโล่งอก และขอโทษเจียงเซี่ยนอย่างจริงจังอีกครั้ง “เพราะคนเป็นแม่อย่างข้ารักลูกมากเกินไป พอได้ยินว่า านางถูกคนตีก็สติเลอะเลือน จนไม่ได้ถามสาเหตุของเรื่องราวให้ชัดเจนก็มาถึงบ้าน ขอให้ท่านหญิงอย่าลดตัวลงมาทะเล ลาะกับข้าเลย”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า
เหมือนปล่อยเรื่องนี้ไปแบบนี้แล้ว
ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่รีบลุกขึ้นไกล่เกลี่ย และเรียกให้ฮูหยินจวงกับคุณหนูจวงนั่งลงดื่มชาด้วยกัน
ฮูหยินจวงคิดว่าเสียหน้าแล้ว ก็สานสัมพันธ์กับเจียงเซี่ยนให้ดีดีกว่า จึงนั่งลงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล ละพูดคุยกับทุกคน จนกระทั่งรับประทานอาหารกลางวันที่ตระกูลหลี่แล้วถึงจะบอกลา
ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ก็กำลังคิดว่าควรบอกลาแล้วเช่นกัน
ใครจะรู้ว่ากลับเห็นสาวใช้ประจำตัวที่ชื่อฉิงเค่อของเจียงเซี่ยนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และกระซิบอะไรบางอย่าง กับเจียงเซี่ยน เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็ยิ้มเยาะทันที และเอ่ยว่า “นางขอโทษแล้ว ข้ารับแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายคว วามว่าข้าจะให้อภัยนาง เขาย้ายไปแล้ว ต่อไปข้าจะไปหาเรื่องใคร เจ้าไปบอกเขา ล่วงเกินข้าแล้ว ขอโทษครั้งหนึ่งก็คิ ดหนีแล้ว ไม่มีทาง! ให้เขาอยู่ซานซี ข้าเห็นเขาจนเบื่อแล้วเมื่อไร พวกเขาจะย้ายเขาไปไหนตามใจชอบอีก ข้าก็ไม ม่สนทั้งนั้น แต่ตอนนี้…เขาต้องอยู่ซานซีและไท่หยวน!”
ฉิงเค่อขานรับ และออกไปอย่างเชื่อฟัง
เหตุร้ายอันใหญ่โตพัดกระพือในใจของฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากัน และลุกขึ้นลาเจียงเซี่ยนอย่างสุขุมเยือกเย็น ทว่ากลับนั่งในรถม้าคันเดียวกันหน้า ประตูฉุยฮวาของตระกูลหลี่
รถม้าออกจากจวนสกุลหลี่อย่างโคลงเคลง
แต่ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่กลับไม่พูดอะไรนานมาก
จนกระทั่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจที่อึกทึกครึมโครมดังมาข้างหูของทั้งสองคน และรถม้าไปถึงย่านการค้าแล้ว ฮูหยินติงถึ งเอ่ยว่า “ท่านหญิงเจียหนาน คงจะไม่ได้หมายถึงตระกูลจวงใช่หรือไม่?”
“เป็นไปได้!” ฮูหยินหลี่หน้าตาฉายแววเหนื่อยล้า
นางคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นซับซ้อนแบบนี้
“ต่อไปจะต้องตั้งใจดูความเป็นไปของสถานการณ์” ฮูหยินหลี่เอ่ยอย่างลังเลว่า “หรือไม่ก็…ขอให้คนไปสืบไปที่กรม ขุนนาง ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าใต้เท้าจวงจะเลื่อนตำแหน่งไม่ใช่หรือ?”
ฮูหยินติงรู้สึกตกใจ
พอกลับถึงบ้านก็ไปพบติงหลิวทันที และบอกเรื่องนี้กับติงหลิว โดยไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ
สีหน้าของติงหลิวเคร่งขรึมมาก
เขาเอ่ยกับฮูหยินติงว่า “ข้าจะลองเขียนจดหมายไปถามคนที่สอบขุนนางผ่านรุ่นเดียวกันที่อยู่ในเมืองหลวง ส่วนเจ้าไ ไปหาฮูหยินหลี่หน่อย ดูว่านางมีข่าวอะไรหรือไม่”
ฮูหยินติงตกลง ทว่ากลับอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ “ข้าเห็นท่านหญิงเจียหนานอายุยังน้อย หน้าตาก็ทั้งอ่อนโยนและเข ข้าอกเข้าใจผู้อื่นมาก คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นคนเด็ดขาดแบบนี้ ฮูหยินจวงล่วงเกินนาง นางกลับไม่ยอมเลิกรา ไม่เพีย ยงแต่ทำลายอนาคตของตระกูลเวิน เวลานี้แม้แต่ตระกูลจวงก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน กระทั่งขอโทษแล้วก็ต้องจับไว้ไม่ปล่อย …ถึงอย่างไรก็ออกมาจากในวัง จึงนิสัยเหมือนกับพวกคนในวัง”
“หุบปาก!” ติงหลิวรีบเอ่ย และมองไปรอบๆ อย่างตกใจ พอเห็นว่าในห้องไม่มีคนอื่น จึงสบายใจเล็กน้อย แล้วถึงเอ่ยว่ า “ในเมื่อตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่านางเป็นคนแบบนี้ จะติดต่อกับนางอีกก็ต้องระมัดระวัง ครั้งนี้เจ้าไปได้ติดต่อกั บคนที่อยู่ข้างกายนางหรือไม่? หากสนิทกับแม่นมที่อยู่ข้างกายนางได้จะดีที่สุด ต่อไปหากมีเรื่องอะไรและสามาร รถแจ้งข่าวให้พวกเราได้ก็ดีที่สุดแล้ว ยอมล่วงเกินสุภาพบุรุษดีกว่าล่วงเกินคนต่ำช้า!”
ฮูหยินติงเห็นด้วยมาก และรู้สึกว่าเรื่องนี้เร่งด่วน จนจะชักช้าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว “หากท่านหญิงใช้อำนาจที่กร รมขุนนางได้ พวกเราก็ล่วงเกินนางไม่ได้จริงๆ!”
“นางเป็นท่านหญิงที่ออกเรือนแล้ว และแต่งงานมาอยู่ไกลถึงไท่หยวน” ใต้เท้าติงส่ายหน้า และเอ่ยว่า “นางไม่มีทางท ที่จะมีอิทธิพลต่อกรมขุนนางได้ แต่เรื่องบางเรื่องก็เป็นแบบนี้ เรื่องดีไม่ได้ผลเรื่องร้ายได้ผล หากข้าอยากเล ลื่อนและย้ายตำแหน่ง นางช่วยไม่ได้อย่างแน่นอน แต่หากจะทำลายงานกลับง่ายมาก”
ฮูหยินติงรู้สึกปวดศีรษะแทบแตก และถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ทำไมพวกเราถึงเจอคนที่ก่อกวนโลกและนำภัยพิบัติร้ายแรง งมาสู่ผู้คนแบบนี้นะ? ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ไปจากไท่หยวนและกลับไปเมืองหลวงเมื่อไร?”