มู่หนานจือ - บทที่ 393 เดินทางไกล
ฮูหยินติงปวดศีรษะแทบแตก แต่ฉิงเค่อกลับกำลังกังวล
นางถอดเครื่องประดับให้เจียงเซี่ยนที่นั่งล้างเครื่องสำอางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “พวกเราตะโกนออกไปแบบนี้ไม่เป็นไรหรือเจ้าคะ? ถึงเฉิงเอินกงจะสิ้นเปลืองแรงไปมากเพื่อให้กรมขุนนางไม่แตะต้องใต้เท้าจวงชั่วคราว แต่ถึงอย่างไรสำเนาเอกสารราชการของราชสำนักก็ยังไม่ประกาศ หากมีการเปลี่ยนแปลง…”
พวกนางจะเสียหน้ามาก
ก่อนหน้านี้ท่านหญิงไหว้วานให้เฉิงเอินกงคิดหาทางทำให้ใต้เท้าจวงอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อ
“ถึงจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ไม่กลัวเช่นกัน” เจียงเซี่ยนมั่นใจความสามารถในการทำงานของเฉาเซวียนมาก “ข้าเพียงแค่อยากให้ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ช่วยข้าถ่ายทอดคำพูด พวกคนถ่อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจะได้ไม่คิดว่าล่วงเกินข้าแล้วขอโทษสักครั้งก็จบเรื่องได้ ครั้งนี้หากข้าไม่ทำตระกูลจวงจนหมดความโกรธ ข้าก็ไม่แซ่เจียง”
ฉิงเค่อเม้มปากยิ้ม
ท่านหญิงที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาแบบนี้ นางไม่ได้เห็นนานมากแล้ว
จะเห็นได้ว่าท่านหญิงยังคงชินกับการคบหากับพวกฮูหยินจากตระกูลขุนนาง
ความคิดฉายวาบผ่านไป สายตาของนางก็มีความเศร้าเล็กน้อย
มิน่าเล่าไทฮองไทเฮาถึงอยากให้ท่านหญิงอยู่ในวังต่อ
หากท่านหญิงเป็นฮองเฮา คงจะชอบต่อสู้กันไปมากับพวกสนมของฝ่าบาทมากอย่างแน่นอนกระมัง?
สำหรับคนอื่นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยง ทว่าสำหรับท่านหญิงกลับเป็นเกมที่สนุก
บางทีนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับที่ท่านหญิงอยู่ในวัง นอกจากท่านหญิงชิงฮุ่ยแล้วก็ไม่เคยมีเพื่อนเล่นที่อายุเหมาะสม จึงจำต้องอยู่เป็นเพื่อนเหล่าหญิงชราที่เป็นหม้ายอย่างไทฮองไทเฮา ไทฮองไท่เฟย และเฉาไทเฮาทั้งวัน จนชินกับการปัดแข้งปัดขากันและกันระหว่างผู้หญิงแล้วกระมัง?
แต่ครั้งนี้ท่านหญิงปล่อยข่าวออกไปล่วงหน้าแล้ว ต่อไปคงจะไม่มีคนกล้าล่วงเกินท่านหญิงแล้ว ท่านหญิงอยากสู้กับคนก็คงจะไม่มีคู่ต่อสู้แล้วเช่นกัน
นางสยายผมของเจียงเซี่ยนไว้ข้างหลังอย่างเบาและนุ่มนวล แล้วหยิบหวีไม้เหอเถาขึ้นมาช่วยหวีผมให้เจียงเซี่ยนอย่างละเอียด
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับรู้สึกเบื่อเล็กน้อย จึงเอ่ยว่า “ระดับของตระกูลจวงต่ำเกินไปแล้ว น่าเบื่อ”
ฉิงเค่อประหลาดใจ
หลังจากนั้นก็เหมือนที่เจียงเซี่ยนคาดไว้ เรือนของนางเริ่มมีคนมาเยอะมากจนคึกคักมาก
เจียงเซี่ยนพบปะพวกหญิงชนชั้นสูงไประยะหนึ่ง ก็รู้สึกเบื่ออีก
พวกหญิงชนชั้นสูงคุยไปคุยมาก็มีแต่เรื่องพวกนั้น
นางคิดว่าตนเองควรคบหาเพื่อนที่ชอบเข้าสังคมเป็นพิเศษ แล้วก็เรียกคนมาคุยเรื่องจุกจิกในชีวิตประจำวันของครอบครัวกับเหล่าเพื่อนบ้านบ่อยๆ แบบนี้ทั้งสามารถประหยัดเวลาของนางได้ และสามารถสืบข่าวบางข่าวจากข้างนอกได้
ตอนที่เจียงเซี่ยนเป็นไทเฮาก็รู้ว่าดูถูกข่าวลือที่ดูเหมือนไม่น่าเชื่อถือพวกนั้นไม่ได้
บางครั้งในข่าวลือเหล่านั้นจะส่งต่อสิ่งที่แปลกมาก ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะดูออกหรือไม่
แต่ควรจะเลือกใครกันแน่? เจียงเซี่ยนยังตัดสินใจไม่ค่อยได้
ทว่าหลี่เชียนกลับเตรียมการเรื่องที่ไปเสฉวนเรียบร้อยแล้ว
เจียงเซี่ยนก็กระวนกระวายใจอีก
นางเดินไปเดินมารอบหลี่เชียนทุกวัน ช่วยเขาเก็บของ เตรียมเสบียงอาหาร แค่กางเกงสำหรับเปลี่ยนและซักก็เตรียมไปยี่สิบสี่ชุดแล้ว
หลี่เชียนเห็นแล้วก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเอ่ยว่า “แพรต่วนพวกนี้ใช้ไม่ทน และซักยาก ใส่อยู่บ้านดีกว่า ข้าเอาเสื้อผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดไปสองสามตัวก็พอแล้ว”
“จะทำแบบนั้นได้อย่างไร” เจียงเซี่ยนตอบ “ซักยาก ใส่สกปรกแล้วก็โยนทิ้งไปแล้วกัน เสฉวนเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ พอไปถึงที่นั่น พวกเจ้าค่อยจ้างพวกช่างตัดเสื้อทำเสื้อผ้าดีๆ ให้เจ้าสักสองสามชุดก็ได้”
ในที่สุดหลี่เชียนก็คิดเหตุผลดีๆ ที่จะปฏิเสธเจียงเซี่ยนทางอ้อมได้แล้ว “ดังนั้นข้าว่าไม่ต้องเอาไปเยอะเกินไป ตอนที่เรือเทียบท่า ข้าไปซื้อที่ร้านตัดเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นก็ได้ ของพวกนี้เจ้าเก็บไว้ที่บ้าน รอข้ากลับมาใส่”
เจียงเซี่ยนคิดดูแล้วก็จริง
เอาหีบสัมภาระไปมากขนาดนั้น จะไปจะมาก็ลำบากเช่นกัน
นางอดที่จะหัวเราะไม่ได้
หลี่เชียนรู้ว่านางไม่เคยทำเรื่องพวกนี้มาก่อน จึงเป็นห่วงมากกว่าปกติ ทำให้ตอนที่จัดการปัญหาหรือสื่อสารกันความคิดวุ่นวายมาก แม้จะปฏิเสธเจียงเซี่ยนแล้ว แต่ในใจกลับซาบซึ้งมาก จึงจูบหน้าผากของนางและเอ่ยว่า “ข้าทิ้งอวิ๋นหลินเอาไว้ เจ้ามีธุระอะไร ก็สั่งให้เขาไปจัดการ เขาละเอียดรอบคอบที่สุด หากเขาก็ทำได้ไม่ดี เจ้าอดทนไว้ก่อน รอข้ากลับมาค่อยว่ากัน” และกำชับนางอีก “ต้องกินข้าวให้ดี อย่านอนอ่านหนังสือนิยายอยู่บนเตียงทั้งวัน เวลาว่างก็เดินเล่นในลานบ้าน หากจะออกไปเดินเล่นข้างนอก อย่าลืมเรียกชีกูไปด้วย…”
ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง กำชับทีละเรื่อง
เจียงเซี่ยนขานรับ โดยที่ความคิดลอยไปไกลมากตั้งนานแล้ว
ครั้งนี้หลี่เชียนออกจากบ้านไปไกล และทิ้งอวิ๋นหลินเอาไว้ดูแลนาง
นางอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ตอนนั้นที่อวิ๋นหลินเป็นแม่ทัพที่ด่านจวีหย่งตลอด ก็เพื่อปกป้องความปลอดภัยของนางจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
ผ่านไปสองวัน หลี่เชียนเลือกวันมงคลวันหนึ่งแล้วพาพวกเซี่ยหยวนซี จงเทียนอี้ เว่ยสู่ และฉางจิงไปเสฉวน
ก่อนออกเดินทาง เจียงเซี่ยนอยากส่งหลี่เชียน
หลี่เชียนไม่ให้นางส่ง บอกว่าครั้งนี้ไปเสฉวนอย่างเป็นความลับมาก มีแค่พวกหลี่ฉางชิงกับเกาฝูอวี้ที่รู้ แม้แต่หลี่หลินก็ปิดบัง คนนอกถามขึ้นมา บอกแค่ว่าไปสนามฝึก พอนางส่งแบบนี้ เกรงว่าจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น
เจียงเซี่ยนไม่ดื้อดึง
เพียงแต่เช้ามืดนั้นที่หลี่เชียนจากไป นางก็ยังส่งเขาถึงหน้าประตูฉุยฮวา และยืนอยู่หน้าประตูตลอด จะดูหลี่เชียนจากไป
หลี่เชียนโบกมือให้นางกลับไปหลายครั้ง นางก็ไม่สนใจ ทำให้หลี่เชียนจนปัญญา และถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างจนใจ แล้วย้อนกลับมาอีกครั้ง และกอดนางเบาๆ ถึงจะจากไปโดยไม่หันกลับมา
เจียงเซี่ยนรู้สึกเศร้าทันที และรู้สึกว่าตระกูลหลี่ใหญ่แบบนี้ช่างว่างเปล่าและไร้ผู้คน
หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงมาอยู่เป็นเพื่อนเจียงเซี่ยนทุกวัน
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางหยอกทั้งสองคนเล่นว่า “ปกติทำไมไม่เห็นพวกเจ้ามาเที่ยว? ตอนที่ท่านแม่ทัพจากไปคงจะไม่ได้สั่งพวกเจ้าไว้ใช่หรือไม่?”
หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงสีหน้าแดงก่ำ และเอ่ยอย่างเขินอายว่า “ตอนท่านพี่จากไปสั่งไว้ แต่พวกเราก็อยากอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้เหมือนกัน”
เจียงเซี่ยนหัวเราะ พลางครุ่นคิดว่าต้องหาอาจารย์หญิงที่ดีหน่อยให้หลี่ตงจื้ออย่างเร็วที่สุด
ฮูหยินเหอเห็นนางเบื่อ จึงเชิญช่างตัดเสื้อมาทำเสื้อผ้าให้ทุกคนที่บ้าน
ป้าเหอดีใจมาก และทำเสื้อผ้าให้ตนเองทั้งข้างในและข้างนอกสิบกว่าตัว บอกว่าฮูหยินจินกลับบ้านช่วงเดือนสิบเอ็ด เรื่องแต่งงานของเหอถงเหนียงกับจินเฉิงถึงจะไม่มอบสินสอด ทั้งสองตระกูลก็ต้องเรียกว่าญาติแล้วเช่นกัน นางจึงต้องแต่งตัว
ฮูหยินเหอยิ้มตลอด และปรึกษาเรื่องแบบเสื้อผ้ากับป้าเหออย่างร่าเริง
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับไม่ค่อยถูกใจ
นางแอบถามไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อ “หาช่างทำเครื่องประดับที่ดีหน่อยได้หรือยัง?”
ทั้งสองคนส่ายหน้า
เห็นของที่สร้างขึ้นตามแบบของในวังจนชินแล้ว ของข้างนอกจึงยากที่จะถูกใจจริงๆ
เจียงเซี่ยนถอนหายใจยาว
วันเวลาที่ไม่มีหลี่เชียน นางรู้สึกไม่มีชีวิตชีวา
ฉิงเค่อกับไป่เจี๋ยต่างพยายามทำให้นางอารมณ์ดีทุกวิถีทาง
เจียงเซี่ยนยังคงเซื่องซึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน นอนอยู่บนเตียงอย่างโดดเดี่ยวคนเดียว ข้างกายไม่มีลมหายใจและความร้อนของอีกคนหนึ่งอีกแล้ว นางจึงรู้สึกเงียบเหงาเป็นเท่าตัว
นี่ทำให้นางอดที่จะนึกถึงฤดูหนาวของเมืองหลวงไม่ได้
เพิ่งจะเริ่มมีลมหนาว วังฉือหนิงก็จุดเตาไฟใต้ตำหนักคลายหนาวแล้ว
เดินไปไหนก็อุ่น
ไทฮองไทเฮาจะอยู่เป็นเพื่อนนางทั้งวัน เล่านิทานให้นางฟัง บอกนางว่าเล่นไพ่อย่างไร เรียกสตรีเข้ามาเล่านิทาน ปล่อยให้นางนอนอยู่ในผ้าห่มไม่ไปเรียน และให้แม่นมเมิ่งช่วยนางเขียนตัวอักษรใหญ่สวมรอยเป็นการบ้านของนางส่งให้อาจารย์อย่างจั่วอี่หมิง…แต่ตอนที่นางจากไป กลับไม่ได้คุกเข่าคำนับและบอกลาไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยที่รักนางมาก
เจียงเซี่ยนรู้สึกไม่สบายใจ
มักจะรู้สึกว่าตนเองไม่ได้บอกผู้อาวุโสในตระกูลอย่างจริงจัง ก็หนีตามหลี่เชียนมาซานซีแล้ว
นางอยากเจอไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟย