มู่หนานจือ - บทที่ 395 เงียบสงัด
เจียงเซี่ยนเป็นคนมาสองชาติ หากบอกว่าติดต่อกับใครมากที่สุด นอกจากขันทีกับนางในในวังหลัง ก็คือราชเลขาธิการ รจากสำนักราชเลขาธิการกับขุนนางจากหกกรมสามสำนัก
นางอาจจะไม่สนใจที่จะรู้ว่าพวกขันทีกับนางในในวังหลังกำลังคิดอะไรอยู่เพราะมองข้ามฐานะ ทว่าจะไม่มองข้ามว่าร ราชเลขาธิการจากสำนักราชเลขาธิการกับขุนนางจากหกกรมสามสำนักกำลังคิดอะไรอยู่อย่างเด็ดขาด
ดังนั้นพอหลี่ฉางชิงพูดออกมา นางจึงรู้ว่าหลี่ฉางชิงกำลังคิดอะไรอยู่?
“ท่านแม่ทัพก็ไม่ได้เป็นคนบอกข้าทั้งหมดเช่นกัน” เจียงเซี่ยนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ข้าเห็นว่าช่วงนี้ท่านแม่ทัพอา ารมณ์ไม่ดี อยากช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความลำบาก เขาจึงเล่าเรื่องพวกนี้ให้ข้าฟังอย่างตะกุกตะกัก ข้าฟังแล้วมีเหตุผ ผลมาก จึงอยากช่วยท่านแม่ทัพ แต่นิสัยของท่านแม่ทัพ ท่านก็รู้ ไม่ยอมขอร้องคนอื่นง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่อ องให้ข้าออกหน้า เป็นข้าเองที่เห็นว่าท่านแม่ทัพไม่รู้จะทำอย่างไรดี อยากหางานสักงานที่ส่านซีก็หาช่องทาง ไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากช่วยท่านแม่ทัพมาก แต่ข้าก็กลัวว่าท่านแม่ทัพจะคิดว่าข้าจุ้นจ้าน มักจะไปขอร้องตระกูลเจ จียง ทำให้ตระกูลเจียงดูถูก ข้าจึงอยากฉวยโอกาสที่หลายวันนี้ท่านแม่ทัพไม่อยู่บ้าน กลับเมืองหลวงอย่างเงียบๆ ไปพ พบเฉาไทเฮา จะได้ทำให้เฉาไทเฮาสบายใจ และให้เฉาไทเฮาช่วยวางแผนให้ท่านแม่ทัพ ถึงเวลานั้นท่านก็บอกว่าท่านเป็น คนไปขอร้องเฉาไทเฮา ท่านแม่ทัพเจอข้าก็ไม่ต้องรู้สึกกระอักกระอ่วน ท่านก็ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับท่านแม่ทัพเช่น นกัน…”
หลี่ฉางชิงได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต
‘ท่านแม่ทัพ’ ที่ลูกสะใภ้เอ่ย ใช่ลูกชายของเขาหรือไม่?
ตระกูลของพวกเขาไม่คิดว่าการขอร้องคนอื่นเสียหน้า!
ตนเองสู้คนอื่นไม่ได้ ยังไม่ยอมขอร้องคนอื่น ขอร้องคนอื่นแล้ว ยังกลัวเสียหน้า แถมยังไม่พอใจที่ลูกสะใภ้ของตนเอง งช่วยเหลือ…ทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่เจียหนานคิดออกมาเองกระมัง?
หลี่ฉางชิงตั้งใจมองเจียงเซี่ยน
แค่เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจของเจียงเซี่ยน ก็ถึงกับไม่สงสัยในสิ่งที่นางเอ่ยเมื่อครู่แม้แต่นิดเดียว ว
ที่แท้ลูกชายอยู่ต่อหน้าลูกสะใภ้เป็นแบบนี้นี่เอง!
หลี่ฉางชิงรู้สึกเข้าใจในทันใด!
เขาคิดว่าเขาไม่สามารถเลื่อยขาเก้าอี้ลูกชายได้
“เจ้าเป็นห่วงจงเฉวียน อยากทำดีเพื่อเขา ข้าเข้าใจแล้ว” เขาเอ่ย “แต่ผู้หญิงอย่างเจ้า ทั้งร่างกายอ่อนแอและตำแหน น่งสูง จะกลับไปเมืองหลวงแบบนี้ได้อย่างไร? ข้าว่า…เรื่องนี้ให้จงเฉวียนไปจัดการเองดีกว่า! เขาเป็นผู้ชาย เจ้าค ควรเชื่อว่าเขาสามารถทำได้ดี”
เจียงเซี่ยนคิดไม่ถึงว่าหลี่ฉางชิงจะคัดค้าน
ในความทรงจำของนาง หลี่ฉางชิงทะเยอทะยานมาก และพอใจเป็นอย่างยิ่งที่หลี่เชียนได้แต่งงานกับท่านหญิง
คำพูดแบบนี้…สิ่งที่นางเอ่ยเป็นการมอบหมอนให้คนที่สัปหงกไม่ใช่หรือ?
ทำไมหลี่ฉางชิงถึงปฏิเสธ?
เจียงเซี่ยนอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ข้าเชื่อท่านแม่ทัพอยู่แล้ว แต่ทำไมเรื่องที่ง่ายๆ ไม่ทำอย่างง่ายๆ ล่ะ? ครั งนี้ท่านแม่ทัพไปเสฉวนอย่างเร็วที่สุดก็ช่วงเดือนสิบเอ็ดถึงจะได้กลับมา หลังจากนั้นก็ใกล้ปีใหม่แล้ว ส่งของขวัญ ญเทศกาลตรุษจีนให้พวกคนที่เมืองหลวง มอบเงินค่าน้ำร้อนน้ำชาให้เพื่อนขุนนางที่ซานซี เยี่ยมเยียนเหล่าผู้บังคับบัญ ญชาของตนเอง กว่าท่านแม่ทัพจะได้พัก ก็ถึงช่วงเวลาที่ป้องกันชนกลุ่มน้อยทางเหนือในฤดูใบไม้ผลิอีก แบบนี้…ก็ผ่า านไปเกินครึ่งปีแล้ว ถึงเวลานั้นฝ่าบาทอภิเษกสมรส ตระกูลหานถูกจัดให้เป็นตระกูลขุนนางระดับสูง วังจี่เต้าดึงรอ องเสนาบดีกรมพิธีการไปเป็นพวก สยงจวิ้นหรงนำเหล่าบัณฑิตจากเจียงหนาน ราชสำนักจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครบอกได้แน่ชัด ด ถึงข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ยินดีขจัดความกังวลและภัยอันตรายให้ท่านแม่ทัพ ทำไมท่านจะต้องทำอะไรอ้อมค้อม จนเสี ยโอกาสที่ดีมากนี้ไปอย่างไร้สาเหตุอีก!”
“เวลา สถานที่ และความสามัคคีของผู้คน ที่เวลาวางอยู่อันแรก ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล”
“ท่านพ่อ หากท่านหวังดีกับท่านแม่ทัพ ก็ให้ข้าไปเถอะ!”
หลี่ฉางชิงหวั่นไหวอย่างเลี่ยงไม่ได้
เจียงเซี่ยนเติมไฟอีก “ข้าคิดว่าจะเข้าเมืองหลวงอย่างเงียบๆ ก็เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ ไม่อยากให้คนอื่นคิดว ว่าท่านแม่ทัพได้อำนาจเพราะตระกูลเจียงกับข้า ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ทัพไม่มีความสุขเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ในภายภา าคหน้า จนส่งผลต่อความรักระหว่างสามีภรรยาของพวกเรา”
ครอบครัวรักใคร่ปรองดองกันถึงจะเจริญรุ่งเรือง
หากลูกชายกับลูกสะใภ้เคารพนับถือกันและกันแบบนี้ได้ตลอด และอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ถึงจะเป็นพื้นฐานของตระกูลที่เ เจริญรุ่งเรือง
“ได้!” หลี่ฉางชิงตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ แต่เจ้าต้องพาคนไปหลายคน”
เจียงเซี่ยนคิดไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว จึงเอ่ยว่า “ข้าพาน้องชายกับองครักษ์อวิ๋นไปก็พอแล้ว”
หลี่ฉางชิงอึ้งไป
เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างอ้อมค้อมว่า “แม่แท้ๆ ของน้องชายเป็นสาวใช้ของท่านแม่ ต่อไปน้องชายต้องช่วยท่านแม่ทัพทำงาน นอย่างแน่นอน เมืองหลวงมีของล้ำค่าที่หายากและงดงามนานาชนิด สถานที่ที่คนอัจฉริยะเกิดหรือเคยไปจะกลายเป็นเขตที มีชื่อเสียง รวบรวมความรู้ในใต้หล้า คนที่คิดว่าตนเองมีความสามารถเล็กน้อยต่างก็ไปเมืองหลวง ครั้งนี้เข้าเมือง งหลวงน้องชายอาจจะช่วยอะไรไม่ได้ ทว่าก็ได้เปิดหูเปิดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าไปเมืองหลวงแล้วไม่เพียงแต่จะกลับจวนเจ จิ้นกั๋วกง ไปพบเฉาไทเฮา ยังจะไปคารวะไทฮองไทเฮาด้วย โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย น้องชายไปแล้ว มีแต่ผลดี ไม่มีผลเสีย ย จะได้ให้น้องชายฝึกความกล้าด้วย ต่อไปหากมีคนมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน น้องชายก็รู้ว่าจะติดต่อกับคนอื่นอย่างไร ไม่ถึงกับทำลายชื่อเสียงของจวนสกุลหลี่”
“ส่วนองครักษ์อวิ๋น…เป็นคนที่ท่านแม่ทัพทิ้งเอาไว้ปกป้องข้า หากข้าไม่พาเขาไปด้วย เกรงว่าหลังจากท่านแม่ทัพ พรู้จะตำหนิองครักษ์อวิ๋น ข้าจะไม่สบายใจ”
หลี่ฉางชิงพยักหน้าเล็กน้อย และรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนคิดรอบคอบมาก ทว่าเขายังคงเอ่ยว่า “คนน้อยเกินไปแล้ว ข้า จะจัดสรรคนให้เจ้าอีกยี่สิบคน ให้พวกเขาคุ้มกันเจ้าเข้าเมืองหลวง”
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ครั้งนี้ข้าเข้าเมืองหลวงอย่างเงียบๆ”
นางกลัวว่าจ้าวอี้รู้ว่านางกลับเมืองหลวงแล้ว จะให้นางไปคารวะเขา
ตอนนี้เจียงเซี่ยนไม่อยากมองจ้าวอี้อีกครั้งด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องคารวะเขาอย่างเคารพนับถือที่สุด
“เช่นนั้นก็พาคนไปแค่สองคนนี้ไม่ได้เหมือนกัน!” หลี่ฉางชิงเบิกตาโต “นี่หากเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง ถึงข้าจะเส สียใจก็ไม่ทันด้วยซ้ำ เจ้าต้องพาคนยี่สิบคนนี้ไปด้วย ทุกคนเป็นหน่วยกล้าตายที่ข้าฝึกมา ต่อให้เจอโจรที่โหดเห หี้ยมระหว่างทาง ก็สามารถคุ้มกันเจ้าถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน แล้วก็ต้องแจ้งพี่น้องของเจ้าสักหน่อยด้วย หากมารับพวกเจ้ากลางทางได้จะดีที่สุด ถึงอย่างไรพี่น้องของเจ้าก็มักจะเคลื่อนไหวระหว่างเมืองเซวียนกับเมืองหลวง จะซ่อนคนสักกลุ่มก็ไม่ต้องพูดถึงอย่างสิ้นเชิง”
แจ้งเจียงลวี่?
เจียงเซี่ยนลังเลอยู่ชั่วครู่ก็เห็นด้วย
ถึงอย่างไรเรื่องที่นางกลับเมืองหลวง ใครก็อาจจะถูกนางปิดบัง มีแต่ครอบครัวของท่านลุงใหญ่ที่ไม่มีทางปิดบังได ด้ นอกจากนางจะพักที่จวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว นางก็อยากพบครอบครัวของท่านลุงใหญ่ และขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ พวกเขาทำเพื่อนางด้วย
และนางเติบโตในวังตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่าใต้หล้านอกจากวังหลัง ก็คืออยู่ข้างกายหลี่เชียนปลอดภัยที่สุด เวลา านี้หลี่เชียนกับวังหลังต่างอยู่ไกลจากนางมาก นางรู้สึกไม่ปลอดภัย จำเป็นต้องให้เจียงลวี่ปกป้องนางเพื่อให้ส สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
วันเวลาของนางกับหลี่เชียนยังอีกยาวไกล นางไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นตอนนี้!
เจียงเซี่ยนจึงขอความเห็นจากหลี่ฉางชิง “เช่นนั้นจะบอกคนในบ้านอย่างไร?”
หลี่ฉางชิงเอ่ยโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ “ก็บอกว่าจงเฉวียนไปสนามฝึกแล้ว เจ้ากลัวว่าจะเปิดศึกทำสงคราม จึงจะไปกินเจแล ละปฏิบัติธรรมอย่างสงบให้จงเฉวียนที่วัดสองเดือน…สองเดือนได้ใช่หรือไม่? ถึงเวลานั้นเจ้ากลับมาทันหรือไม่?”
“ได้!” เจียงเซี่ยนไม่กล้าพักที่เมืองหลวงนาน
ตามการกุมอำนาจของจ้าวอี้ เขาค่อยๆ ควบคุมองครักษ์ในเมืองหลวงทีละก้าว ใครจะรู้ว่านางเดินเล่นอยู่ในเมืองหลวง งจะถูกจ้าวอี้พบหรือถูกคนพบโดยบังเอิญและบอกจ้าวอี้หรือไม่?
หลี่ฉางชิงไม่พูดอะไรอีก เช้าวันรุ่งขึ้นเขาฉวยโอกาสที่พวกลูกพากันมาคารวะฮูหยินเหอเรียกทุกคนมารวมกัน และบอก กเรื่องที่เจียงเซี่ยนจะไปปฏิบัติธรรมอย่างสงบที่วัด