มู่หนานจือ - บทที่ 399 บังเอิญ
คนเฉลียวฉลาดอย่างหลิวตงเยว่ อวิ๋นหลินก็ฝีมือดีมาก ตามที่ชีกูบอก เป็นยอดฝีมือ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ปรากฏตัว วเหมาะสมกับเวลาเช่นนี้อีก...
ฉิงเค่อยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตระหนก
หากเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่นางจะรับผิดชอบไหว ดังนั้นรีบบอกเรื่องนี้กับเจียงเซี่ยนจะดีที่สุด ให้ท่านหญิ งตัดสินใจมาว่าจะทำอย่างไร
นางวิ่งเหยาะๆ กลับไปยังห้องพักแขกที่เจียงเซี่ยนอยู่
ยังดีที่ในห้องพักแขกเหมือนกับตอนที่นางออกไป ทั้งไม่มีใครหายไปและไม่มีของอะไรหายไป
นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว บอกเรื่องราวทั้งหมดกับเจียงเซี่ยนอย่างชัดเจน
เจียงเซี่ยนก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันทีเช่นกัน
หากมีคนพบร่องรอยของนาง และวางแผนพุ่งเป้ามาที่นาง แล้วยังทำให้หลิวตงเยว่กับอวิ๋นหลินหายไปอย่างไร้ร่องรอ อย เช่นนั้นนางก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากแล้ว ทว่าตอนที่นางเห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนกและอับจนหนทางของช ชีกูกับฉิงเค่อ นางก็อดไม่ได้ที่จะใจเย็นลง และปลอบใจพวกนางสองคนว่า “อย่าลนลาน เรื่องราวเป็นอย่างที่เจ้าเอ อ่ยหรือไม่ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ความกังวลของเจ้าก็มีเหตุผลเช่นกัน พวกเราก็อย่าเก็บของเลย เอาของมีค่าที่ พกพาง่ายและสะดวกของข้าไป พวกเจ้าช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้า…” คิดว่าต้องหลบพวกคนที่ไม่หวังดีต่อนาง จู่ๆ นาง ก็มีความคิดหนึ่ง จึงเอ่ยว่า “ชีกู เจ้าลองไปสืบดูก่อนว่าโรงเตี๊ยมยังมีห้องว่างอีกหรือไม่ พวกเราไปหลบที่นั่น! !”
ชีกูขานรับ และรีบเก็บของมีค่าที่พกพาง่ายและสะดวกของเจียงเซี่ยน แล้วเปิดประตูจะไปสืบสถานการณ์ภายใน
ใครจะรู้ว่าพอเปิดประตูกลับเจอหลิวตงเยว่ที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ชีกู ที่แท้ท่านเก่งมากขนาดนี้เชียว!” เขาถอนหายใจพลางเอ่ยเสียงเบามาก ดวงตาที่มองชีกูอยู่ต่างจะปรากฏดาวอ ออกมาแล้ว “ข้าเพิ่งจะยืนอยู่หน้าประตู ท่านก็ได้ยินเสียงของข้าแล้ว ก็ไม่แปลกที่ท่านแม่ทัพให้ท่านติดตามรับใ ใช้ข้างกายท่านหญิง เมื่อก่อนข้ามีตาหามีแววไม่ ท่านก็อย่าลดตัวลงมาทะเลาะกับข้าเลย ไว้ตอนที่ว่าง ข้าจะขอให้ ท่านสอนข้า ท่านห้ามปฏิเสธเชียว!”
ชีกูยังมีกะจิตกะใจฟังว่าเขาพูดอะไรบ้างที่ไหนกัน นางตบหน้าอกและถอนหายใจยาวเหยียด แล้วลากหลิวตงเยว่เข้าม มาในห้อง และเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “ท่านหญิง ตงเยว่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนที่กำลังเหยียบส้นรองเท้าจะลงจากเตียงกับฉิงเค่อที่ย่อตัวลงกำลังจะช่วยเจียงเซี่ยนใส่รองเท้าหันกล ลับมามองหลิวตงเยว่ แล้วต่างก็นึกถึงความกังวลกับความหวาดกลัวเมื่อครู่ จนอดไม่ได้ที่จะจ้องเขาอย่างเฉียบขาด
หลิวตงเยว่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างสิ้นเชิง
เขาเข้ามาในห้องอย่างระมัดระวังมาก และคารวะเจียงเซี่ยนอย่างนอบน้อมมากกว่าปกติ กำลังจะขอคำแนะนำจากเจียงเซี่ย ยนเสียงเบา เจียงเซี่ยนที่กลับไปนั่งลงบนเตียงใหม่ก็เอ่ยแล้วว่า “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”
หลิวตงเยว่รีบเอ่ยว่า “เรื่องนี้ยังต้องขอบคุณที่ท่านหญิงถามเรื่องนั้นจริงๆ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ต้อ องพลัดพรากกับลูกแล้วขอรับ”
คนที่อยู่ในห้องต่างตั้งหูฟัง
หลิวตงเยว่นึกถึงการจ้องของเจียงเซี่ยนเมื่อครู่ และเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างตั้งใจมากขึ้น “…ข้ามีคนน้อยกำลัง งไม่มาก จึงลากพี่อวิ๋นไปด้วย พอไปถึงหน้าประตู ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนถึงรู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นค้างค่า โรงเตี๊ยมจริง แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมรูดเครื่องประดับของคนนั้น และไล่คนออกไปก็พอแล้ว ทำไมกลับเลือกเวลานี้? ที่ แท้เป็นเพราะลูกหลานของตระกูลขุนนางในอำเภอถูกใจลูกสาวคนโตของผู้หญิงคนนั้น จึงอยากซื้อลูกสาวคนโต ว่ากันว่า าผู้หญิงคนนั้นก็มาจากตระกูลบัณฑิตเช่นกัน แถมสามียังเป็นขุนนางของอุทยานซั่งหลิน จะขายลูกสาวคนโตให้คนอื่นได้ อย่างไร? ตระกูลขุนนางนั้นจนปัญญา จึงคิดวิธีนี้ออกมา โดยปรึกษากับเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมนี้เรียบร้อยแล้ว และคิด จะชิงตัวโดยตรง ตามความคิดของข้า เรื่องนี้จัดการยาก แต่พี่อวิ๋นกลับบอกว่า ถ้าพวกเรายังไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แล้วจะเป็นใคร? ข้าจนใจ จึงจำเป็นต้องออกความคิดให้พี่อวิ๋น ให้เขาแสร้งเป็นคนทวงหนี้ และพาผู้หญิงคนนั้นกับ บพวกเด็กๆ ไปที่ลับตาคน พอเห็นว่าไม่มีใครตามและไม่มีใครดูอยู่แล้ว จึงซ่อนคนไว้ในรถม้าของพวกเรา ไว้ฟ้าสว่าง งแล้วค่อยว่ากันขอรับ”
เจียงเซี่ยนมองหลิวตงเยว่แล้วยิ้มอย่างเย็นชา
หลิวตงเยว่หวาดกลัวจนตัวสั่น และก้มหน้าค้อมตัว เหมือนอยากจะขดตัวเป็นก้อน และหายไปจากตรงหน้าเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนอดที่จะแอบขำไม่ได้ และเอ่ยว่า “ยืนตัวตรงแล้วพูด! ท่าทางของเจ้าในตอนนี้ เหมือนอะไร? ทำตัวลับๆ ล่ อๆ ไม่มีมาดสักนิด เรื่องนี้เป็นความคิดของเจ้าใช่หรือไม่? อย่าผลักอวิ๋นหลินออกมาขวางธนู!”
รอยยิ้มที่เปิดเผยในคำพูดของนางทำให้หลิวตงเยว่มีชีวิตชีวาขึ้นมาในชั่วพริบตา
เขายิ้มอย่างมีความสุขพลางเข้ามาใกล้ แล้วเอ่ยว่า “ท่านหญิง ตระกูลหานแค่มีฮองเฮา ก็กำเริบเสินสานจนเหมือนไม ม่มีขอบเขตแล้ว เรื่องใช้กำลังชิงหญิงชาวบ้านแบบนี้ยังทำอย่างกำเริบเสิบสานและไร้ความเกรงกลัวเช่นนี้ ข้าดูต่อไปไ ไม่ได้แล้วจริงๆ ถึงออกหน้าขวางเรื่องนี้…”
เจียงเซี่ยนได้ยินก็ทำหน้าขรึม และเอ่ยว่า “มีอะไรก็พูดมา ไม่ต้องพูดจาเยิ่นเย้อ เจ้าเห็นใจผู้หญิงคนนั้น อยาก กช่วยผู้หญิงคนนั้น ก็บอกว่าอยากช่วยคน อย่าพูดจามั่วซั่วเอง ตระกูลหานทำไม? ตอนนี้ในตระกูลมีฮองเฮาแล้ว ก็ มีสิทธิกำเริบเสิบสาน ทำไมถึงทำให้เจ้าดูต่อไปไม่ได้ ต้องช่วยเหลือฝ่ายที่ถูกรังแก และให้ความเป็นธรรมแทนสวรรค์ล ล่ะ?”
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นนิสัยเสียของในวัง
จะทำอะไรต่างก็เพื่อนาง
เห็นนางเป็นคนโง่หรือ?
พอหลิวตงเยว่ได้ยินก็ยืนตัวตรงทันที และเอ่ยว่า “ท่านหญิง ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วขอรับ”
สีหน้าของเจียงเซี่ยนคลายความโกรธลงเล็กน้อย และเอ่ยว่า “แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตระกูลหาน?”
หลิวตงเยว่เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ตระกูลที่จะชิงตัวนั้นแซ่หวัง บรรพบุรุษเคยดำรงตำแหน่งนายอำเภอของอำเภอจวี้หรง ตระกูลของฮูหยินเฒ่าของพวกเขาแซ่หู ไม่รู้เป็นอย่างไร หลายวันก่อนผูกสัมพันธ์กับตระกูลหาน แล้วจู่ๆ ก็กลายเป็น นกำเริบเสิบสานขึ้นมา เดิมทีก็ไม่มีอะไร แต่อยู่ๆ ตระกูลของพวกเขากลับเริ่มให้คนสืบหาเด็กผู้หญิงที่อายุสิบสองป ปีและเกิดในเดือนสิบเอ็ด บอกว่าจะส่งไปแต่งงานแก้เคล็ดให้คุณชายสามของตระกูลหานที่ตระกูลหาน สมัยนี้เรื่องแบบน นี้คนมากมายร้องไห้ขอไป เดิมทีตระกูลของพวกเขาก็เลือกพวกเด็กสาวที่เหมาะสมไว้แล้วเช่นกัน กำลังจะส่งเข้าเมืองหล ลวง คิดไม่ถึงว่าลูกสาวคนโตของผู้หญิงคนนั้นจะบังเอิญถูกใจพ่อบ้านของตระกูลหวัง และระบุชื่อว่าจะซื้อลูกสาวคนโต ตของผู้หญิงคนนั้น แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ยอม จึงวางแผนนี้”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็โกรธสุดขีด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เรื่องสำคัญทำไม่เป็นสักเรื่อง แต่เรื่องต่ำช้าไร้ยางอายแบบนี้กลับทำอย่างเชี่ยวชาญมากแ และไร้ความเกรงกลัว” นางถามหลิวตงเยว่ด้วยสีหน้าโกรธจัด “ตระกูลหานใครแซ่หู? แล้วคุณชายสามมาจากไหน? นี่ใครแอ อบใช้ชื่อและอาศัยอำนาจกับอิทธิพลของของตระกูลหานมากดขี่และข่มขู่คน? นายอำเภอของอำเภอชางผิงล่ะ ขุนนางล่ะ? ตายหมดแล้วหรือ!”
นัยน์ตาของนางเหมือนความหนาว สีหน้าเหมือนน้ำค้างแข็ง การใช้อำนาจบาตรใหญ่ ความยโสโอหัง และไร้ความเกรงกลัวที่ชา ายตามองใต้หล้าตอนเป็นไทเฮาแผ่ออกมาอย่างไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว เหมือนเจอความกดดันและการโจมตีที่ใหญ่มาก ทำใ ให้ชีกู ฉิงเค่อ และหลิวตงเยว่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและก้มหน้าลง ในห้องพลันเงียบมากจนเข็มหล่นก็ได้ยินในทั นใด
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ และลดความโหดเหี้ยมบนตัวลง แล้วถามหลิวตงเยว่ด้วยเสียงอ่อนโยน “ส่งคนไปส สืบหรือยัง?”
“ไป…ไปแล้วขอรับ” ขนของหลิวตงเยว่ยังตั้งอยู่ เสียงที่พูดยังตึงเครียดเล็กน้อย การพูดจาก็ไม่ค่อยคล่องแคล่ว เช่นกัน “พี่อวิ๋นไปแล้ว พี่อวิ๋นบอกว่า เรื่องนี้แลดูแปลกและน่าสงสัย ถึงอย่างไรตระกูลหานก็เป็นตระกูลที่มั งคั่งและมีอำนาจ ต่อให้ต้องแต่งงานแก้เคล็ด ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหาตระกูลที่ทั้งสองฝ่ายต่างสมัครใจไม่ได้ จึงยิ่ งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการใช้กำลังชิงตัวแบบนี้ ตระกูลหวังทำอะไรไม่ค่อยสมเหตุสมผล จึงไปสืบแล้วขอรับ…”
ถึงอย่างไรก็เป็นแม่ทัพใหญ่ที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ในมือของหลี่เชียนในอนาคต ตอนนี้ทำอะไรก็มีมาดเต็มที่แล้ ว
เจียงเซี่ยนแอบพยักหน้า สีหน้าใจกว้างและอ่อนโยนมากขึ้น