มู่หนานจือ - บทที่ 400 ช่วยเหลือ
หลิวตงเยว่เห็นสีหน้าของเจียงเซี่ยนผ่อนคลายลง ก็โล่งอก และเอ่ยว่า “ท่านหญิง ข้าจะไปเฝ้าข้างนอกเดี๋ยวนี้ พอพ พี่อวิ๋นกลับมาข้าจะมาแจ้งท่าน”
ในเมื่ออวิ๋นหลินไปจัดการเรื่องนี้แล้ว เจียงเซี่ยนก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
“ไม่ต้อง” นางคิดแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า พวกเจ้าซ่อนผู้หญิงคนนั้นกับเด็กไว้ในรถม้าของพวกเรา?”
“ขอรับ!” หลิวตงเยว่ได้ยินก็ลังเลอยู่ชั่วครู่ เหงื่อผุดออกมาทางหน้าผาก
ตอนนั้นพวกเขาคิดแต่ว่าจะซ่อนผู้หญิงคนนั้นกับลูกไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างไร อยากช่วยครอบครัวนั้น แต่กลับล ลืมไปว่าเวลานี้ร่องรอยของพวกเขาเป็นความลับ เจียงเซี่ยนถึงกับพักในโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนี้ เพื่อไม่ให้ดึงดูดความ มสนใจของผู้อื่น…พวกเขาทำเรื่องนี้อย่างไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเกินไปแล้ว
หลิวตงเยว่คุกเข่าลงตรงหน้าเจียงเซี่ยน แล้วเอ่ยอย่างทั้งเสียใจและละอายใจว่า “ท่านหญิง ข้ากับพี่อวิ๋นไม่ได้ คิดเรื่องนี้ให้รอบคอบ ข้าจะพาผู้หญิงคนนั้นกับลูกไปซ่อนที่อื่นเดี๋ยวนี้ขอรับ”
เจียงเซี่ยนถามด้วยสีหน้าแลดูเคร่งขรึมเล็กน้อยและน้ำเสียงเนิบช้าว่า “เช่นนั้นเจ้าคิดจะซ่อนผู้หญิงคนนั้นกับเด็ก กไว้ที่ไหน?”
หลิวตงเยว่ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่อยากปกป้องเจียงเซี่ยนตามสัญชาตญาณเท่านั้น
เขาพึมพำอยู่นานมากก็ไม่มีคำตอบ
เจียงเซี่ยนแอบถอนหายใจในใจ
ไม่ทำก็ไม่ทำ ในเมื่อทำแล้ว เช่นนั้นก็ทำความดีให้ถึงที่สุดแล้วกัน?
ยิ่งกว่านั้นเรื่องรังแกผู้หญิงกับเด็กแบบนี้ นางไม่เจอก็แล้วไป หากเจอแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องยุ่งสักหน่อย
“อากาศหนาวเย็นยะเยือกเช่นนี้ ก็ให้พวกนางค้างในรถม้าคืนหนึ่งแล้วกัน” นางสั่งหลิวตงเยว่ “เดี๋ยวเจ้าแอบหอบพวก กของต้านทานความหนาวไป อย่าให้เด็กหนาว ไว้อวิ๋นหลินกลับมา พวกเราค่อยตัดสินใจ”
หลิวตงเยว่ขานว่า “ขอรับ” อย่างรู้สึกผิด และถอยออกไป
ชีกูอดที่จะมองเจียงเซี่ยนต่างไปจากปกติไม่ได้
นางรับใช้อยู่ข้างกายเจียงเซี่ยนมาระยะหนึ่งแล้ว ในมุมมองของนาง นอกจากเรื่องของหลี่เชียนแล้ว เจียงเซี่ยนก ก็เย็นชากับคนและเรื่องอื่นมาก ครั้งนี้ก็แอบเข้าเมืองหลวง จึงไม่มีทางที่จะยื่นมือไปยุ่งเรื่องคนอื่นแบบนี้อย่า างเด็ดขาด แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนไม่เพียงแต่ยุ่ง ทว่ายังจะถามสาเหตุให้แน่ชัด เหมือนจะยุ่งให้ถึงที่สุด นางท ท่องยุทธภพ ก็ต้องเจอเรื่องรังแกคนระหว่างทางและก้าวออกไปช่วยเหลือฝ่ายที่ถูกทำร้ายอย่างกล้าหาญ สิ่งที่เจียงเ เซี่ยนทำตรงกับนิสัยของนางพอดี นางจึงอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ท่านหญิง จิตใจเมตตาจริงๆ เทวดาจะคุ้มครองท่าน”
เจียงเซี่ยนคล้ายจะเข้าใจความหมายของนาง แต่ชีกูเป็นคนที่ดูมากและพูดน้อยมาโดยตลอด พอทำเกินหน้าที่เล็กน้อยอย ย่างวันนี้จนพูดจาออกมาแบบนี้ ก็จะเห็นได้ว่าความรู้สึกนั้นปั่นป่วนแค่ไหน
ชีกูที่เป็นแบบนี้ทำให้นางรู้สึกว่าน่าสนใจมาก
นางล้อชีกูเล่นว่า “ปกติข้าเย็นชากับคนมากอย่างนั้นหรือ?”
ก่อนที่ชีกูจะเข้าจวนสกุลหลี่นางตรงไปตรงมาจนชินแล้ว ตอนหลังคิดว่าในเมื่อตนเองเข้าตระกูลหลี่แล้ว ก็ควรจะ ทำอะไรตามธรรมเนียมของตระกูลหลี่ จึงพูดจาและทำอะไรสงบเสงี่ยมมากขึ้น แต่เวลานี้กลับจู่ๆ ก็โพล่งออกมาอย่างไม่ ถูกควบคุม แสดงว่าความสามารถในการปลูกฝังคุณธรรมของนางยังไม่ถึงบ้าน นางหน้าแดงเล็กน้อย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ปกติท่านหญิงก็ดีกับคนอื่นเช่นกัน ทว่าเวลานี้ยังช่วยเหลือผู้หญิงกับเด็กได้ด้วย ทำให้ข้าเคารพนับถือมาก!”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็อึดอัดเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะหลิวตงเยว่กับอวิ๋นหลินซ่อนคนไว้ในรถม้าของพวกนาง นางก็คงจะไม่ยุ่งเรื่องนี้เช่นกันกระมัง?
นางเย็นชาเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
เจียงเซี่ยนกำลังครุ่นคิด อวิ๋นหลินกลับมาแล้ว
นางเชิญอวิ๋นหลินมาคุยในห้อง
อวิ๋นหลินหอบหายใจ และรับชาที่ฉิงเค่อส่งให้ไปนั่งลงบนม้านั่งที่ชีกูยกมา แล้วรีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง ฮูหยินเฒ่า าของตระกูลที่แซ่หวังนั้นแซ่หู นางผูกสัมพันธ์กับคนสกุลหูสะใภ้รองของท่านหญิงตงหยาง พวกเขาบอกคนนอกว่าคุณชายส สามของตระกูลหานอยากได้เจ้าสาวแต่งงานแก้เคล็ด ความจริงแล้วตระกูลหานไม่มีคุณชายที่อยู่อันดับสามด้วยซ้ำ ตระกูลหว วังบังเอิญได้ยินคนสกุลหูสะใภ้รองของท่านหญิงตงหยางพูดขึ้นมาว่าท่านหญิงชิงอี๋กำลังจะเข้าวังไปเป็นฮองเฮาแล้ว แต่ในวังเฉาไทเฮาจากไปแล้วก็มีไทฮองไทเฮาโผล่ขึ้นมาอีก กลัวว่าท่านหญิงชิงอี๋จะไม่สามารถยืนหยัดในวังได้ จึงคิ ดอยากสร้างความสัมพันธ์กับตู้เซิ่งหัวหน้าขันทีวังเฉียนชิง”
“แต่ตู้เซิ่งเป็นคนระมัดระวังมาก แล้วก็เป็นเพื่อนเล่นของฝ่าบาทมาตั้งแต่เด็ก คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ได้อย่างส สิ้นเชิง ดีที่ตู้เซิ่งก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการอะไรเลยเช่นกัน พี่ชายเป็นคนเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะที่บ้า านยากจน ถึงพี่ชายของเขาจะยกลูกชายคนโตของตนเองให้เป็นลูกเขยของคนอื่นแล้ว แต่ก็เก็บเขาเอาไว้ ตอนหลังบ้านเกิด ดของเขาเกิดน้ำท่วม เขาถูกพ่อค้ามนุษย์ขายเข้ามาในวัง จึงพลัดพรากกับพี่ชายและหลานชายในครอบครัว ปีที่แล้วเพิ่ง งจะหาตัวเจอ”
“พี่ชายของเขากับพี่สะใภ้เสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว ในตระกูลเหลือเพียงหลานชายคนเดียว หลังจากยอมรับว่าเป็นญาติ เข ขาก็รับหลานชายคนนี้มาที่เมืองหลวง และเลี้ยงเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ของตนเอง”
“คนอื่นต่างรู้ว่า หากอยากประจบตู้เซิ่ง สู้ประจบหลานชายของเขาดีกว่า”
“ประจวบเหมาะกับหลานชายของเขาปีนี้อายุสิบแปดปี ถึงวัยที่รู้เรื่องทางโลกแล้ว จึงอยากหาเด็กสาวที่สวยและเชื่อฟั งสองคนมารับใช้ข้างกาย”
“ตระกูลหานอยากส่งคนสองคนให้หลานชายของตู้เซิ่ง”
“ตระกูลหวังเห็นว่าลูกสาวคนโตของผู้หญิงคนนั้นหน้าตางดงามมาก จึงสนใจทันที”
“แต่ผู้หญิงคนนั้นมาจากตระกูลบัณฑิต นางยอมตายดีกว่าขายลูกสาว ตระกูลหวังไม่มีทางเลือก ถึงคิดเช่นนี้”
เจียงเซี่ยนยิ้มอย่างโกรธสุดขีด
เรื่องนี้กลับเกี่ยวข้องกับเสี่ยวโต้วจึ
เสี่ยวโต้วจึที่อ้อมน้อมถ่อมตนและต่ำต้อยต่อหน้านางตลอด นึกไม่ถึงว่ายังมีด้านนี้ด้วย
ทำให้คนคิดไม่ถึงจริงๆ!
จะเห็นได้ว่าชาติก่อนนางตายได้ไม่สูญเปล่าแม้แต่นิดเดียว!
นางยิ้มเยาะ และถามอวิ๋นหลิน “ก็หมายความว่า ตระกูลหวังส่งของให้คนอื่นเอง?”
อวิ๋นหลินพยักหน้า
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่ส่งหญิงงามเมือง? จะต้องใช้กำลังชิงหญิงชาวบ้านให้ได้?”
อวิ๋นหลินคิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนยังรู้จักหญิงงามเมืองด้วย จึงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน และเอ่ยว่า “ข้าสืบมาแล้ว ขอรับ จริงๆ แล้วตระกูลหวังอยากส่งหญิงงามเมือง ทว่าแบบนี้ประการแรกชัดเจนเกินไป ประการที่สองหญิงงามเมืองที่ดีหน น่อยก็ไม่ได้หาง่ายขนาดนั้นเช่นกัน…” พูดอยู่ น้ำเสียงของเขาชะงักไป และเอ่ยต่ออย่างลังเลเล็กน้อยว่า “และลู กสาวคนโตของผู้หญิงคนนั้นก็หน้าตาสวยมากจริงๆ จึงไม่แปลกที่พ่อบ้านของตระกูลหวังจะสนใจเช่นกัน…”
“จริงหรือ?!” เจียงเซี่ยนเลิกคิ้ว และอยากรู้ขึ้นมาว่าลูกสาวคนโตของผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร “ครอบครัวสาม มีของผู้หญิงคนนั้นแซ่อะไร? สามีเป็นขุนนางระดับไหน? เด็กสาวคนนั้นหน้าตาสวยขนาดนั้นจริงหรือ? เจ้าพานางมาให้ข้ าดูหน่อย!”
อวิ๋นหลินเอ่ยว่า “ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าครอบครัวสามีแซ่คัง สามีชื่อตวน ชื่อเสียงอวิ๋น เป็นผู้ช่วยของอุทยานซั่งห หลิน เป็นจิ้นซื่อปีหย่งซิ่งที่สิบสาม เดิมทีดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาที่กรมอาญา ตอนหลังกินเหล้าจนทำให้เสียงาน จึงถู กลดขั้นไปอุทยานซั่งหลิน แม้คุณหนูใหญ่ตระกูลคังจะอายุน้อย แต่กลับสวยจับใจ เป็นหญิงงามคนหนึ่ง เพียงแต่ตอนนี้ตร ระกูลหวังยังตามหาคนอยู่ แถมยังส่งคนไปเฝ้านอกโรงเตี๊ยม หากทำให้คนของตระกูลหวังรู้ก็ยุ่งยากแล้ว และดึกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงลูกห้าคนทั้งตกใจและกลัว เกรงว่าจะนอนไปนานแล้ว ให้คุณหนูใหญ่ตระกูลคังมาคารวะท่านพรุ่งนี ดีกว่า ท่านว่าอย่างไร?”
เวลานี้เจียงเซี่ยนค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องพรหมลิขิต
ในเมื่อตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพบคุณหนูใหญ่ตระกูลคัง ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนเช่นกัน ให้เป็นไปตามพรหมลิขิตแล้วกัน
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน” เจียงเซี่ยนตอบไป พลางตั้งใจหวนคิดถึงขุนนางที่แซ่คัง
เสียดายก็แต่นางคิดไปคิดมา อย่างไรก็คิดไม่ออกว่ามีขุนนางที่แซ่คังคนไหนเคยอยู่ในพวกขุนนางระดับสูงในชาติก่อน ของนาง