มู่หนานจือ - บทที่ 407 ต้อนรับแขก
ทั้งสองคนต่างไม่พูดอะไรไปชั่วขณะ
ในโถงบุปผาเงียบสงัด หากเข็มหล่นก็คงได้ยิน
นานสองนาน เจียงเซี่ยนได้สติกลับมาก่อน
นางหัวเราะออกมา และเอ่ยว่า “ดูพวกเราสิ กว่าจะได้เจอกันก็ไม่ง่ายเลย แต่กลับอารมณ์เสียขึ้นมาเพราะพวกเรื่องจุกจิก!”
“ก็จริง!” ไป๋ซู่ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน แล้วเอ่ยว่า “พวกเราไม่คุยเรื่องพวกนี้แล้ว เจ้าเล่าเรื่องที่เจ้าอยู่ซานซีให้ข้าฟังได้หรือไม่ เหตุใดช่วงก่อนหน้านี้ถึงได้ยินว่าเจ้าสั่ งสอนขุนนางด้วย?”
เจียงเซี่ยนจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง
ฉิงเค่อเข้ามาถามว่าจะตั้งอาหารเช้าที่ไหน
ทั้งสองคนต่างตัดสินใจรับประทานอาหารในโถงบุปผา
รับประทานอาหารเสร็จ เจียงเซี่ยนพาไป๋ซู่ชมบ้านหลังเล็กของตนเอง
ตาน้ำพุของน้าพุร้อนอยู่ในศาลาหกเหลี่ยมหลังหนึ่งของสวนดอกไม้ด้านหลัง ไม่เล็กไม่ใหญ่ อย่างมากที่สุดก็แช่ได้หกเจ็ดคน สระน้ำก่อเป็นรูปดอกไห่ถัง ข้างๆ หินสีเทาซ้อนกันอ อยู่สองสามก้อน และปลูกต้นกล้วยกับทับทิมสองสามต้น น้ำพุสีเขียวขจี ค่อนข้างมีความชนบท
ไป๋ซู่เอ่ยว่า “เดี๋ยวฮูหยินฝางจะต้องมาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นก็แช่น้ำพุร้อนกับเจ้าได้”
เจียงเซี่ยนอึ้งไป และเอ่ยว่า “เจ้าไม่อยู่ค้างคืนหรือ? พวกเรารอแช่น้ำพุร้อนด้วยกันหลังจากท่านป้ากลับไปก็ได้!”
ไป๋ซู่ได้ยินแล้วก็อึ้งไปเช่นกัน และเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องการให้ข้าเข้าวังไปแจ้งข่าวให้เจ้าหรือ?”
นางเป็นหลานสาวของไทฮองไท่เฟย และเติบโตที่วังฉือหนิง หลังจากออกจากวังก็มักจะเข้าวังไปคารวะไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟย ให้นางไปแจ้งข่าวกับไทฮองไทเฮา ก็เหมาะสมที่สุดแล้ ว
เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าไม่คิดจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าไทฮองไทเฮา ข้าอยากเชิญเสด็จยายออกมา”
“ออกมา?!” ไป๋ซู่มองนางอย่างประหลาดใจ
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และเอ่ยว่า “ในวังมีคนรู้จักข้ามากเกินไป และเป็นสถานที่ของฝ่าบาท อันตรายเกินไป ยิ่งกว่านั้นข้ายังอยากไปพบเฉาไทเฮาด้วย ข้าคิดว่า…ทูลไทฮองไทเฮาได้ หรือไม่ว่า ให้ไทฮองไทเฮาหาเหตุผลไปภูเขาวั่นโซ่ว แบบนี้…ข้าก็สามารถพบกับไทฮองไทเฮาบนเรือที่ไปภูเขาวั่นโซ่วได้แล้ว จะได้ฉวยจังหวะระหว่างทางที่ไปคุยกับไทฮองไทเฮา เล็กน้อยด้วย”
“ความคิดนี้ดี!” นางยังไม่ทันพูดจบ นัยน์ตาทั้งสองข้างของไป๋ซู่ก็ทอประกายแล้ว “ทั้งสามารถหลบเลี่ยงหูตาของในคนวังได้ และยังสามารถเข้าสู่ภูเขาวั่นโซ่วอย่างเงียบๆ ได้ด ด้วย แต่ทำไมเจ้าต้องไปพบเฉาไทเฮาให้ได้? มีเรื่องลำบากอะไร บอกพวกเราไม่ได้หรือ?”
“ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าทุกคนทำผิดไปด้วย” เมื่อเผชิญหน้ากับไป๋ซู่ เจียงเซี่ยนก็ไม่พยายามปิดบังอย่างสุดกำลังเช่นกัน “ข้าไปพบเฉาไทเฮา เพราะอยากหางานให้หลี่เชียนสักงาน”
ไป๋ซู่ตกใจมาก แล้วก็หัวเราะออกมา และเอ่ยว่า “เป่าหนิง เจ้ามีวันนี้!”
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับไม่ใส่ใจแม้แต่นิดเดียว และเอ่ยว่า “ทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้าก็มีวันนี้? เมื่อก่อนข้าเคยพูดอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“คำพูดที่ชอบเอาชนะแบบนั้นเจ้าไม่เคยพูด” ไป๋ซู่ป้องปากยิ้ม “แต่ตอนนั้นที่ท่านหญิงตงหยางหาตำแหน่งขุนนางมาให้สามีของท่านหญิงด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เจ้าเคยเหน็บแนมท่านหญิง งตงหยางว่าโง่เขลาไม่ใช่หรือ? บอกว่าคนอย่างสามีของท่านหญิง ทำอะไรไม่เป็นเลย ท่านหญิงตงหยางกลับหาตำแหน่งรองค่ายทหารเสินจีมาให้เขา ครอบครองตำแหน่งเปล่าๆ โดยไม่ทำงาน ทำลาย ยกฎระเบียบของราชสำนัก ท่านหญิงตงหยางยังพูดออกมาได้” นางพูดอยู่ ก็ทำท่าครุ่นคิด น้ำเสียงจึงชะงักไปเล็กน้อย “ข้าคิดดูแล้ว…ห่างจากที่เจ้าพูดเรื่องนี้ก็เหมือนจะเพียงแค่ส สองสามปีเช่นกัน ทว่าเวลานี้กลับถึงตาเจ้าพูดแบบนี้ และทำเรื่องแบบนี้แล้ว”
นางเอ่ยจบก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว
เจียงเซี่ยนเขินอาย แล้วก็รู้สึกว่าตนเองตลกเล็กน้อยเช่นกัน จึงเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “จะเห็นได้ว่าคนเราจะพูดจาหรือทำอะไรต่างก็ห้ามอวดดีเกินไป ไม่อย่างนั้นก็จะเปิดเผยค ความจริงของเขากับคนอื่นทันที และทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ”
ไป๋ซู่หัวเราะออกมาเสียงดังอีกครั้ง
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรปกติข้าก็ไม่อยู่ ข้าจะให้หลิวตงเยว่บอกคนเฝ้าประตูไว้ หากหน้าหนาวเจ้าอยากแช่น้ำพุร้อน ก็มาได้เลย บ้านนี้ไม่มีคนอยู่นาน ก็พังง่ายเช่นกั น”
แน่นอนว่าไป๋ซู่ไม่มีทางที่จะหัวเราะเยาะเจียงเซี่ยนต่อ จึงเปลี่ยนเรื่องตามนาง “ก็ดีเหมือนกัน ไว้ถึงหน้าหนาวข้าจะมาอยู่ชั่วคราวสักสองสามวัน จะได้ช่วยเจ้าตกแต่งบ้านหลังนี้อย ย่างดี ไว้ตอนที่เจ้ามาอีกครั้ง จะต้องเปลี่ยนไปมากอย่างแน่นอน ทำให้เจ้าอยู่แล้วก็ไม่อยากจากไปเลย”
ทั้งสองคนพูดคุยพลางหัวเราะ และนั่งลงบนที่นั่งคนงามข้างศาลา
มีสาวใช้รีบมารายงานว่า “คุณชายใหญ่มาเป็นเพื่อนฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของทั้งสองคนต่างฉายแววดีใจ พวกนางจัดเสื้อผ้า และไปที่ประตูฉุยฮวา
รถม้าผ้าใบสีดำจอดอยู่หน้าประตูฉุยฮวา ฮูหยินฝางที่สวมหมวกม่านตาข่ายลงจากรถม้าโดยมีแม่นมอวี๋คอยประคอง
“ท่านป้า!”
“ฮูหยินฝาง!”
ทั้งสองคนเข้าไปหาอย่างดีใจ
ฮูหยินฝางเลิกหมวกม่านตาข่ายขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่เอ็นดู
ทั้งสองคนเข้าไปคล้องแขนของฮูหยินฝางคนละข้าง
ฮูหยินฝางหัวเราะ คนทั้งกลุ่มเข้าไปทางประตูฉุยฮวา
“ก่อนหน้านี้ข้ายังกังวลว่าเจ้าถูกรังแกที่ตระกูลหลี่จึงกลับมา” ฮูหยินฝางสังเกตสีหน้าของเจียงเซี่ยน พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาลวี่กลับไปบอกข้าว่าเจ้าใช้ชีวิตสุขสบายมาก ข้ายังคิดว่าเขาหลอกข้าอยู่ ตอนนี้เห็นเจ้าเป็นแบบนี้ ข้าก็บอกได้ว่าวางใจแล้ว แต่ครั้งนี้จู่ๆ เจ้าก็มาเมืองหลวงอย่างลับๆ ข้าก็ยังต้องต่อว่าเจ้าอยู่ดี ตอนนี้เจ้าไม่เหมือ อนเมื่อก่อน เจ้าเป็นสะใภ้ของตระกูลหลี่และภรรยาของแม่ทัพหลี่แล้ว ทิ้งพ่อแม่สามีไม่กตัญญู ทิ้งสามีไม่ดูแล ไม่ใช่การกระทำของสะใภ้ที่ดี ต่อให้ไทฮองไทเฮาทรงทราบ ก็จะไม่ดีพระ ะทัยเช่นกัน…”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ รู้แล้วเจ้าค่ะ” เจียงเซี่ยนได้ยินนางเอ่ยเหมือน ‘หากเจ้าไม่ยอมรับผิดข้าก็จะพูดต่อไปตลอด’ จึงเอ่ยอย่างยอมแพ้ว่า “ครั้งนี้ข้ามา นอกจากเยี่ยมไทฮองไทเฮากับท ท่านแล้ว ยังอยากหางานให้หลี่เชียนสักงานด้วย”
ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาทุกคนต่างก็อยากแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจ ก็เพราะถูกใจเส้นสายของตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจที่สามารถนำผลประโยชน์มาให้ตนเองได้ ในช่วงเวลาสำคัญไม่ใช่หรือ?
ฮูหยินฝางได้ยินแล้ว แม้จะประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้ไม่ดีตรงไหน จึงเอ่ยว่า “ดังนั้น…พ่อสามีของเจ้ารู้ว่าเจ้ามาเมืองหลวงหรือ?”
“ใช่แล้ว!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อยังให้น้องรองส่งข้ามาด้วย”
ทีนี้ฮูหยินฝางถึงจะถือว่าวางใจแล้ว จึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าก็ได้ยินอาลวี่บอกแล้วเช่นกัน อาลวี่ยังบอกว่า น้องรองของเจ้าเหมือนกับลูกเขย หน้าตาโดดเด่น องอาจห้าวหาญ เป็นชา ายหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่ง ในเมื่อมาแล้ว เจ้าก็ให้เขาใกล้ชิดกับพวกอาลวี่มากๆ ถึงอย่างไรก็เป็นญาติกัน ไปหามาสู่กันจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” และเอ่ยว่า “ครั้งนี้เกรงว่าคงจะไม่ได้ หลังจากข้าพบไทฮองไทเฮากับเฉาไทเฮา ก็ต้องรีบกลับไปเลย ต้องรอครั้งหน้าแล้ว” หลังจากนั้นก็บอก กแผนการของตนเองกับฮูหยินฝาง
ฮูหยินฝางฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “ดี” และเอ่ยว่า “สมองของคนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้ายังคงใช้การได้ดี อย่างข้าก็คิดได้เพียงไปที่อย่างพวกศาลเจ้ากูเส่า หลายวันนี้วังคุ นหนิงกำลังซ่อมแซมอยู่พอดี เสียงดังจนในวังไม่สงบ ให้ไทฮองไทเฮาใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างไปพักที่ภูเขาวั่นโซ่วสองสามวันได้ และเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนไทฮองไทเฮาได้ด้วย”
นางพูดจนเจียงเซี่ยนก็ใจเต้นขึ้นมาเช่นกัน “เช่นนั้นข้าเขียนจดหมายให้ไทฮองไทเฮาดีกว่า?”
“อย่าเขียนจดหมายเลย!” ไป๋ซู่ระวังมาโดยตลอด และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเข้าวังไปบอกไทฮองไทเฮาดีกว่า เขียนจดหมาย หากตกเป็นที่ครหากลับไม่งาม”
ทั้งสามคนจึงปรึกษาและตกลงเรื่องราวกันเรียบร้อย