มู่หนานจือ - บทที่ 63 แผนการ
หากทำให้ฮ่องเต้ไม่พอใจ อย่าว่าแต่ท่านหญิงที่ต่อไปต้องพึ่งพาอาศัยตระกูลของตนเองเลย ต่อให้เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนักที่มีบรรดาศักดิ์สูง หลังจากฮ่องเต้ว่าราชการด้วยตนเองก็เกรงว่าจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นกัน
ซ่งเสียนอี๋ค่อนข้างกังวล
ทว่าเจียงเซี่ยนหาได้สนใจเรื่องเหล่านั้นไม่
นางหาวครั้งหนึ่ง และเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “แล้วแต่เขาแล้วกัน” นางไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตโดยพึ่งพาบุญคุณของจ้าวอี้ แล้วนางก็สั่งฉิงเค่อ “ตอนนี้ข้าจะพักผ่อนแล้ว ไม่มีธุระอะไรก็อย่าเรียกข้า”
ฉิงเค่อยิ้มพลางขานรับ “เจ้าค่ะ” นางช่วยปลดม่านให้เจียงเซี่ยนอย่างแผ่วเบา แล้วส่งสัญญาณให้ซ่งเสียนอี๋ที่ดูเหมือนจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวว่าควรออกไปได้แล้ว
ซ่งเสียนอี๋พยักหน้า และออกมาจากตำหนักข้างที่ใช้เป็นห้องนอนกับฉิงเค่อ แต่กลับไม่กลับไปทำงานเย็บปักถักร้อยที่ที่พักของตนเองหรือช่วยงานนางในที่มาด้วยกันเหมือนเช่นเคย ทว่าตามอยู่หลังฉิงเค่อ หลายครั้งอยากพูดแต่ก็ยั้งไว้
ฉิงเค่อจูงนางไปหยุดยืนข้างกำแพงดอกไม้ที่ปลูกไผ่เซียงเฟยตรงระเบียดคด และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พูดมาเถอะ! เจ้าอยากถามอะไรกันแน่?”
ซ่งเสียนอี๋ท่าทางลำบากใจ และยิ้มพลางเอ่ยว่า “ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ?”
ฉิงเค่อหยอกนางเล่น “จะให้ข้าหากระจกมาให้เจ้าส่องสักบานหรือไม่?”
ซ่งเสียนอี๋ได้ยินรอยยิ้มก็จางลงเล็กน้อย นางคิดด้วยสีหน้าจริงจังอยู่นานสองนาน แล้วถึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านหญิงไม่กลัวล่วงเกินฝ่าบาท ล่วงเกินไทเฮาจริงหรือ?”
ฉิงเค่อคิดถึงคำสั่งของเจียงเซี่ยน แล้วก็ทำหน้าจริงจังเช่นกัน พลางเอ่ยอย่างเคารพมากว่า “พวกเราก็ถือว่าเข้าวังมาพร้อมกัน เจ้าเลื่อนขั้นเร็วกว่าข้า แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมากลับไม่เคยดูถูกน้องสาวอย่างข้าเลย ข้าก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนพี่สาวเช่นกัน ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าตรงนี้ เจ้าเห็นเพียงว่าท่านหญิงเจียหนานมีไทฮองไทเฮาคอยปกป้อง ถึงแม้จะใช้ชีวิตอย่างอิสระและสบายใจ ทว่าหากไทฮองไทเฮาสวรรคต ท่านหญิงก็จะเหมือนหงส์ที่ตกลงสู่พื้นหญ้า คนที่สามารถพึ่งพาได้ก็มีเพียงฝ่าบาทแล้วเท่านั้น แต่เจ้ากลับไม่เคยคิดว่า ท่านหญิงยังเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย หากสิ้นไทฮองไทเฮาแล้ว ท่านหญิงยังมีจวนเจิ้นกั๋วกง ยังมีซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง ฝ่าบาทกับไทเฮายังจะเล่นงานท่านหญิง ล่วงเกินเจิ้นกั๋วกง เพียงเพราะท่านหญิงฆ่าทาสรับใช้หยิบมือหนึ่งหรือ? ในเมื่อเจ้ารับใช้อยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท บางครั้งเจออะไรก็ต้องคิดให้มาก”
“ใต้หล้านี้มีเรื่องที่ง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน?”
“ไม่ต้องพูดถึงใครอื่น พูดถึงฝ่าบาทแล้วกัน!”
“ฝ่าบาทควรจะเป็นคนที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้าใช่หรือไม่?”
“แต่ทั้งในและนอกวังนี้ ต่อให้เป็นเรื่องของฝ่าบาท ก็ยังต้องรอรับสั่งจากไทเฮาไม่ใช่หรือ”
“หากเจ้าไม่ได้รับใช้อยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท ข้าพูดแบบนี้เจ้าเชื่อหรือไม่?”
“พี่เสียนอี๋ หลายวันนี้เจ้าหน้าตาเหม่อลอย ทำงานอยู่ก็สามารถใจลอยจนซุ่มซ่ามได้ แค่เห็นก็รู้ว่าเจอหนักหนาเข้าแล้ว ในวังนี้ไม่เหมือนกับที่อื่น บางครั้งยิ่งรู้มากก็ยิ่งยุ่งยาก บางครั้งไม่รู้อะไรเลยก็จะยุ่งยากมากเช่นกัน ข้ารับใช้อยู่ข้างกายท่านหญิง ท่านหญิงดีกับคนที่อยู่ข้างกายเป็นอย่างมาก เจ้าดูติงเซียงกับเถิงหลัวก็รู้แล้ว ข้าตั้งใจจะติดตามท่านหญิง เรื่องของเจ้าข้าก็ไม่ถามแล้ว ถามไปข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“หากเจ้ายังหยุดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ ข้าจะช่วยพูดให้ต่อหน้าท่านหญิง สองวันนี้พี่เสียนอี๋เจ้าพักไปก่อน ไว้จิตใจสงบแล้วค่อยไปรับใช้ท่านหญิงก็ไม่สาย จะได้ไม่เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมากลางคัน และทำให้ท่านหญิงอารมณ์เสีย”
ซ่งเสียนอี๋ได้ฟัง สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคลุมเครือ
ครู่ใหญ่ นางถึงเอ่ยกับฉิงเค่อเสียงเบา “ขอบคุณน้องฉิงเค่อมาก” และจากไปอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ฉิงเค่อมองพลางส่ายหน้าตลอด และไปที่ห้องนอนของเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนหลับลึกไปแล้ว
นางนั่งถักเชือกและคอยเฝ้าเจียงเซี่ยนอยู่ข้างๆ
—
หลี่เชียนเสียใจเล็กน้อย
หากรู้แต่แรกว่าคุกเข่ามาหนึ่งชั่วยามแล้วจะไม่มีใครมาช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาน่าจะสวมชุดที่เย็บซับในบุฝ้ายหนาๆ บนเข่า
นี่เขาคุกเข่าจนขาชาหมดแล้ว
หลี่เชียนสับเปลี่ยนศูนย์ถ่วงซ้ายขวา
ทว่าในมุมมองของคนนอก เขากลับหลังตรงและไม่ขยับแม้แต่น้อย
คนที่รู้เรื่องนี้หาข้ออ้างผ่านตัวเขาไป แล้วจับกลุ่มกันซุบซิบ
“ได้ยินว่าเป็นบุตรชายคนโตของใต้เท้าหลี่แม่ทัพฝูเจี้ยน รับใช้อยู่ที่วังคุนหนิง ฝ่าบาทก็ไม่สนใจเหมือนกันหรือ?”
“นี่ก็คุกเข่ามาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ยังอยากมีเข่าอยู่หรือไม่?”
“ทำไมใต้เท้าเฉายังไม่ออกหน้าช่วยอีก หากคุกเข่าต่อไป เกรงว่าขาจะพิการแล้ว”
หลี่เชียนได้ยินก็รู้สึกร้อนใจ แต่ในดวงตากลับเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งหิมะ
ตอนที่ใต้เท้าเฉารับของของเขาก็ไม่ได้มีท่าทีเย็นชา
ถึงในวังจะเป็นสถานที่แสวงหาชื่อเสียงและผลประโยชน์ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ประจบประแจงเบื้องบนและกดขี่ข่มเหงเบื้องล่างทำตัวไหลไปตามน้ำ ทว่าตอนที่หลี่เชียนรู้ความนั้น หลี่ฉางชิงเป็นจอมโจรในแถบหนึ่งและมีกำลังทหารอยู่ในมือหมื่นกว่าคนแล้ว ถึงตอนหลังจะถูกเกลี้ยกล่อมจนยอมจำนนและสวามิภักดิ์ ราชสำนักก็เน้นปลอบใจเป็นหลัก ยิ่งกว่านั้นพอไปถึงฝูเจี้ยนก็กลายเป็นลูกชายของขุนนางฝ่ายบู๊ระดับสามในทันใด แม้บางครั้งก็โดนรังแกเช่นกัน แต่หลี่ฉางชิงมีเงินมีอำนาจและเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เข้าได้กับทุกฝ่าย ใครก็ไม่อยากตายเพราะล่วงเกินหลี่ฉางชิง ทำอะไรก็มักจะเหลือทางหนีทีไล่เอาไว้บ้าง หลี่เชียนจึงยังไม่เคยโดนเมินเช่นนี้
จะเห็นได้ว่าไม่มีอะไรจะถูกต้องไปกว่าการตัดสินใจที่จะไม่ยอมลดตัวอยู่ใต้อำนาจของคนอื่นอีกแล้ว!
หลี่เชียนลอบยิ้มเยาะ
เขานึกถึงเจียงเซี่ยนตัวการของเรื่องร้ายที่ทำให้เขาต้องมานั่งคุกเข่า
หลี่เชียนก็อดที่จะรู้สึกขบขันไม่ได้
เขาทำแบบนี้ก็ถือว่าร่วมมือแสดงละครกับนางแล้วใช่หรือไม่?
แต่นางต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าตัวเขาจะคุกเข่าอยู่แบบนี้ตลอด
ไม่รู้ว่านางได้ข่าวแล้วจะรู้สึกผิดหรือไม่?
หากรู้สึกผิด…ก็น่าจะชดใช้ให้เขาอย่างดีไม่ใช่หรือ!
นางจะมอบของขวัญอะไรให้เขาอีก?
ช่วยให้ตระกูลหลี่กลับซานซี?
ช่วยให้เขาเลื่อนตำแหน่ง?
หลี่เชียนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด
ด้วยนิสัยของนาง พอตอบแทนเขาอย่างหนักแล้วก็จะต้องลืมเขาไปจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน หากเขาเป็นองครักษ์ในวังไปตลอด ปรากฏตัวตรงหน้านางทุกวัน…นางจะมีท่าทีอย่างไร? จะแสดงสีหน้าออกมาแบบไหน?
หลี่เชียนคิดฟุ้งซ่านไปไกล แม้แต่ความเจ็บปวดบนเข่าก็ค่อยๆ ทุเลาลง
เซี่ยหยวนซีพาใต้เท้าเฉาเดินมาปรากฏตัวต่อสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว
เขายิ้มเล็กน้อย และวางท่าน่าเกรงขาม
ใต้เท้าเฉาสีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจ และรีบดึงมือหลี่เชียน “ข้าไม่คิดว่าท่านหญิงเจียหนานจะเป็นคนอารมณ์ร้ายเช่นนี้ ยังดีที่พอข้าได้ยินข่าวก็รีบมาเลย ฝ่าบาทก็ทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ตรัสว่าทำให้เจ้าลำบากแล้ว ดังนั้นสองวันนี้ให้เจ้าพักได้เต็มที่ ส่วนงานที่ตำหนักหยวนหล่างก็มอบให้สือจิ้นชั่วคราว สองวันนี้เจ้าก็พักทางประตูวังทางทิศตะวันออก ดูงิ้ว ดูกายกรรมไป ไว้ผ่านวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮาไปแล้วกลับไปค่อยว่ากัน”
ดูท่าทางใต้เท้าเฉาไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้มา และฮ่องเต้เห็นด้วยแล้ว เขาถึงมาออกหน้าแทน
หลี่เชียนได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจมาก
ฮ่องเต้เป็นเพื่อนเล่นกับท่านหญิงเจียหนานมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือ? เวลานี้ท่านหญิงเจียหนานถูกรังแก ฮ่องเต้ไม่เพียงไม่ออกหน้าให้นาง ทว่านางกู้สถานการณ์กลับมาเองแล้ว ฮ่องเต้ยังไกล่เกลี่ยราวกับเป็นเรื่องเล็กๆ อีกหรือ?
เพื่อนเล่นตั้งแต่เด็กแบบนี้ ไม่ต้องมีก็ได้!
ท่านหญิงเจียหนานจะเลือกฮ่องเต้ได้อย่างไร?
คนที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนาง ไม่น่าจะเลือกฮ่องเต้กระมัง!
หลี่เชียนนึกถึงที่เจียงเซี่ยนจับชู้ของจ้าวอี้…เขาหรี่ตาพลางยิ้มออกมา
ท่านหญิงเจียหนานน่าจะตัดใจจากฮ่องเต้แล้ว ไม่อย่างนั้นนางก็คงจะไม่ไปพักที่ตำหนักชิ่งซั่นเช่นกัน
ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะสังเกตเห็นหรือไม่?
หลี่เชียนแสยะยิ้ม ทว่าเพราะคุกเข่าอยู่นาน เข่าจึงแข็งจนไม่เชื่อฟังเขาแล้ว เขาโซเซจนเกือบจะล้มลงบนพื้น
ใต้เท้าเฉาที่ยืนอยู่ข้างหลี่เชียนพยุงเขาไว้ได้ทัน พลางเอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า “ระวัง! ระวัง!”
แต่เซี่ยหยวนซีกลับสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และกัดฟันเอ่ยว่า “ตระกูลเจียงก็รังแกคนเกินไปแล้ว…สักวันหนึ่งต้องทำให้พวกเขาเห็นดีกัน…”
ความว่างเปล่าฉายวาบผ่านไปในดวงตาของเฉากั๋วจู้ ทว่าเขากลับแสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา และรีบเอ่ยว่า “หุบปาก! ที่นี่คือภูเขาวั่นโซ่ว”
จะเล่นละครก็ต้องเล่นให้สมบูรณ์แบบ
เซี่ยหยวนซีไม่พูดอะไรอีก แต่สีหน้ากลับยิ่งหม่นหมอง
หลี่เชียนถูกใจมาก
เขายังคงเข้าขากับเซี่ยหยวนซีมากกว่า
มีอำนาจและฐานะที่สำคัญของเซี่ยหยวนซีอยู่ ตอนที่เจอเฉาไทเฮาก็คงได้รับความไว้วางใจจากนางง่ายขึ้นแล้ว
———————