มู่หนานจือ - บทที่ 79 ญาติ
เจียงเซี่ยนรู้นิสัยของเจียงลวี่เป็นอย่างดี เมื่อก่อนตอนที่นางเป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทน เขายังกังวลแทบทุกสิ่งทุกอย่างแทนนาง นางแค่นั่งถือตราประทับของฮ่องเต้ประทับตราอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจก็พอ ยิ่งกว่านั้นเวลานี้นางยังเป็นแค่เด็กสาวที่ยังไม่มีคู่หมั้นคู่หมาย
นางถามอย่างละเอียดว่าลุงของนางอยู่ที่ไหน? เฉาไทเฮาอยู่ที่ไหน? มีใครอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเฉาไทเฮาบ้าง? วันนี้อวยพรวันเกิดแล้ว เฉาไทเฮายังอยู่ที่วัดต้าเป้าเอินเหยียนโซ่วเช่นเดิมหรือไปอยู่ที่อื่น?
ถามมามากแล้ว เจียงลวี่ก็เอ่ยอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่า “เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรยุ่ง วันนี้อวยพรวันเกิดเฉาไทเฮาแล้ว เจ้าก็กลับไปวังฉือหนิงอย่างสบายใจก็พอแล้ว ไทฮองไทเฮาจะได้ไม่เป็นห่วง สองวันหนึ่งคืนนี้เจ้าไม่อยู่ ยังไม่รู้ว่าไทฮองไทเฮานอนหลับหรือไม่?”
เขาไม่พูด เจียงเซี่ยนก็คิดจะล่องเรือตามน้ำกลับไปพรุ่งนี้วันนี้เช่นกัน
นางยิ้มพลางตอบว่า “ได้” ทั้งสองคนคุยเล่นกันอีกเล็กน้อย เจียงลวี่เห็นว่าสายแล้ว จึงกำชับนางว่าไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้น ดื่มชาและกินของว่างเล็กน้อย แล้วไปให้ถึงก่อนอวยพรวันเกิดก็ พูดจามีสาระไม่กี่คำ แล้วก็ลุกขึ้นขอลาเลย
เจียงเซี่ยนยิ้ม พลางส่งเจียงลวี่ออกไปข้างนอก และถามเขาก่อนจะแยกกัน “ท่านคิดจะทำอะไรหลังจากนี้?”
ชาติก่อนหลังจากจ้าวอี้ว่าราชการด้วยตนเอง เจียงลวี่เคยเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการปัญจทิศรักษาพระนครอยู่ระยะหนึ่ง
เจียงลวี่ยิ้มและเอ่ยว่า “ก็แล้วแต่ว่าท่านพ่อจะจัดการอย่างไรกระมัง?”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีก นางมองตามหลังเจียงลวี่ออกจากตำหนักชิ่งซั่นไปแล้วถึงจะกลับตำหนัก
ยามซื่อสามเค่อ นางสวมชุดพิธีการและเครื่องประดับเต็มยศตามระดับตำแหน่ง นั่งเกี้ยวที่ล้อมด้วยผ้าม่านลายหงส์แดงเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ไปวัดต้าเป้าเอินเหยียนโซ่ว
ระหว่างทางเจอฮูหยินป๋อและฮูหยินโหวหลายตระกูล ในนั้นก็มีฮูหยินอันลู่โหว มารดาของซื่อจื่อที่ขวางทางนางบนระเบียงคดเพราะอยากชวนนางคุย ฮูหยินอันลู่โหวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ติดตามอยู่ข้างเกี้ยวนางและคุยจ้อกับนางอยู่นานมาก จนกระทั่งทุกคนที่อยู่โดยรอบพากันเหลือบมอง เจียงเซี่ยนหน้าตาเหนื่อยล้า ฮูหยินอันลู่โหวถึงยอมหยุด
นางคำนวณเวลามาอย่างดี มาถึงอุโบสถตอนอีกหนึ่งเค่อจะเที่ยงตรง
เจียงเซี่ยนเจอท่านหญิงตงหยาง ท่านหญิงอู่หยาง และลูกสะใภ้กับหลานสาวของท่านหญิงทั้งสองแล้ว
ท่านหญิงตงหยางกับท่านหญิงอู่หยางเป็นลูกสาวของอ๋องเจี่ยน ตามลำดับศักดิ์เจียงเซี่ยนต้องเรียกพวกนางว่าป้า
สามีสกุลหานของท่านหญิงตงหยาง เป็นผู้บัญชาการระดับสี่ที่สืบทอดตำแหน่งมาหลายรุ่น สองสามีภรรยารักกันมาก มีลูกชายสองคนลูกสาวหนึ่งคน เจียงเซี่ยนจำไม่ได้แล้วว่าพี่ชายสองคนแห่งสกุลหานอายุมากกว่าตนเองกี่ปีกันแน่ แต่หานถงซินพี่สาวแห่งสกุลหานอายุมากกว่านางแค่ปีเดียว ตอนหานถงซินอายุสิบขวบ เฉาไทเฮาแต่งตั้งให้นางเป็นท่านหญิงชิงอี๋ เพื่อยกย่องอ๋องเจี่ยน
สามีสกุลไช่ของท่านหญิงอู่หยาง มีศักดิ์เป็นพี่ชายของไช่ติ้งจงจิ้นอันโหว นอกจากหน้าตาหล่อเหลาแล้วก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ความสัมพันธ์ของเขากับท่านหญิงอู่หยางก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน เขามีลูกชายสี่คนลูกสาวเจ็ดคน นอกจากลูกชายคนโตที่เกิดจากท่านหญิงอู่หยางแล้ว คนอื่นล้วนเกิดจากอนุภรรยา ตอนแรกเขาเป็นขุนนางเล็กๆ อยู่ที่กองบัญชาการห้าทัพ ตอนหลังเพราะทำให้อ๋องเจี่ยนโกรธ แม้จะยึดตำแหน่งของเขาไปหมดแล้ว เขาก็ไม่รู้จักสำนึกผิดและปรับปรุงตัว กลับกลายเป็นอาการหนักกว่าเดิม ไม่ฟังแม้แต่คำพูดของบิดา ในบ้านไม่ให้เงินเขาเสเพล เขาก็ขโมยของในบ้านไปขาย ขโมยไม่ได้แล้วก็ไปยืม คนในเมืองหลวงต่างรู้เบื้องหลังของเขาก็ไม่กลัวเขาไม่คืน และเอาหลักฐานการยืมมาหาท่านหญิงอู่หยาง ท่านหญิงอู่หยางโกรธเป็นอย่างมาก ขอให้ผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูลออกหน้าจะหย่า เขาก็ซ่อนตัวและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย บวกกับจวนจิ้นอันโหวก็ไม่อยากให้ท่านหญิงอู่หยางถูกทอดทิ้งและกลับไปอยู่จวนของตนเองเช่นกัน ระหว่างที่ไกล่เกลี่ยอย่างไร้หลักการ เรื่องนี้จึงยืดเยื้อแล้วยืดเยื้ออีกแบบนี้ จนเจียงเซี่ยนเกิดใหม่แล้ว ทั้งสองคนก็ยังหย่าไม่สำเร็จ
พวกนางพี่น้องหน้าตาเหมือนกันมาก ต่างก็ตัวสูง หน้ารูปไข่ นัยน์ตาเรียวยาวโดยหางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย เส้นผมสีดำสนิท ใบหน้าขาวผ่องและละเอียด ทว่าเพราะโชคชะตาไม่เหมือนกัน ท่านหญิงตงหยางผู้เป็นพี่สาวดูเหมือนจะเด็กกว่าท่านหญิงอู่หยางผู้เป็นน้องสาวอย่างน้อยสิบปี และท่านหญิงตงหยางก็ใจกว้างและอบอุ่นกับคนอื่นมากกว่าท่านหญิงอู่หยางเช่นกัน พอนางเห็นเจียงเซี่ยนก็ยิ้มและทักทาย จับมือของเจียงเซี่ยนและมองขึ้นลง บอกว่านางเหมือนจะผอมอีกแล้ว ช่วงนี้สบายดีหรือไม่ ไทฮองไทเฮาสบายดีหรือ นางไม่ได้เข้าวังไปคารวะไทฮองไทเฮานานมากแล้ว ไว้อีกสองวันจะไปเยี่ยมไทฮองไทเฮา…มีความใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน
แต่ท่านหญิงอู่หยางกลับแค่พยักหน้าตอนที่เจียงเซี่ยนคารวะนาง
บางทีอาจจะเป็นเพราะเด็กที่ไม่มีที่พึ่งย่อมเป็นแบบนี้เร็ว ตอนที่เจียงเซี่ยนเข้าพบท่านหญิงทั้งสองนั้น คนสกุลหมี่กับคนสกุลหูลูกสะใภ้สองคนของท่านหญิงตงหยางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเรียบร้อยและไม่กล้าขยับ แต่คนสกุลกัวลูกสะใภ้ของท่านหญิงอู่หยางกลับลากลูกสะใภ้ทั้งสองคนของท่านหญิงตงหยางเข้าไปคารวะเจียงเซี่ยนอย่างกระตือรือร้นมาก
เจียงเซี่ยนมองหลายคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็ถอนหายใจเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนนั้นฮ่องเต้เซี่ยวจงก็ทิ้งไว้เพียงไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟย พอมาถึงฮ่องเต้องค์ก่อน…วังหลังก็เหลือแค่เฉาไทเฮาคนเดียว จ้าวอี้ยังไม่ได้แต่งงาน มองไปโดยรอบ ในราชวงศ์ก็มีแต่ลูกพี่ลูกน้องที่ห่างเหินอย่างพวกนาง ส่วนพวกสตรีจากครอบครัวของพี่ชายและน้องชายของเฉาไทเฮานั้น เจียงเซี่ยนไม่เคยรู้จัก
นางถามท่านหญิงตงหยาง “ทำไมถึงไม่เห็นพี่ซินล่ะเจ้าคะ?”
ท่านหญิงตงหยางยิ้มและเอ่ยว่า “พี่ซินของเจ้าดื้อมาก และพวกเราก็มาไว พี่ซินของเจ้าจึงออกไปเที่ยวกับคุณหนูใหญ่ของจิ้นอันโหวแล้ว” แล้วก็สั่งสะใภ้ใหญ่สกุลหมี่ “ไปเรียกน้องสาวเจ้ามา บอกว่าเป่าหนิงมาแล้ว!”
สะใภ้ใหญ่สกุลหมี่ขานรับและออกไป
แต่เจียงเซี่ยนกลับปวดศีรษะเล็กน้อย
พูดถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนจิ้นอันโหวผู้นี้ก็เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเช่นกัน
ชาติก่อนนางเป็นพี่สาวของสามีไป๋ซู่ ถึงแม้สามีจะเป็นเพียงผู้ช่วยระดับหกที่สืบทอดตำแหน่งกันมาหลายรุ่น แต่หน้าตากลับได้สัดส่วน ความสามารถโดดเด่น มีความสนิทสนมกับตระกูลเจียงเล็กน้อย ตอนหลังสะสมความดีความชอบได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการค่ายทหารภูเขาตะวันตก ทว่านางคิดถึงแต่เฉาเซวียนตลอด ภายหลังเฉาเซวียนตกอับ นางยังเคยแอบส่งเงินให้เฉาเซวียนด้วย…เฉาเซวียนไม่แต่งงาน นางก็มักจะแอบให้สาวใช้ประจำตัวของตนเองนำเสื้อผ้าไปให้…ตอนหลังเรื่องแดงออกมา เฉาเซวียนสาบานต่อฟ้าว่าไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับนาง ซึ่งนางก็ยืนยันต่อหน้าจ้าวอี้เช่นกันว่าหลังจากแต่งงานแล้วก็ไม่เคยพบเฉาเซวียนอีกเลย ทว่าท่าทางกลับเด็ดเดี่ยวมาก จ้าวอี้รับรู้ได้ว่านางมีเฉาเซวียนอยู่ในใจ งั้นก็ใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้ หากรับไม่ได้ก็หย่า…ภายหลังไป๋ซู่ยังออกหน้า คุณหนูใหญ่ไช่ทิ้งลูกชายไว้ที่บ้านสามี และพาลูกสาวกลับมาบ้านของตนเอง กลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวง…
ตอนนั้นไป๋ซู่แตกหักกับสามีแล้ว ไป๋ซู่ยังไปยุ่งเรื่องคนอื่นแบบนี้อีก เจียงเซี่ยนคิดว่าไป๋ซู่สมองมีปัญหาอย่างสิ้นเชิง แต่เวลานี้คิดดูแล้ว ไม่แน่ไป๋ซู่อาจจะเสียใจกับคนที่เจอเหตุการณ์คล้ายกับตนเองก็ได้…
ทว่าเจียงเซี่ยนยังไม่เคยเจอคุณหนูใหญ่ไช่ ดังนั้นตอนที่หานถงซินเดินจูงหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ผมดำและตาใสแจ๋วมาแนะนำกับนางอย่างรวดเร็วนั้น นางก็อดที่จะมองคุณหนูใหญ่ไช่อีกหลายครั้งไม่ได้
คุณหนูใหญ่ไช่ยิ้มให้เจียงเซี่ยนอย่างสุภาพมาก และชมเจียงเซี่ยน “ปิ่นปักผมบนศีรษะท่านหญิงอันนี้สวยจริงๆ เป็นปะการังสีแดงเจียระไนใช่หรือไม่? ขนาดเท่าไข่นกพิราบ หาได้ยากจริงๆ!”
สีหน้าของนางทั้งจริงใจและเปิดเผย ทำให้คนสังเกตเห็นว่านางชมจากใจจริงได้ง่ายมาก
ช่างเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเอง
เจียงเซี่ยนอดที่จะรู้สึกชอบนางขึ้นมาไม่ได้ จึงยิ้มพลางถามนางกับหานถงซิน “ข้างนอกมีอะไรน่าสนใจหรือ?”
คุณหนูใหญ่ไช่กับหานถงซินต่างเม้มปากยิ้ม ไม่ตอบ แต่สายตากลับแวววาว เป็นประกายระยิบระยับ
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ที่แท้ก็ต้องเก็บเป็นความลับด้วย!”
ทั้งสองคนปิดปากยิ้ม ไม่ยอมบอกนาง
ข้างหลังนางกลับมาเกิดความวุ่นวายพักหนึ่ง
คุณหนูใหญ่ไช่กับหานถงซินก็มองไปทันที นัยน์ตาสดใสกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
แล้วเจียงเซี่ยนก็ได้ยินคนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เฉิงเอินกงมาแล้ว!”
—————