มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 101 ขยะ
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 101 ขยะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสิ่นต้วนยู่จับท้องของเขา และหัวเราะอย่างหนัก
ผู้ชมรอบๆต่างก็แสดงรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก ไอ้ขี้ขลาดคนนี้ช่างตลกจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเขายั่วยุขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะต่อราคาประมูล
แต่ก็นะ คนไร้ค่าอย่างเขา จะมีเงินมาประมูลได้ยังไง?
การประมูลครั้งนี้จัดขึ้นโดยหลายๆตระกูล หากมีคนจงใจเสนอราคาให้มันสูงเกินควร และเมื่อประมูลได้แล้วกลับไม่สามารถจ่ายเงินได้ เช่นนั้นคงน่าอับอายมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเคอถูกเยาะเย้ยในที่สาธารณะ เขาถามมู่เซิ่งด้วยสีหน้าที่น่าเกลียด”พี่มู่ ทำไมพี่ถึงให้ผมหลีกให้เขาเหรอ?หินก้อนนี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นหินที่สวยมาก ถ้าพลาดแล้ว คืนนี้ก็ยากที่จะพบหินเช่นนี้อีกนะ”
ครั้งนี้ที่เขามาที่นี่นั้น เขามาพร้อมกับภารกิจของพ่อ ก่อนหน้านี้ หินธรรมชาติก้อนนั้นก็ได้หลีกให้เสิ่นต้วนยู่ไปแล้ว ถ้าครั้งนี้ยังยอมให้เขาไปอีก เกรงว่าวันนี้เขาคงต้องกลับไปมือเปล่าแน่นอน
มู่เซิ่งดูออกตั้งนานแล้วว่าหินหยาบนี้เป็นเศษขยะ
ผิวด้านนอกถูกปลอมแปลงด้วยสารเคมี และวัสดุสีอ่อนที่ไม่มีสีจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตสดใสด้วยวิธีการย้อมสี ส่วนสีแดงเลือดที่อยู่ถัดไปนั้น ก็ถูกย้อมออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจในตอนที่ใช้สารเคมี
สีแดงที่คนขายเช็ดไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าทำร้ายพื้นผิว เลยต้องสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาแบบนี้
คิดไม่ถึงว่า หลังจากสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับเมียนมาร์แล้ว ไม่เพียงแต่ราคาจะไม่ถูกกดลงเท่านั้น แต่ราคาของหินหยาบนี้ยังสามารถขึ้นได้อีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้มู่เซิ่งรู้สึกตลกเล็กน้อย
ต้องยอมรับว่า วิธีการหลอกลวงนี้ฉลาดมาก และแม้แต่นักโบราณคดีที่ตรวจสอบวัตถุโบราณหลายคนที่จ้างมากับมือก็ยังถูกหลอก แต่มันก็ไม่สามารถหลอกสายตาของมู่เซิ่งได้เลย
“ถ้าคุณเชื่อผม ก็ปล่อยให้เขาเถอะ”
มู่เซิ่งปล่อยมือของซูเคอ และพูดอย่างสบายๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เชื่อคุณ?คุณคิดว่าคุณเป็นใคร พูดอย่างกับว่ามันเป็นความจริง หรือปรมาจารย์หินหยาบเหล่านั้นไม่เก่งเท่าคุณงั้นหรือ?หรือคุณมีตาทิพย์ และได้มองทะลุนักโบราณคดีก้อนนี้หรือ?”
เสิ่นต้วนยู่หัวเราะออกมาเสียงดัง แสดงท่าทีเย้ยหยันของเขาออกมาอย่างไม่ปกปิด
มู่เซิ่งไม่ได้พูด เขาได้พูดในสิ่งที่ควรจะพูดไปแล้ว ถ้าซูเคอยืนกรานที่จะทำตามความคิดตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดเขา
“ซู่เคอ คุณไม่เชื่อคำพูดของมู่เซิ่งเหรอ?”ในเวลานี้ กู่ชิงเสวียนกล่าว
แม้ว่าเธอจะไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับหินหยาบ แต่เธอก็มีความมั่นใจในตัวมู่เซิ้งอย่างอธิบายไม่ถูก
“เจ็ดสิบล้าน ครั้งที่หนึ่ง!”
ขณะนี้ ผู้ประมูลได้เริ่มนับถอยหลังแล้ว
“เจ็ดสิบล้าน ครั้งที่สอง!”
เสียงของผู้ประมูลดังขึ้นในหู และดวงตาของซูเคอก็จับจ้องไปที่หินหยาบพยายามหาข้อบกพร่องของหินหยาบนี้ น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่มู่เซิ่ง และเขาไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดตั้งแต่เด็ก ในสายตาของเขา หินหยาบชิ้นนี้ เป็นหินที่สวยที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กัดฟันและพูดว่า”พี่ใหญ่ ผมเชื่อคุณหนึ่งครั้ง…”
“เจ็ดสิบสามล้านครั้งที่สาม!ตกลง!”
บูม!
เมื่อค้อนหล่นจากมือของผู้ประมูล หินหยาบชิ้นนี้ก็ตกไปอยู่ในมือของเสิ่นต้วนยู่
ด้วยเงินในราคา 70 ล้าน ก็ได้หินหยาบชั้นยอดเช่นนี้ เสิ่นต้วนยู่ยิ้มจนคิ้วโค้งเป็นเส้นแล้ว แสดงท่าทางได้ใจ และพูดกับซูเคอว่า”คุณชายซู คุณนี่มันขี้ขลาดจริง ๆ พี่ใหญ่ของคุณนี่มันเก่งเกินไปแล้วมั้ง?สามารถสอนวิชาการเป็นคนขี้ขลาดให้คุณ ไม่ก็ให้กู่ชิงเสวียนกับผมด้วยเลยไหม?”
“ไอ้เหี้ยเอ้ย!”
ซูเคอโกรธมาก จนอยากจะลงมือ
ในเวลานี้ มู่เซิ่งขวางอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ยปากพูดเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา”ซื้อขยะมาสองชิ้น และยังภูมิใจขนาดนี้ เรื่องแบบนี้ผมก็พึ่งเคยเห็นครั้งแรกนะเนี่ย”
“เหอะๆ ขยะเหรอ?คุณคิดว่าพูดจากปากคนขี้ขลาดของคุณแค่ไม่กี่คำ ของที่ผมซื้อมาก็จะเป็นขยะจริงๆงั้รเหรอ?”
เสิ่นต้วนยู่ไม่สนใจเลย ไอ้คนไร้ประโยชน์ จะไปรู้อะไร!
เพื่อนๆรอบๆเขา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เขาประมูลหินหยาบไม่ได้ ดังนั้นเขาคงทำได้แค่ปลอบใจตัวเองด้วยการพูดเช่นนี้
“มันช่างตลกจริงๆ หินหยาบสองก้อนนี้เป็นขยะ งั้นหินในนี้ก็น่าจะเป็นขยะหมดใช่ไหม?”
“ใช่ๆ ดูชุดที่เขาใส่สิ เป็นของตลาดนัดทั้งนั้น บอกว่าคนที่มีฐานะเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมการประมูลได้ไม่ใช่เหรอ?เขาเข้ามาได้อย่างไร?”
“คนแบบนี้ หน้าด้านเกินไปแล้ว เขาคงแอบเข้ามากับซูเคอ ช่างน่าอายจริงๆ!”
สำหรับคำเยาะเย้ยของผู้คน มู่เซิ่งไม่ได้สนใจ แต่กู่ชิงเสวียนและซูเคอที่อยู่ข้างๆเขา สีหน้าดูโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะมู่เซิ่งห้ามไว้ พวกเขาคงด่าออกไปนานแล้ว
“พ่อหนุ่ม ในเมื่อคุณคิดว่าคุณมีสายตาที่ดีขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ลองเลือกหยกสักชิ้นสองชิ้นดูล่ะ?”จู่ๆในฝูงชนก็มีคนพูดขึ้นมาเช่นนี้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนรอบๆก็หัวเราะออกมาโดยไม่เกรงใจ คนแบบนี้จะดูเป็นได้ไงล่ะ?เขาพูดเช่นนี้ ส่วนมากก็เพื่อเอาเขามาล้อเลียนเท่านั้น
มู่เซิ่งไม่ได้โมโห พยักหน้าและพูดว่า”ไม่มีปัญหา จุดประสงค์ที่ผมมาที่นี่ในครั้งนี้ ก็เพื่อซื้อหินหยาบตี้หวังลู่”
“ตี้หวังลู่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้ขยะนี่ ช่างกล้าพูดจริงๆ!”
ทุกคนกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป แม้แต่ผู้อาวุโสที่น่าเคารพนับถือบางคนก็ยังเผยรอยยิ้มมุมปาก เขาคงไม่ใช่ตัวตลกที่ได้รับเชิญมาเล่นตลกหรอกใช่ไหม?
“พี่มู่ พี่มั่นใจจริงๆไหมที่จะเปิดตี้หวังลู่ออกมาได้?”ซูเคอถามด้วยเสียงต่ำ แสดงความไม่เชื่อบนใบหน้าของเขา
ตอนนี้หินหยาบดีๆ และสวยๆ ส่วนมากก็ถูกซื้อไปหมดแล้ว และเหลือเพียงหินที่มีตำหนิบางส่วน จะหาหยกสายพันธุ์น้ำแข็งที่ดีๆจากบรรดาหินที่มีข้อบกพร่องเหล่านี้ก็ว่ายากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหาตี้หวังลู่(หยกชนิดหนึ่ง)จากหินเหล่านี้ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
“ลองดูสิ ไม่ว่าจะเปิดยังไง มันก็ดีกว่าขยะสองชิ้นนั้นหรอก”
มู่เซิ่งยิ้มเล็กน้อย และเดินไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยหินหยาบ
เสิ่นต้วนยู่โกรธมากจนคิ้วกระตุกไม่หยุด ยกขาขึ้นแล้วเดินตามไป และพูดด้วยความเย้ยหยันว่า”เหอะๆ คุณบอกว่าสิ่งที่ผมซื้อมาเป็นเศษขยะ?ผมจะคอยดู ว่าคุณสามารถเปิดหินหยาบอะไรออกมาได้บ้าง!”
คนทั้งกลุ่มเดินตามมู่เซิ่งไป ดูอลังการมาก
หลายคนเพิ่งเข้าไปในสถานที่จัดงาน เห็นคนจำนวนมากติดตามมู่เซิ่งไป ต่างก็คิดว่าเขาเป็นบอสใหญ่ หลังจากได้ยินคนในนั้นแนะนำการกระทำอันทรงเกียรติของเขา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และเดินตามไปเหมือนจะไปดูเรื่องสนุกที่จะเกิดขึ้น
ในเวลานี้ มู่เซิ่งได้มาถึงหน้ากองหินหยาบแล้ว
“ก้อนนี้แล้วกัน ผมว่าไม่เลว”
หลังจากเลือกอยู่พักหนึ่ง เขาก็หยิบหินหยาบขึ้นมาถือไว้ในมือ
“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงว่าเขาจะเลือกอันนี้”
“เลือกหินหยาบยังไงเขาก็ไม่รู้เหรอ?ช่างโง่เขลาจริงๆ”
“ตลกจริงๆ นี่มัน ‘อาจารย์’ จริงๆ”
มีเสียงหัวเราะมากมายในฝูงชน และหลายคนก็หัวเราะจนท้องแข็ง
เสิ่นต้วนยู่มองไปที่หินหยาบในมือของมู่เซิ่งทันที
หินหยาบก้อนนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ขนาดเท่าหัวเด็ก แต่พื้นผิวของหินหยาบชิ้นนี้ดูแย่มาก มีรอยร้าวต่างๆอยู่ด้านบน
รอยแตกเปิดและปิด ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อการแปรรูป และเป็นข้อบกพร่องของหยกเจไดต์ด้วย สำหรับคนในวงการ พวกเขาไม่กลัวรอยแตกขนาดใหญ่ แต่กลัวรอยเส้นเล็กๆ ยอมเดิมพันที่สีมากกว่าเดิมพันที่รอย รอยเล็กๆมากมายดูเหมือนว่ามันกำลังจะแตก
“หินก้อนนี้อยู่นี่ตั้งแต่สองสามปีที่แล้วมั้ง?คิดไม่ถึงว่า ในที่สุดวันนี้ก็มีคนตาถั่วมาซื้อมันไป”
มีคนเห็นหินแปลกๆนี้ และแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ
การเยาะเย้ยดังกล่าว ทำให้ฝูงชนหัวเราะอีกครั้ง
“พี่มู่ หินก้อนนี้ สามารถเปิดหยกที่ดีออกมาได้จริงหรือ?”ซูเคอถามอย่างสงสัย เดิมทีเขาคิดว่ามู่เซิ่งได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับหินหยาบมามากมาย แต่เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะเลือกหินหยาบที่ไม่ดีเช่นนี้
“เชื่อผมเถอะ ผมดูไม่ผิดแน่นอน”มู่เซิ่งพยักหน้า เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ซู่เคอต้องการจะโต้แย้ง แต่เรื่องนี้มาถึงจุดนี้แล้ว ก็ให้มันเดินไปจนสุดทางในความมืดแล้วกัน เขากัดฟัน พยักหน้าและพูดว่า”เอาล่ะ เอาหินหยาบก้อนนี้ จ่ายเงิน!”
ตามคำขอของซูเคอ พนักงานก็ได้ชั่งน้ำหนักหินหยาบชิ้นนี้และขายมัน เนื่องจากคุณภาพของหินหยาบก้อนนี้ค่อนข้างต่ำ ราคาของหินหยาบชิ้นนี้จึงไม่สูงมากนัก ขายเพียง 860,000 เท่านั้น
“คุณผู้ชายครับ จะเปิดมันที่นี่ไหม?” เจ้าหน้าที่ถาม
“เปิดตรงนี้เลย”
มู่เซิ่งพยักหน้า เนื่องจากเขาไม่มีอุปกรณ์แกะหินที่บ้าน จึงไม่มีประโยชน์ที่จะนำมันกลับบ้าน
“ฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงว่าคุณกล้าที่จะเปิดมันที่นี่ คุณไม่กลัวหน้าแตกเหรอ?ไม่ก็ เรามาเปิดหินหยาบพร้อมกันไหม แล้วดูว่าชิ้นไหนเป็นขยะ”เสิ่นต้วนยู่ก้าวไปข้างหน้าและพูดคำว่า‘ขยะ’ในปากของเขาดังมาก
“ได้สิ”
มู่เซิ่งพยักหน้า ไม่ใส่ใจ
ทุกคนหัวเราะอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าไอ้โง่คนนี้ยังกล้ามาเปิดต่อหน้าทุกคนแบบนี้