มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 117 การเอาชีวิตรอดในป่า
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่117 การเอาชีวิตรอดในป่า
หลายชั่วโมงต่อมา รถบัสใหญ่ก็ได้มาถึงอุทยานตระกูลหลิ่ว
ที่นี่เป็นพื้นที่โครงการงานสร้างของส่วนบุคคล และก็เป็นสถานที่สำหรับคนสังคมชั้นสูงจะมานั่งห้างล่าสัตว์กัน บ้านตระกูลระดับชั้นสองอย่างตระกูลไป๋และตระกูลเซียว ต้องลงทุนกันอย่างหนัก กว่าจะมีคุณสมบัติเข้ามาทัศนาจรได้
พื้นที่สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่มาก ด้านหลังติดอ่าว อีกด้านเป็นป่าทั้งผืน เห็นว่าในป่ายังมีสัตว์ร้ายนานาชนิด แต่ก็ล้วนเป็นสัตว์ที่เพาะเลี้ยงไว้ในป่า เพื่อใช้สำหรับไล่ล่ากันในวัน ๆ
มาถึงพื้นที่ ไป๋เสี่ยวเสียนพูดกับผู้ดูแลหน้าประตู ปล่อยให้พวกเขาเข้าไป
พวกเขาก็ได้เข้าไปถึงในป่าลึกในไม่ช้า
ที่นี่เป็นจุดกำหนดให้ทุกคนมากางเต็นท์พักกัน เป้าหมายที่พวกเขามากันในครั้งนี้ ก็คือการเอาชีวิตรอดในป่า
พวกบรรดารุ่นลูกเศรษฐีปกติอยู่สุขสบายกับบ้าน ยังไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบป่า ๆ ถึงแม้ที่นี่จะเป็นป่าปลูกขึ้นเอง แต่ก็สร้างความแปลกตาตื่นใจกับพวกเขาอย่างมากแล้ว แต่ละคนหิ้วหอบเอาเต็นท์ที่เตรียมกันมา พากันลงจากรถบัสไป
มู่เซิ่งก็ได้หิ้วเอาเต็นท์ที่เตรียมมาจากบ้าน
เขาเป็นคนเคยอยู่ในกองทัพ บ่อยครั้งที่ต้องเข้าทำการรบในป่าดิบชื้น ป่าแบบนี้สำหรับเขาแล้ว อยู่ได้สบาย ๆไม่แตกต่างอะไรกับอยู่ในสวนหลังบ้าน อย่าว่าจะมีงูร้ายหรือสิงห์เสือหมาป่าเลย ต่อให้เป็นป่าดิบชื้นจริง ๆ ให้เขาหลับตาเดินยังออกพ้นไปได้
พวกเหล่าบรรดาลูกเศรษฐีพวกนั้นยังกำลังง่วนอยู่กับการศึกษาวิธีประกอบเต็นท์กันอยู่ มู่เซิ่งก็ได้จัดการกางเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เจียงหว่านอยู่ข้าง ๆ ยืนหน้าแดงมองไปที่เต็นท์ เต็นท์ที่กางเสร็จแล้วนี้ไม่ได้เหมือนอย่างห้องนอนในบ้านเลย ไม่ได้กว้างขนาดนั้น ถ้าให้เข้าไปนอนด้วยกันในกลางคืน คงเลี่ยงไม่ได้ที่ตัวต้องเบียดกันอย่างชิดใกล้
ทว่าในใจของเธอนั้น กลับซ่อนด้วยความอยากให้รีบเป็นตอนกลางคืน
สีหน้าแดงระเรื่อของเธอ ยิ่งได้ดึงดูดเอาสายตาหนุ่ม ๆ เข้ามาในทันที
ไป๋เสี่ยวเสียนเดินเฉียดเข้ามา พูดด้วยสีหน้าเหยียด ๆ “มู่เซิ่งกางเต็นท์ได้ไวจริง ๆ นะ อยู่บ้านคงทำงานใช้แรงแบบนี้ประจำสิท่า?”
“ฮ่า ๆ ๆ ”
พอออกเสียงพูดไปแล้ว ทุกคนต่างก็หัวเราะฮากันออกมาลั่น
ไป๋เสี่ยวเสียนมองพิจารณามู่เซิ่งด้วยสายตาเหยียด ๆ มันก็แค่เศษขยะ จะไปเยาะเย้ยมันยังไงก็ไม่เป็นไร จึงได้เอ่ยปากต่อหน้าทุกคน ด้วยคำพูดก้าวร้าวไม่ไว้หน้า
“เจียงหว่าน นี่ก็คือบ่าวที่บ้านเธอเอาเข้ามานะหรือ?”
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าเธอทำไมพกเขามาด้วย ที่แท้เขากางเต็นท์ได้เร็ว เอามาเป็นแรงงานใช้สอย”
“แต่ว่า เต็นท์อันเล็กแค่นี้ ไอ้เศษขยะนั่นประมาณว่าคงต้องนอนนอกเต็นท์แล้วมัง”
ทุกคนต่างเฮฮากันขึ้นมา ต่างหัวเราะใส่มู่เซิ่งกันอย่างเปิดเผย
ไป๋เสี่ยวเสียนหัวเราะเสียงฮ่า ๆ ถึงไงอยู่ที่บ้าน เขาก็มีสิทธิ์นอนแค่กับพื้นอยู่แล้ว!”
ทุกคนได้ยินเข้า ก็ฮากันครืนขึ้นมาอีก
“พวกคุณพูดพอกันหรือยัง?”
เจียงหว่านพูดเสียงหนาวเยือก ทนฟังไม่ได้แล้ว
มองท่าทีเจียงหว่านน่าจะโกรธจริง พวกหนุ่มลูกเศรษฐีพวกนั้นชักไม่กล้าออกเสียงอะไรแล้ว พวกเขาถึงแม้ล้วนแต่ระดับลูกเศรษฐี แต่ตระกูลเจียงมีแววพุ่งทะยานทะลุฟ้า!เมื่อไหร่ที่งานโครงการซีไห่เสร็จสมบูรณ์ เป็นไปได้อย่างมากว่าจะก้าวอันดับไปถึงตระกูลชั้นหนึ่ง บ้านตระกูลพวกเขาที่ให้พวกเขามาก็เพื่อผูกไมตรีกับตระกูลเจียง พวกเขาไม่กล้าคิดจะมีเรื่องไปกระทบกระทั่งกับเจียงหว่านอยู่แล้ว
ไป๋เสี่ยวเสียนแค่นเสียงฮึออกมาเหยียด ๆ แต่ก็ต้องหยุดการเย้ยเยาะ เขารู้สึกไม่เข้าใจเอาเลย ก็ไม่ใช่หรือว่าเจียงหว่านเกลียดไอ้เศษขยะนี่จะตาย ทำไมตอนนี้กลับมาออกหน้าแทนไอ้หมอนี่
มู่เซิ่งยิ้มชืด ๆ จัดการเก็บความเรียบร้อยของเต็นท์ต่อไป
ถ้าหากว่าเขาเกิดบันดาลโทสะได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำของพวกเศษขยะพวกนี้ เขาก็ไม่ใช่คนที่ออกมาจากหน่วยมังกรแล้ว
ในชั่วบรรยากาศสงบลงได้แค่นิดเดียวนั้นเอง ขณะนั้นเอง ก็มีรถท่องเที่ยวแล่นเข้ามาจากลิบ ๆ คันหนึ่ง สายตาไป๋เสี่ยวเสียนก็ได้มองเข้าไปทางนั้น พลันสีหน้าก็ให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
มองไปที่รถ เงาร่างสวยเช้งของใครคนหนึ่งเดินลงมา
โจวเสว่ฉี!ตระกูลโจว
คนทั้งหมดถึงกับตะลึง เสียงฮือฮาตามมาไม่หยุด!
ตระกูลโจวถึงแม้ก็เป็นบ้านตระกูลชั้นสอง แต่โจวเสว่ฉี กับกู่ชิงเสวียนและเจียงหว่าน พวกเธอสามคนนี้ถูกขนานว่าสามยอดสาวงามแห่งเจียงหนาน!ก็คงพอจะเห็นได้ว่าค่าความงามของเธอสูงขนาดไหน
สำหรับโจวเสว่ฉี วันนี้อยู่ในชุดกระโปรงสั้นสีเลือดหมู เปิดแผ่นหลังขาวเนียนดังแผ่นกระจก คอสวยระหง เด่นสง่าอย่างคลาสสิก บุคลิกสูงส่ง แค่เพียงเดินลงจากรถ ก็กลายเป็นจุดรวมสายตาของคนทั้งบริเวณ
จะว่าไป เจียงหว่านคนนี้ก็มีสามีแล้ว แต่สาวโจวเสว่ฉีนี้ ยังไม่มีหนุ่มคู่ควงเลย!
ทุกคนเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกทันที
“ต้องขออภัยค่ะ วันนี้มาสาย”
โจวเสว่ฉีก้มค้อมตัวลงนิด ๆ ความขาวเนียนดังหิมะตรงหน้าอกทำเอาลูกตาความเป็นชายจ้องค้างทื่อ
“ไม่เป็นไร สุภาพบุรุษรอสุภาพสตรี เป็นเรื่องสมควรแล้ว โดยเฉพาะสาวสวยอย่างคุณ” เซียวผิงก้าวขึ้นหน้าแล้วพูด วางท่าที่คิดว่าเป็นมาดสุภาพบุรุษที่สุด
ไป๋เสี่ยวเสียนทำปากเบ้ คิดไม่ทันว่าที่ปล่อยให้ไอ้หมอนี่ชิงตัดหน้าก่อน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทุกท่านรอกันนานแล้วสินะ!” ในขณะนั้นเอง บนรถก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินลงมา ในมือถือโทรโข่งอันใหญ่ พูดใส่ไปที่ทุกคน
หลิ่วผู่คุน คุณชายบ้านตระกูลหลิ่วของจริง นี่แหละคุณของสถานที่แห่งนี้ พวกกลุ่มไป๋เสี่ยวเสียนกับเซียวผิง ทุ่มเทไปไม่รู้เท่าไหร่ จึงได้ทำให้เขายินยอมให้พวกเขามาจัดกิจกรรมกันที่นี่
มาถึงข้างหน้าทุกคน หลิ่วผู่คุนกระแอมทำเสียงขยับลูกคอ มองไปรอบบริเวณแล้วหัวเราะไปพูดว่า “ทุกท่าน ระเบียบการแคมป์ปิ้งของเราง่าย ๆ ก็คือไม่มีกฎเกณฑ์ แต่ว่าผมต้องขอย้ำอยู่เรื่องหนึ่ง นั้นก็คือขอให้ระวังเรื่องความปลอดภัย!”
“ทั้งนี้ ที่นี่เป็นพื้นที่สำหรับล่าสัตว์ของตระกูล มีพวกสัตว์ป่าแพะภูเขาเก้งกวางมากอยู่ ถ้าพวกคุณมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย ก็ขอเชิญมารับปืนล่าสัตว์ไว้ป้องกันตัวได้คนละกระบอก!”
หลิ่วผู่คุนพูด บนตัวเขา มีปืนล่าสัตว์หลากชนิดมากมาย
หากเป็นช่วงปกติ พวกลูกหลานเศรษฐีจะต้องห้อมล้อมกันเข้าไปเอาปืนแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าโจวเสว่ฉีกับเจียงหว่านสองสาวนี้ เพื่อวางมาดคนกล้า ต่างรีบส่ายหน้าพูดว่า “ขอบคุณคุณชายหลิ่ว ทว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องใช้ปืนหรอก”
“นั่นสิ ไม่เห็นจำเป็น!”
เหล่าบรรดาลูกเศรษฐีเอ่ยปากพูดกัน กลัวแต่จะถูกหาว่าพวกเขาขี้ขลาด
“ล้วนแต่จะไม่เอาปืนล่าสัตว์?” หลิ่วผู่คุนชะงักอึ้งนิดหนึ่ง รอยยิ้มที่ดูน่าคิดหนักแสดงออกบนใบหน้า
“มู่เซิ่ง พวกเราเอาปืนล่าสัตว์ไว้คนละกระบอกเถอะ?”
ได้ยินว่าบริเวณนี้มีสัตว์ป่า เจียงหว่านให้รู้สึกกลัว พูดเสียงเบา ๆ
“ไม่เป็นไร” มู่เซิ่งส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “มีฉันอยู่ ต่อให้ไดโนเสาร์มาทั้งตัวผมก็เอาตายได้”
เจียงหว่านอึ้งชะงัก อดไม่ได้หัวเราะคิกออกมา
ไป๋เสี่ยวเสียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินเสียงสองคนคุยกัน เห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบกำลังคุยระรื่นกันกับไอ้เศษขยะคนหนึ่งอยู่ ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมา แค่นหัวเราะเหยียด ๆ พูดว่า “เฮอะ ๆ ผมเคยเรียนเทควันโดมา เพราะฉะนั้นผมป้องกันตัวผมเองได้ แล้วคุณเศษขยะนั่นของเธอเขามีอะไรที่เป็นบ้างไหม?”
ในคำพูดของไป๋เสี่ยวเสียน ส่อชัดถึงการสบประมาทที่เข้มข้น
“ฮ่า ๆ ๆ!”
ได้ยินที่พูด ทุกคนฮากันขึ้นมาทันที มานาทีนี้ มู่เซิ่งกลายเป็นจุดรวมสายตาอีกครั้ง
“เฮ้อ ไอ้เศษขยะนี่ไม่ใช่เห็นพวกเราไม่รับปืนล่าสัตว์ ก็เลยคิดว่าเขาจะมีความสามารถทำได้อย่างพวกเรามั้ง?”
“นั่นสิ พวกเราลูกหลานคนมีตระกูล ล้วนมีการฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก มีพื้นฐานกันอยู่ แกนี่จะมีขี้อะไรกันนะ?”
“ฮ่า ๆ ๆ ถึงเวลาเจอของจริงเข้า น่ากลัวคนที่วิ่งได้เร็วที่สุดต้องยกให้แกแน่!”
พวกกลุ่มลูกเศรษฐีสนุกสนานกันสุด ๆ
“เอาเถอะ ในเมื่อทุกท่านมีความมั่นใจในตัวเองมาก งั้นผมไม่ขอรบกวนสุนทรียรมณ์ของพวกท่านละ บนรถยังมีเตรียมเบ็ดตกปลามีดตัดไม้และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้พวกท่านได้ไปตกปลาเล่นตัดผลไม้ป่ากินกันได้ ให้ได้อรรถรสในการปิกนิกป่าอย่างเต็มที่” หลิ่วผู่คุนหัวเราะ
คนพวกนี้มั่นใจตัวเองมาก ก็ปล่อยพวกมันมั่นใจกันไปให้พอ
“รบกวนคุณชายหลิ่วมากเกินไปแล้ว”
เซียวผิงพูดขึ้น
เป็นลูกหลานคนมีตระกูล การฝึกศิลปะวิชาเพลงมวยเป็นสิ่งที่ต้องมีเป็นพื้นฐาน และที่ว่ากันว่าคนมากพลังก็มาก ถึงแม้ไม่มีปืน แต่หากเจอสัตว์ป่า พวกเขาก็ไม่กลัวอยู่แล้ว