มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 133 เตะทีละคน
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 133 เตะทีละคน
เสิ่นหยิงเซี่ยตกใจมาก รีบพูดอย่างลุกลี้ลุกลน“ประธานอู๋คะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะ ที่เจียงหนาน ไม่มีใครมาเทียบได้ไม่ใช่หรอ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ได้ยินพ่อกับพี่ชายผมบอกว่า ที่เจียงหนานมีแค่คนคนเดียวที่ผมล่วงเกินไม่ได้ ตำแหน่งของเขาสำหรับตระกูลอู๋ของเราแล้ว ก็เหมือนกับสุนัขรับใช้กับเจ้านาย”อู๋เยว่กล่าว
“เจ้านายของตระกูลอู๋?”
จางฮุยสูดหายใจเข้า ตระกูลอู๋เป็นตระกูลชั้นหนึ่งมานานหลายทศวรรษ เจ้านายของเขา ตกลงเป็นใครกันแน่?
“อย่างไรก็ตามช่วงนี้พ่อและพี่ชายของผม เอาแต่ยุ่งกับเรื่องที่เจ้านายไหว้วานให้พวกเขาทำ ไม่มีเวลาสนใจผม และไม่ได้บอกความจริงกับผม”อู๋เยว่พูดอย่างส่ายหัวไปมา“แต่ไอ้ลูกเขยเล็กๆคนหนึ่งที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ฉันอยากจัดการมันทิ้งซะ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ”
ในเวลานี้เอง จู่ๆร่างกายของเสิ่นหยิงเซี่ยก็สั่นสะท้าน มีคนสองคนนั่งอยู่ด้านล่างบาร์สองคน นั่นมันเพื่อนสนิทของเธอกับมู่เซิ่งไอ้คนไม่เอาถ่านนั่นไม่ใช่หรอ!
“คุณชายอู๋ สองคนนั้นที่อยู่ชั้นล่าง คิดไม่ถึงว่าจะถวายตัวให้เราถึงที่”เสิ่นหยิงเซี่ยชี้ไปที่มู่เซิ่งแล้วกล่าวอย่างชั่วร้าย
อู๋เยว่ชี้ไปที่ตัวเขา ภายในผับที่มีแสงไฟสลัว ทำให้เขามองสองคนที่อยู่ชั้นล่างไม่ค่อยชัดนัก แต่จากภาพรวมแล้ว น่าจะเป็นไอ้คนไม่เอาถ่านของตระกูลเจียงคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไปกันเถอะ ผมจะช่วยสั่งสอนเขาเอง รอจนกว่าสินค้าจะวางจำหน่ายในวันพรุ่งนี้ ค่อยปล่อยให้เขาอยู่อย่างสิ้นหวัง!”อู๋เยว่พูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย
เสิ่นหยิงเซี่ยกับจางฮุยรีบลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ ในสมองของเสิ่นหยิงเซี่ย คิดไว้แล้วจะเยาะเย้ยถากถางไอ้คนไม่เอาถ่านยังไง
มู่เซิ่งทำให้เธออับอายขายขี้หน้ามาหลายครั้ง ตอนนี้เธอมีอำนาจแล้ว ไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแน่นอน อย่างนอกจะให้มู่เซิ่งคุกเข่าให้ได้ ทำให้เจียงหว่านตาสว่างรู้ว่าสามีของเธอเป็นคนไร้ค่ามากแค่ไหนถึงจะหนำใจ
นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ มู่เซิ่งสั่งค็อกเทลมาสองแก้ว
“มู่เซิ่ง นายมาที่นี่หลายครั้งแล้วใช่ไหม?”
เจียงหว่านชิมค็อกเทล ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อน่ารัก
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน”มู่เซิ่งพูดความจริง ไม่เคยกินเนื้อหมู ไม่เคยเห็นหมูวิ่งงั้นหรอ เขาเคยดูไนต์คลับผ่านทีวีมา
พู่!
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น จู่ๆก็ขวดเหล้ากระแทกพุ่งเข้ามา มู่เซิ่งเบี่ยงตัวเล็กน้อย แล้วรับขวดเหล้าเอาไว้อย่างแม่นยำ
“โห คิดไม่ถึงว่าจะมีฝีมือนินา”อู๋เยว่เดินจากข้างหลัง แล้วพูดอย่างยิ้มๆ
ถ้าขวดเหล้าเมื่อสักครู่กระแทกโดนหัวล่ะก็ หัวของมู่เซิ่งคงแบะออกไปแล้ว แต่สามารถไหวตัวได้อย่างรวดเร็วในขณะที่พูด สิ่งนี้ทำให้อู๋เยว่อดชื่นชมเขาไม่ได้
“เสิ่นหยิงเซี่ย ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เจียงหว่านมองไปที่เพื่อนสนิทที่อยู่ด้านหลัง พลันถามอย่างตกใจ
“ฉันก็รู้สึกบังเอิญเหมือนกัน เจียงหว่าน ตอนนี้เธอกับไอ้คนไม่เอาถ่านก็อยู่ที่นี่ด้วย”เสิ่นหยิงเซี่ยพูดอย่างเยาะเย้ย
คำพูดถากถางของเสิ่นหยิงเซี่ยทำให้เจียงหว่านอดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอกับเพื่อนสนิทคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเลยในขณะที่เรียนมหาวิทยาลัย แต่สองจุดที่เธอเกลียดที่สุด ก็คือการที่เธอชอบเปรียบเทียบบารมี!
อู๋เยว่ไม่พูดอะไร จู่ๆก็ทำมือส่งสัญญาณให้ดีเจ
ดนตรีที่กำลังเล่นกันอย่างมันส์ระเบิดหยุดลงทันที และหนุ่มสาวที่กำลังกระโดดโลดเต้นกันอยู่ก็หยุดลงโดยพลัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เสียงดนตรีล่ะ?แม่ง หยุดทำไมวะ!”
“เหี้ย ใครแม่งให้หยุดวะ อยากตายรึไง ฉันกับสาวๆยังเต้นกันไม่หนำใจเลยนะเว้ย!”
บรรดาวัยรุ่นนักเลงหัวไม้พากันด่ากราด
“ฉันเป็นคนหยุดเอง พวกแกมีอะไรห้ะ?”อู๋เยว่พูดเสียงดัง
เมื่อวัยรุ่นพวกนั้นเห็นอู๋เยว่ ก็หุบปากทันที นี่เป็นถึงคุณชายตระกูลอู๋เชียวนะ พวกเขาไม่กล้าล่วงเกิน
“คุณชายอู๋ ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง”
“เมื่อกี้ผมปากเสียไปหน่อย ขอโทษนะครับคุณชายอู๋”
“คุณชายอู๋จะทำธุระ หุบปากเงียบให้หมดนะเว้ย!”
มู่เซิ่งที่เห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ จึงอดยิ้มขึ้นมาอย่างจนใจไม่ได้ ดูท่าวัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้าจะตำแหน่งไม่ธรรมดา ไม่อย่างงั้นคนมากมายที่อยู่ที่นี่จะรู้จักเขาหมดได้อย่างไร
แต่ว่าคุณชายอู๋งั้นหรอ?
“พ่อของคุณคงไม่ใช่อู๋หยู่เหวินหรอกนะ?”มู่เซิ่งถาม
คำพูดของมู่เซิ่งทำให้อู๋เยว่อดขำขึ้นมาไม่ได้ แล้วกล่าวว่า“โอ้ คิดไม่ถึงว่าไอ้คนไม่เอาถ่านอยากแกจะรู้จักพ่อฉันด้วย?แต่ว่านะ ในเมื่อแกรู้จักพ่อของฉัน งั้นแกก็ควรรู้นะว่า การล่วงเกินฉันจะผลลัพธ์จะเป็นยังไง?”
“ก่อนที่จะพูดถึงชะตากรรมของคุณ คุณควรโทรหาอู๋หยู่เหวินก่อนไหม ถามเขาดูนะว่า ชะตากรรมที่ล่วงเกินฉันจะเป็นยังไง?”มู่เซิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
เนื่องจาก ตอนนี้อู๋หยู่เหวินกำลังทำงานให้เขาตัวเป็นเกลียว ทำในสิ่งที่สุนัขตัวหนึ่งควรจะทำ ลดปัญหาเขาไปได้เยอะเลยทีเดียว
“โทรหาพ่อฉันงั้นหรอ?”อู๋เยว่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน“คนอย่างแกยังอยากให้พ่อฉันออกหน้าอีกงั้นหรอ?ฉันคนเดียวจัดการแกก็พอแล้ว!”
“ไอ้เด็กนี่ทำให้พูดจาแบบนี้ รู้ไหมว่าคุณชายอู๋ของเราเป็นใคร?”
“คุณชายอู๋ ไม่ต้องลำบากให้คุณลงมือหรอกครับ ตอนนี้ผมจะช่วยคุณจัดการหมอนี่เองครับ เพื่อระบายความโกรธให้คุณ!”
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ท่าทางเหมือนนักเลงเดินล้อมเข้ามา แถมยังพูดก่นด่ามู่เซิ่งด้วย
“ไอ้เด็กบ้า ถ้าแกคุกเข่าลงตอนนี้ แล้วขอโทษคุณชายอู๋ ฉันจะไว้ชีวิตแก”ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่แขนมีรอยสักเดินปรี่เข้ามา แล้วพูดประจบคุณชายอู๋
ปึ้ง!
เสียงดังเหมือนระเบิดดังขึ้น ทำให้คนตกใจสะดุ้ง
ชายฉกรรจ์ที่มีรอยสักที่แขนรีบนั่งกอดหัวเอาไว้ จากนั้นเลือดสดๆก็ไหลออกมา
“กว่าฉันจะมีโอกาสมาดื่มกับเมียฉัน พวกแกยังจะมารนหาที่ตายอีก”มู่เซิ่งเริ่มก่นด่า แต่ก็ได้ลงมือไปแล้ว ความเร็วของเขานั้นว่องไวมาก หลังจากจัดการคนเสร็จนักเลงคนอื่นๆถึงพึ่งรู้สึกตัว
“เชี้ย ไอ้หมอนี่มันกล้าลงมือ!”
“ฆ่ามันซะ!”
นักเลงหลายคนรีบปรี่เข้าไปล้อมลงจะทำร้ายมู่เซิ่ง แต่ละคนใช้หมัดพุ่งเข้าไปหาเขา
ปึ้ง!ปึ้ง!
มู่เซิ่งใช้หมัดทั้งสองข้างกระแทกไปที่ร่างของนักเลงที่เป็นหัวโจก แล้วใช้ขวดเหล้าที่เหลือครึ่งเดียว กระแทกแทงไปที่โต๊ะ
“อ้าก!มือของฉัน!”
ขวดเหล้าแหลมคมมาก แทงจนทำให้นักเลงคนนั้นได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลพุ่งออกมาจากมือของเขา
หลังจากนั้น มู่เซิ่งก็ใช้เท้า
นักเลงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าถูกเขาเตะจนล้มลงกับพื้น กุมท้องเอาไว้แล้วถอยหลังไปหลายก้าว พุ่งชนกับอู๋เยว่ ทำให้ตรึงเขาไว้ข้างหลัง
“ไอ้เหี้ย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ!”อู๋เยว่พูดอย่างโมโห
หลังจากนั้น เขายังไม่ทันได้ผลักออก ก็มีนักเลงกลุ่มหนึ่งที่ถูกมู่เซิ่งเตะกระเด็นออกมา ทับอู๋เยว่เอาไว้จนขยับดิ้นไปไหนไม่ได้
พวกนักเลงอันธพาลถูกปรามไว้ในทันที เคยเห็นคนต่อสู้เก่งดุดัน แต่ไม่เคยเห็นคนที่ต่อสู้อย่างไม่จริงจังแบบนี้ ทำอย่างกับเตะต่อยเด็กตัวน้อยๆยังไงอย่างงั้น พวกเขาไม่มีความสามารถที่จะต้านทานได้ แต่ละคนถูกกระแทกทุ่มลงกับพื้น
หลังจากที่วัยรุ่นพวกนั้นล้มกองอยู่ที่พื้น มู่เซิ่งก็พาเจียงหว่าน เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
เจียงหว่านหน้าแดงก่ำ ด้วยความเมาเล็กน้อย เธอตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนพูดอะไรไม่ออก เธอยังพูดกับมู่เซิ่งอย่างตื่นเต้นว่า“มู่เซิ่ง นายเก่งจังเลยอ่ะ คนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายด้วยซ้ำ”
“ถ้าไม่เก่งจะเป็นสามีของเธอได้ยังไงล่ะครับ?”มู่เซิ่งพูดอย่างยิ้มๆ
“ฮ่าๆ ก็จริง!”
จู่ๆเจียงหว่านก็จุ๊บไปที่แก้มของมู่เซิ่งหนึ่งที แล้วพูดอย่างจริงจังว่า“ขอบคุณนะคะ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาแล้ว ฉันจะเป็นแบบคุณให้ได้ค่ะ เตะอุปสรรคขวากหนามที่อยู่ตรงหน้า ให้กระเด็นพ้นๆไป!”
มู่เซิ่งคิดไม่ถึงว่าเจียงหว่านจะสามารถรับแรงกดดันอะไรได้มากขนาดนี้ เธอสามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ในใจของเขา ยังคงแอบสัญญาว่า จากนี้ไปจะไม่มีทางปล่อยให้เจียงหว่านทนแบกรับแรงกดดันขนาดนี้เพียงลำพังอีกต่อไป
ตอนนี้ ภายในไนต์คลับ
นักเลงกลุ่มหนึ่งล้มระเนระนาด ท่าทางอนาถมากๆ
“ไปรึยัง?เขาไม่เห็นผมเนี่ยนะ?”
จางฮุยกอดหัวของเขาเอาไว้ นั่งหมอบกับพื้น รู้สึกโชคดีราวกับว่าเขายังมีชีวิตอยู่หลังจากเกิดภัยพิบัติ
เขาคงไม่รู้ว่า วันนี้เพราะเจียงหว่านอยู่ในที่เกิดเหตุ มู่เซิ่งถึงลงมืออย่างปรานี
“แม่งเอ้ย ดึงกูขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
อู๋เยว่คำรามเสียงดังท่ามกลางกองมนุษย์
จางฮุยรีบวิ่งเข้าไป“ประธานอู๋ครับ ผมจะดึงคุณขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยครับ”
เพี๊ยะ!
รอจนอู๋เยว่ถูกถึงขึ้นมาจากกลุ่มคน เขาก็ตบไปที่ใบหน้าของเสิ่นหยิงเซี่ยทันที“ถ้าไม่ใช่เพราะแก วันนี้กูคงไม่ต้องมีสภาพทุเรศแบบนี้!”
เสิ่นหยิงเซี่ยกุมหน้าเอาไว้ ไม่กล้าตอกกลับ แม้แต่จางฮุยสามีของเขายังต้องพึ่งพาอู๋เยว่ เธอมีสิทธิ์อะไรต่อปากต่อคำ?ทำได้แค่จดบัญชีแค้นตบนี้ไปที่มู่เซิ่ง
รอพรุ่งนี้ สปาหรงเหมยจะต้องเสียชื่อเสียงจนพังพินาศ ฉันจะคอยดูว่าแกจะตายลงไปยังไง!