มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 140 สัญญาแต่งงานสามปี
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 140 สัญญาแต่งงานสามปี
ฃ
ถังเสี่ยวเยว่เงียบไม่พูดไม่อะไร ในสายตาคนนอกอย่างเธอ มันเข้าใจได้ยากมากๆ แต่มีแค่มู่เซิ่งเท่านั้นที่รู้ การอยู่ในตระกูลเจียง มันกลับคุ้มค่ามาก สามปีที่อยู่ด้วยกันมา เขาซึมซับเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เจียงหว่านกลายเป็นสิ่งที่มู่เซิ่งไม่สามารถขาดหายไปได้ ดั่งคนที่ดื่มน้ำ ที่มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเย็นหรือร้อน มีแค่มู่เซิ่งคนเดียวเท่านั้นที่รู้
ความรู้สึกที่มู่เซิ่งมีต่อเจียงหว่าน มีแค่มู่เซิ่งที่สามารถสัมผัสมันได้ ไม่ใช่ตระกูลเจียง คนอื่นๆจะรู้หรือเข้าใจได้อย่างไร?
“ช่วงนี้ฉัน จะออกจากเจียงหนานสักพัก”จู่ๆมู่เซิ่งก็พูดขึ้น
“ทำไมคะ?”ถังเสี่ยวเยว่ถาม
“ไปเยียนจิง”มู่เซิ่งกล่าว“ตอนผมไม่อยู่ ตระกูลเจียงจะต้องทำให้เจียงหว่านลำบากใจ หวังว่าคุณจะช่วยเธอหน่อย”
เมื่อได้ยินเยียนจิงสองคำนี้ ถังเสี่ยวเยว่ก็ไม่ถามอะไรมากความ เธอพยักหน้า เธอเดาได้นานแล้ว ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่ธรรมดา จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเยียนจิง สถานที่แบบนั้น ไม่ใช่ที่ที่เธอมีความสามารถแล้วเธอจะเข้าใจได้
ถังเสี่ยวเยว่พยักหน้า แล้วพูดว่า“บอสคะ วางใจเถอะค่ะ ฉันจะเอาใจเจียงหว่านเป็นอย่างดี ถ้าเธอสามารถแบ่งที่ให้ฉันได้เป็นสนมของคุณบ้างก็ดีสินะ”
“งั้นก็ต้องดูว่าเธอจะยอมไหม”มู่เซิ่งกล่าวอย่างยิ้มๆ
“เพราะผู้ชายบึกบึนอย่างคุณ ผู้หญิงคนเดียวเอาไม่อยู่หรอกค่ะ ฉันมีประสบการณ์นะ สอนพี่สะใภ้ได้”ถังเสี่ยวเยว่ถกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย ทำไม้ทำมือโชว์ข้อมือของเธอ แล้วส่งสายตาภายใต้แสงจันทร์ เห็นได้ชัดว่ากำลังหว่านเสน่ห์
“เอ่อ……ผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เซิ่งก็ไม่กล้าเสวนาด้วย รีบถอยหลังจากไปทันที
ถ้าพูดต่อไป ใครจะไปรู้ว่าปากของผู้หญิงคนนี้จะพูดจาลามกอะไรออกมาอีก
เขากลับไปยังคฤหาสน์เพียงลำพัง พบว่าเจียงหว่านได้หลับไปแล้ว เธอนอนเหยียดขายาว ยึดครองพื้นที่ของเตียงทั้งสอง มู่เซิ่งค่อยๆย้ายเธอไปยังที่นอนเดิมอย่างระมัดระวัง
“ผัวขา จุ๊บฉันทีหนึ่งสิ”
ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหรือเป็นคำพูดละเมอ เจียงหว่านเบี่ยงตัว ทำปากจู๋เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
มองดูใบหน้าของเจียงหว่านที่กำลังนอนหลับ เขาก็อมยิ้มเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำก่อน เขาบรรจงจูบไปที่ใบหน้าของเจียงหว่านหนึ่งที
เจียงหว่านเลียริมฝีปาก แล้วขยับตัวเบี่ยงไปอีกด้าน แล้วนอนต่อไปอย่างฝันหวาน
เช้าวันต่อมา
จ้าวหลินตื่นตั้งแต่เช้า แล้วเดินทางไปธนาคารคนเดียว
เมื่อวานจางเหวินเจี๋ยโทรหาเธอแล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมา แต่จางเหวินเจี๋ยพูดกับเธอว่าเขาจะไม่จีบเจียงหว่านอีกแล้ว นอกจากจ้าวหลินจะทำให้มู่เซิ่งกับเจียงหว่านหย่ากันได้ หลังจากที่เขาแต่งงานแล้ว เขาถึงจะจ่ายเงินสี่สิบล้านให้จ้าวหลิน
จ้าวหลินไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆจางเหวินเจี๋ยถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เธอทำได้แค่พยายามทำให้เขาสงบจิตสงบใจ
หย่าก็ส่วนหย่า แต่สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด เงินในธนาคาร เธอต้องรีบถอนออกมา
ก่อนที่เจียงเจิ้งจื๋อจะตาย ได้ฝากเงินไว้ในธนาคารก้อนใหญ่ และได้กำหนดไว้สามปีถึงจะสามารถถอนได้ จ้าวหลินเอาแต่เฝ้าคิดถึงว่าจะได้รับเงินก้อนนี้ ไม่อย่างนั้น เธอคงบอกให้เจียงหว่านหย่ากับมู่เซิ่งนานแล้ว
และวันนี้
ในที่สุดก็ถึงกำหนดสามปีแล้ว!
“ธนาคาร ฉันต้องถอนเงินออกมา!”
เมื่อเปิดประตูของธนาคารเข้ามา เจียงหว่านเข้ามาเป็นคนแรก เธอนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ธนาคารแล้วพูดว่า
เธอแสดงหลักฐานการฝากเงินของเจียงเจิ้งจื๋อ ผ่านไปไม่นาน ผู้จัดการธนาคารก็ต้อนรับเธอเข้าไปในห้องทำงาน แล้วพูดกับเธอว่า“คุณผู้หญิงครับ โปรดรออยู่ที่สักครู่นะครับ”
“รีบไปสิรีบไป”จ้าวหลินอดรนทนไม่ไหว
เธอเป็นคนรู้ว่าก่อนตายสามีได้ทำธุรกิจไว้ เปิดบริษัทใหญ่โต แต่สุดท้ายหลังจากที่ตายไม่ได้เหลือเงินไว้ให้พวกเธอแม้แต่แดงเดียว เงินพวกนี้จะต้องฝากไว้ในธนาคารแน่นอน!
“คุณผู้หญิงครับ นี่คือพินัยกรรมที่สามีคุณทิ้งไว้ครับ”
ผู้จัดการธนาคารหยิบกล่องเหล็กเก่าเปื้อนฝุ่นออกมา วางไว้บนโต๊ะของห้องทำงาน
จ้าวหลินรีบเปิดกล่องออกอย่างทนไม่ไหว หยิบบัตรออกมาจากกล่องเหล็กใบนั้น แล้วถามว่า“ในบัตรมีเงินเท่าไร?โอนออกมา ใส่บัญชีของฉัน!”
เธอทนความตื่นเต้นในใจไม่ไหว หลังจากรอมาสามปี ในที่สุดเธอก็ได้เงินมา สำหรับพินัยกรรมของสามีเธอไม่แม้แต่จะเหลือบมอง
แต่แล้ว คำพูดต่อมาของผู้จัดการ กลับทำให้เธอเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
“คุณผู้หญิงครับ ในบัตรมีเงินหนึ่งล้าน โอนเข้าบัญชีของคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ”
“ว่าไงนะ?จะมีแค่หนึ่งล้านได้ยังไง?”จ้าวหลินรู้สึกลนลาน เธอกระชากคอเสื้อของผู้จัดการ แล้วถามเสียงดัง“สามีฉันมีเงินอย่างน้อยหลายสิบล้าน จะมีแค่เงินหนึ่งล้านได้ยังไง?คุณแอบฮุบเงินทั้งหมดในบัตรไปแล้วใช่ไหมห้ะ?!”
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ คุณผู้หญิง ที่นี่เป็นธนาคารแห่งชาตินะครับ ไม่มีการทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”ผู้จัดการรีบโต้กลับ
เสียงดังดึงดูดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หลังจากพวกเขาพุ่งตัวเข้ามา แยกตัวพวกเขาออกจากกัน จ้าวหลินยังคงไม่ยอมแพ้ เธอเอาแต่กรีดร้องโวยวายว่าผู้จัดการฮุบเงินของเธอ
การกระทำของเธอ ทำให้นายธนาคารเจียงหนานเริ่มตกใจ
เจียงเจิ้งจื๋อนำเงินก้อนโตมาฝากไว้ที่เขาด้วยตัวเอง เมื่อสามปีก่อน ดังนั้นเรื่องนี้เขารู้ดีที่สุด เขาเอ่ยปากพูดว่า“นายหญิงจ้าวครับ คุณดูพินัยกรรมของสามีก่อนเถอะ อาจจะได้คำตอบจากในนั้น”
“หึ ถ้าพวกคุณกล้าฮุบเงินของฉัน รอใช้ชีวิตในคุกตลอดชีวิตได้เลย!”
จ้าวหลินชี้หน้าทุกคนด้วยความโกรธ หลังจากนั้นก็หยิบพินัยกรรม และเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
พินัยกรรมเก่ามาก และเนื้อหาด้านบนเขียนไว้อย่างชัดเจน
หากเจียงหว่านกับมู่เซิ่งแต่งงานกันครบสามปี ถ้าอย่างนั้นเขาจะให้เงินส่วนหนึ่ง หนึ่งล้าน
แต่ถ้าหากมู่เซิ่งกับเจียงหว่านมาเอาเงินก่อนนี้พร้อมกัน และรับปากว่า หลังจากนี้ไปจะไม่หย่ากัน ถ้าอย่างงั้นเธอจะได้เงินที่เหลืออีกห้าสิบล้าน!
แต่ว่าหลังจากที่ได้รับมรดกแล้ว พวกเขาทั้งสองคนหย่ากัน ทนายจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยึดมรดกนั้นกลับคืนมา
พินัยกรรมด้านบนเขียนไว้อย่างชัดเจน จ้าวหลินเอาจำได้ ลายมือนี้เขียนโดยสามีของเธอจริงๆ แต่เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าสามีของเธอจะทำพินัยกรรมเช่นนี้ และในตอนท้ายเขาเขียนสาธยายไว้มากมาย เหมือนว่าเขาทำผิดต่อมู่เซิ่ง ไอ้คนไม่เอาถ่านนั่น มีสิทธิ์อะไรให้เขาต้องรู้สึกผิดแบบนี้?
“คุณผู้หญิงครับ ถ้าคุณทำตามเงื่อนไขของพินัยกรรม เราจะนำเงินห้าสิบล้านที่เหลือออกมา”นายธนาคารพูด เงินห้าสิบล้าน อยู่ที่พวกเขา เป็นทรัพย์สินจำนวนไม่น้อยเลย
จ้าวหลินดวงตาแดงก่ำ ต้องรู้ว่า ในหัวใจของเธอ มู่เซิ่งเป็นแค่ลูกเขยปลอมๆของเธอ แต่ถ้าหากทำตามพินัยกรรม จากนี้ไปก็จะหย่าร้างไม่ได้ เธอยังคาดหวังให้ลูกสาวของเธอแต่งงานกับลูกเขยเต่าทองคำอย่างจางเหวินเจี๋ย!
ห้าสิบล้านมันเยอะกว่าสี่สิบล้านอยู่แล้ว แต่นอกจากเงินสี่สิบล้านแล้วจางเหวินเจี๋ย ยังสามารถหาเงินได้อีก!
ในขณะนี้จ้าวหลินเริ่มรู้สึกสับสน
เธอคิดไปคิดมา และสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง แล้วพูดอย่างเย้ยหยัน“ฉันขอกลับไปคิดดูก่อน”
หลังจากสามีตาย เธอก็ไร้ซึ่งที่พึ่งพาของตระกูลเจียง ในสายตาของเธอมีแต่เงิน เธอคิดว่าขอแค่มีเงินทอง เธอถึงจะมีตำแหน่งและสถานะในอนาคต
รอเธอกลับมาถึงคฤหาสน์ มู่เซิ่งกำลังอุ้มเตาทองแดงเดินออกมาจากห้องเก็บของ จ้าวหลินอดรู้สึกมีน้ำโหขึ้นมาไม่ได้ เธอพูดอย่างเย้ยหยัน“แกเก็บขยะกลับมาอีกแล้วหรอ?วันๆเอาแต่เก็บเศษขยะพวกนี้กลับบ้าน?”
มู่เซิ่งหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร สิ่งนี้เขาได้คุ้นชินนานแล้ว
“ยังหัวเราะอีก แกรู้ไหมเพราะแกคนเดียว ฉันต้องสูญเสียเงินไปมากมายแค่ไหน!”
จ้าวหลินโกรธจนกระทืบเท้า