มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 144 เคารพเหมือนเทพมาร
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 144 เคารพเหมือนเทพมาร
“เจ้าเด็กบ้า ยังไม่ไสหัวออกไปอีกเหรอ?”
เห็นมู่เซิ่งยืนอยู่ที่ประตูไม่ไหวติง รปภ.ก็โกรธทันที
เขาและบอดี้การ์ดแข็งแกร่งสองคนที่อยู่ข้างกาย แกว่งกระบองไปมาแล้วเดินขึ้นมา”
“แย่แล้ว ผู้ชายคนนี้จะต้องโดนทุบตีแน่นอน”
“สมน้ำหน้า ใครให้มันหาเหาใส่หัวตัวเองล่ะ”
“คนบ้านนอกเหล่านี้ส่วนใหญ่เข้ามาในเมืองเป็นครั้งแรก ถ้าไม่โดนทุบตีสักครั้ง ก็จะไม่เห็นใครอยู่ในสายตา”
ผู้หญิงหลายคนที่นั่งอยู่ที่แผนกต้อนรับเมื่อเห็นฉากนี้ พูดคุยและล้อเลียนกัน ในสายตาของพวกเขา ผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียวคือมู่เซิ่งถูกทุบตี
และในขณะนี้
รถคันหรูจอดที่ทางเข้าบริษัท ประตูรถเปิดออก บอดี้การ์ดชุดดำหลายคนเดินออกมาจากประตู ยืนขนาบข้าง และมีชายวัยกลางคนพุงใหญ่ กำลังเดินเข้ามาท่ามกลางฝูงชน
“ท่านประธานกลับมาแล้ว”
“แย่แล้ว ประธานกลับมาเวลานี้ ถ้าเขาเห็นมีคนมาขวางอยู่หน้าประตูบริษัท พวกเราตกงานแน่!”
“ไอ้เศษสวะ แกยังมายืนที่นี่ทำไม? รีบไสหัวออกไปซะ!”
รปภ.หน้าซีดด้วยความตื่นตระหนก และกำลังจะลงมือจัดการไล่มู่เซิ่งออกไป ก็ได้ยินเสียงอันน่าเกรงขามแว่วเข้ามา
“รอสักครู่!”
ปีนี้เหยาเผิงก็มีอายุสามสิบต้นๆ แม้ว่ารูปร่างจะอ้วน ออร่าที่ปลูกฝังมาจากการหมกมุ่นอยู่กับธุรกิจมาหลายปีเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่มี ทันทีที่เขาพูด รปภ.ก็ยืนขึ้นทีละคนทันที ไม่กล้าขยับเขยื้อน
“สวัสดีประธานเหยา”
“สวัสดีประธานเหยา”
รปภ.ทั้งสองหยุดยืน ยืนอยู่ฝั่งซ้ายและขวาเพื่อทำความเคารพ
เหยาเผิงเหลือบมองทุกคนอย่างเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “เกิดอะไรขึ้น? ที่ทางเข้าบริษัททำไมมีคนจำนวนมาก พวกคุณไม่รู้หรือสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท?”
รปภ.ตกใจกลัว และพูดซ้ำๆ ท่านประธาน ผู้ชายคนนี้อยากพบท่าน แต่ไม่ได้นัดไว้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ให้เขาเข้าไป ดังนั้นจึงขวางเขาไว้นอกประตู”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาเผิงยิ้มอย่างเย็นชา “คนที่อยากเจอฉันมีมากมาย จากนี้ไปสำหรับคนแบบนี้ทุบตีและไล่ออกไปเลย อย่าปล่อยให้มาสร้างปัญหาหน้าบริษัท”
“จริงเหรอ?”
มู่เซิ่งยิ้มอย่างเฉยเมย ออร่าเย็นราวกับน้ำแข็ง ชั่วขณะครอบงำเหยาเผิง เหมือนการดูถูกของผู้บังคับบัญชา
“ฉัน……”
เหยาเผิงอ้าปากเล้กน้อย ร่างกายก็แข็งทื่อทันที
เสียงที่คุ้นเคยนี้……
เขาหันหัวทันที มองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยที่ใส่หมวกแก๊ป และก็ตัวสั่น
คือเขา!
ที่แท้ก็คือเขา!
เขาถูกไล่ออกจากตระกูลมู่แล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ ปรากฏตัวอยู่ในเมืองเยียนจิงได้อย่างไร?
แต่เขาไม่กล้าถาม เพียงแค่มองไปที่ใบหน้าของมู่เซิ่ง ก็มีเหงื่อไหลทั่วร่าง เขาโค้งคำนับเล็กน้อย บีบไขมันบนใบหน้าเป็นกลมๆ แสดงรอยยิ้มที่ประจบสอพลอที่สุดในชีวิต และพูดว่า “คุณชายมู่ ท่านกลับมาแล้วเหรอ?”
“คุณจะทุบตีและไล่ฉันเหรอ?” มู่เซิ่งหันกลับมาอย่างเย็นชา และถามอีกครั้ง
“ไม่ ผมจะกล้าเหรอ……”
บูม!
เหยาเผิงยังพูดไม่จบ ก็ถูกมู่เซิงเตะเข้าที่หน้าท้อง เขาแสดงสีหน้าด้วยเจ็บปวด มือจับท้อง คุกเข่าลงบนพื้น
“คุณมู่ ขอโทษด้วย ที่ปล่อยให้ท่านรอนาน เชิญท่านมากับผม” เหยาเผิงล้มลุกคลุกคลานขึ้นจากพื้น พยักหน้าและโค้งคำนับให้มู่เซิ่ง และนำทาง
หลังจากเหยาเผิงพูด ทุกคนรอบๆก็เงียบไปครู่หนึ่ง
รปภ. เหล่านั้น ผู้หญิงแผนกต้อนรับ ทุกคนต่างตกตะลึงจนยืนอยู่ที่เดิม และบอดี้การ์ดทั้งสองที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นประธานเหยาเป็นแบบนี้?
โค้งคำนับ แม้ถูกเตะ ก็ไม่กล้าโต้กลับ คนๆนี้เป็นใครกัน ถึงทำให้เขาหวาดกลัวได้ขนาดนี้?
เวลาดูเหมือนจะหยุดอยู่กับที่ ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเหยาเผิงพามู่เซิ่งเข้าไปในลิฟต์ และเลือนหายไปจากสายตาของทุกคน
“นี่……นี่ใครวะ?”
“ไม่รู้ แต่ต้องเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่แน่นอน ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่ประธานเหยาก็ยังให้ความเคารพ?”
“แย่แล้ว พวกเราได้ล่วงเกินผู้มีอิทธิใหญ่คนนี้ ครั้งนี้ คงจะไม่ตายมั้ง……”
รปภ.เหงื่อแตก พวกเขาไม่คาดคิด ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า จะมีภูมิหลังที่ทรงพลังเช่นนี้ หากเขาทำคนเช่นนี้ขุ่นเคืองใจ การลาออกจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุดแล้วมั้ง?
ผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าแผนกต้อนรับ เกือบจะเป็นลมเพราะความตกใจ
ในขณะนี้ ในห้องทำงานของเหยาเผิง
มู่เซิงนั่งในตำแหน่งที่เหยาเผิงเคยนั่ง เหยาเผิงยื่นมือทั้งสองข้างไปหน้า คุกเข่าต่อหน้ามู่เซิ่งด้วยความเคารพ ราวกับสุนัขที่เห็นเจ้าของและให้ความเคารพ
“ฉันไม่ได้กลับมาหลายปี ดูเหมือนนายจะลืมแล้วว่าตัวเองเป็นใคร” มู่เซิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้และพูดเบาๆ
“คุณชายมู่ ผมก็เป็นสุนัขรับใช้ของท่าน จะไปกล้าลืมตัวตนของตัวเองได้อย่างไร” เหยาเผิงเหงื่อแตก หวาดกลัวมาก และพูดว่า “ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าคุณจะมา ดังนั้นจึงไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ผมสมควรตาย ผมสมควรตาย!”
ขณะที่เหยาเผิงพูดก็ใช้แรงตบหน้าตัวเอง แรงมาก จนแก้มของเขาบวมอย่างรวดเร็ว
แต่เขาไม่กล้าหยุด เขากลัวมู่เซิ่ง เหมือนบูชาเทพมาร!
คนอื่นอาจไม่รู้จักตัวตนของเขา แต่เหยาเผิงรู้ และเข้าใจอย่างชัดเจน ในปีนั้นเขายังเป็นชายหนุ่ม เพื่อเงินเขาเดินทางไปกลับจากสามเหลี่ยมทองคำพื้นที่อันตราย ต่อมาถูกทหารรับจ้างมาปล้น มู่เซิ่งช่วยพวกเขาไว้ และให้เงินพวกเขาจำนวนหนึ่ง ชี้ทางออกให้พวกเขาไปที่เมืองเยียนจิงเพื่อพัฒนาตัวเอง
ด้วยโอกาสนี้เหยาเผิงกับหานเจ๋อหราน จึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากความยากจน สู่นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หานเจ๋อหราน ทำเงินได้อีกครั้ง ก็ลืมความช่วยเหลือของมู่เซิ่ง และคิดว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ด้วยตัวเขาเอง ในใจของเขามีความคิดนี้โผล่ออกมา แต่เมื่อเขาเห็นตระกูลหานเจ๋อหรานถูกทำลายล้าง เขาก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดนี้แบบนี้อีก!
ในเวลานั้นมู่เซิงที่ไม่มีใครสนใจ ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ซึ่งตลอดชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันลืม!
“พอแล้ว!” มู่เซิ่งพูดเบาๆ
ตอนนี้เหยาเผิงถึงกล้าหยุด ภายใต้การตบหน้าตัวเอง ด้านซ้ายของเขาบวมจนไม่น่าดู
“ฉันสามารถให้แกมีสถานะในปัจจุบันได้ และก็สามารถทำให้แกไม่เหลืออะไรได้ จะไปหรืออยู่ น่าจะรู้ว่าควรเลือกวิธีไหนแล้วใช่ไหม?” มู่เซิ่งมองไปที่เหยาเผิงซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วพูดเบาๆ
เหยาเผิงจะไม่เข้าใจในคำพูดของมู่เซิ่งได้อย่างไร เขาก้มคำนับซ้ำแล้วซ้ำอีกและพูดว่า “คุณชายมู่ ผมจะวางสถานะตัวตนให้ชัดเจนเสมอ ผมก็เป็นสุนัขตัวหนึ่ง สุนัขของท่าน!”
“ตระกูลมู่เป็นอย่างไรบ้าง?” มู่เซิ่งถาม
“ผู้นำตระกูลมู่นอนโรงพยาบาล และสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก แพทย์หลายคนเห็นว่าไม่มีทางรักษาได้ มู่จงหยุนและคนอื่น ๆ กำลังเตรียมการอย่างลับๆ รอกลืนตระกูลมู่” เหยาเผิงรายงาน
นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่เขาสืบมาได้
“มู่จงหยุน? ไว้ชีวิตเขาไว้ก่อน และให้มีชีวิตอยู่อีกสองวัน” มู่เซิ่งพูดเบา ๆ
เมื่อเหยาเผิงได้ยินเช่นนี้ เปลือกตากระตุก แม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นผู้นำตระกูลมู่ แต่สถานะปัจจุบันของมู่จงหยุน อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในตระกูลมู่นั้นมีอิทธิพลที่สูงส่ง มู่เซิ่งคนนี้กล้าดียังถึงจะฆ่ามู่จงหยุน?
แต่เรื่องแบบนี้ อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา เขาแค่ต้องรู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไร ดังนั้นเหยาเผิงจึงพูดว่า “คุณมู่ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ท่านต้องการให้ผมจัดการก็สั่งมาได้เลย”
“ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของนาย ไม่สามารถดึงดูดฉันได้ ที่ฉันมาในวันนี้ เพื่อดูว่านายบิหารไปถึงไหนแล้ว” มู่เซิ่งพูด “สะสมความแข็งแกร่งต่อไป ถ้าฉันมาครั้งหน้า ก็จะถึงเวลาที่ต้องการให้นายลงมือ”
“แน่นอน มันอาจเป็นการเอาชีวิตของนายด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาเผิงก็คุกเข่าก้มคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะกลัวว่าจะทำให้มู่เซิ่งขุ่นเคืองใจ
ใครจะคาดคิดว่า คนนอกมองว่าเหยาเผิงเป็นผู้ทรงอำนาจ ตอนนี้ถึงกับคุกเข่าต่อหน้ามู่เซิ่ง ราวกับสุนัขที่หวาดกลัว